xs
xsm
sm
md
lg

“เปิ้ล นาคร” เผยคำพูด “ปอ” วัน “แตงโม” ตกเรือ ทำไมถึงกลับบ้าน “ผมหาจนเหนื่อยแล้ว” ลั่นเห็นสปีดโบ๊ตลอยกลางน้ำ มีคนเฝ้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เปิ้ล นาคร” เข้าให้ข้อมูล DSI กรณี “แตงโม นิดา” ตกเรือ รับเป็นห่วงหลังรู้แตงโมไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ ขับเรือตามหา เห็นสปีดโบ๊ตลำเกิดเหตุลอยอยู่กลางน้ำ มีคนเฝ้า 3-4 คน ยังงงทำไมคนบนเรือกลับบ้าน ลั่นได้คุยกับ “ปอ ตนุภัทร” ยังเฉ่ง หาเพื่อนไม่เจอ ทำไมถึงกลับบ้าน คาใจแตงโมฉี่ท้ายเรือ ปวดฉี่ทำไมไม่บอกให้จอดเรือ ขนาดให้ลูกขับเจ็ตสกี ตนยังไม่กล้าหันหลังยืนฉี่เลย

เดินทางเข้าไปให้ข้อมูล ตามหมายเชิญจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สำหรับ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” นักแสดงและพิธีกรอารมณ์ดี กรณี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ตกเรือสปีดโบ๊ตจมแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต วันที่ 24 ก.พ. 65 ซึ่งเปิ้ลได้ขี่เจ็ตสกีออกตามหาแตงโมในวันดังกล่าว 

โดยช่วงเช้าวันนี้ (17 มี.ค.68) เปิ้ล นาคร ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ยอมรับว่า 3 ปีก่อนตอบคลาดเคลื่อนเรื่องเวลา เพราะจำไม่ได้จริงๆ พร้อมเล่าเหตุการณ์ว่าได้คุยกับคนบนเรือ ฟังเหตุผลในการหาแตงโมไม่เจอ แต่ทำไมกลับบ้าน ชี้มองว่ารอดยาก เพราะไม่ใส่ชูชีพ แต่ก็ยังหวังให้แตงโมรอด

“การเจอดีเอสไอวันนี้ เตรียมเรื่องจริงที่เราเจอในวันนั้น ภาพอื่นที่ไม่ได้เจอ คงจินตนาการต่อให้ใครไม่ได้ คงพูดแต่เรื่องวินาทีที่เรารับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกนาทีก็เล่าเหมือนเดิม เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

ที่เคยบอกไปว่าได้รับโทรศัพท์ 2 ทุ่ม มีคนคาใจ ตอนนั้นให้สัมภาษณ์ แต่พอกลับไปเล่าให้เมียฟัง เมียตบหัวว่าจะบ้าเหรอ สองทุ่มอะไร สองทุ่มยังอยู่งานเลี้ยงเรียนคอร์ส ยังไม่ได้กลับบ้านเลย คร่าวๆ ประมาณ 4-5 ทุ่ม แต่เปิ้ลจำเวลาไม่ได้ ก็เลยบอกไปแบบนั้น แต่รู้ว่ามันเป็นเวลากลางคืนที่เรากลับบ้านมาแล้ว เรานอนแล้ว นอนไปแป๊บเดียวเอง จูนบอกว่าพี่เปิ้ลๆ เพื่อนบอกแตงโมตกน้ำ โทรศัพท์ให้ไปช่วย

เป็นการเล่าก่อนไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ไม่รู้เขาห้ามเล่าหรือเปล่า แต่นักข่าวบอกว่าเล่าไปเถอะพี่ (หัวเราะ) ช่วยรับผิดชอบด้วยนะ เรื่องจริงก็คือเรื่องจริงแล้วกัน แต่เวลาเนี่ย อย่าไปหาเวลามาเทียบจุดศูนย์นาทีกับเปิ้ลนะ เพราะจำไม่ได้จริงๆ เรื่องเวลา จูนบอก 4-5 ทุ่ม ที่จำได้ไปถึงท่าน้ำตอนประมาณเที่ยงคืน เราไม่ได้เรคคอร์ดโทรศัพท์ไว้ด้วยว่าเขาโทร.มากี่โมง เพราะมัน 3 ปีมาแล้ว”

รับเป็นห่วงจนต้องออกมาช่วยตามหา หลังรู้ว่าแตงโมไม่ใส่เสื้อชูชีพ
“แต่เท่าที่จำได้ตอนนั้น กลับมาบ้านเราอาบน้ำเตรียมตัวจะนอน จูน (ภรรยา) ก็วิ่งเข้ามาบอกว่าพี่เปิ้ล เพื่อนตกน้ำ เราถามใครตกน้ำ เขาบอกแตงโม อ้าว ฉิxหาย ตกน้ำ เราก็จะนอนต่อ เราถามว่าตกที่ไหน จูนบอกว่าเรือสปีดโบ๊ตที่แม่น้ำเจ้าพระยา เราก็อ๋อ ไม่เป็นไร ตกเพื่อนเขาก็ต้องช่วยดิ ก็จะนอนต่อ แต่สักพักก็ลุกขึ้นมา เฮ้ย จูนโทร.ไปถามใหม่ ใครโทร. มา เขาบอกว่าโบ (สุรัตนาวี สุวิพร) โทร. เราก็บอกให้โทรไปถามใหม่ เขาใส่เสื้อชูชีพหรือเปล่า จูนโทร.ไปถามอีกที ปรากฏว่าไม่ได้ใส่ชูชีพ

เราก็ตายห่x เราอยู่ในน้ำมาทั้งชีวิต ไม่ใส่ชูชีพ การตกลงไปในน้ำวนๆ มันดูดยังไงเราก็ไม่รู้ สัญชาตญาณเราปึ้ง เป็นห่วงมาก เราก็บอกว่าไปด่วน เร็ว ที่ไหน

ก็รีบเปลี่ยนชุดขึ้นรถเลย สรุปไปที่นนทบุรี ขอโทษที่จำรายละเอียดบางอย่างไม่ได้ จูนถามว่าอยู่ตรงไหน เราก็โทร.หาเพื่อน ใครอยู่แถวนั้น ใครมีเจ็ตสกีให้สแตนบายด่วน แต่ไม่มีใครรับสาย จูนหาข้อมูลให้มากที่สุด ปักหมุดไปที่นนฯ เริ่มเข้าซอยก็เห็นเจ้าหน้าที่ เริ่มเห็นคนเยอะ เราก็คิดว่าน่าจะตกแล้ว คงไม่ธรรมดาแล้ว น่าจะหากันไม่เจอ เพราะเห็นหลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิเต็มไปหมดเลย”

เผยเพื่อนแตงโมกลุ่มแรกที่เจอ
“กลุ่มแรกที่เราเจอ เป็นกลุ่มเพื่อนแตงโม ฮิปโป - แอนนา นั่งหน้าตื่นกันอยู่ มีแฟนแตงโม เบิร์ด เทคนิค เราถามฮิปโปมาทำอะไร เขาบอกแตงโมตกน้ำ เราก็ไม่รู้ว่าเขาซี้กันขนาดนั้น ก็ถามว่าพวกแกมาทำอะไรวะ อ๋อ เขาสนิทกัน เบิร์ดมึงมาทำไม ก็เพิ่งรู้ว่าเป็นแฟนแตงโม เพราะเบิร์ดเรารู้จักกันตั้งแต่ทำสาระแน เขาก็เด็กอาร์ต ทำศิลปะร่วมกัน ครีเอทีฟกับกลุ่มเพื่อนเด็กๆ น้องๆ ที่ทำงานด้วยกันที่บริษัท ก็เลยพอๆ จะรู้จักเบิร์ดบ้าง ก็ถามว่าตกตรงไหน เขาบอกต้องไปอีกท่า กลุ่มแอนนาบอกว่าอีกท่าเป็นจุดที่แตงโมตกตรงนั้นพอดี

เราก็ขับรถไปอีกท่า เจอเจ้าหน้าที่เต็มเลย พอดีมีเจ็ตสกีขับมา 3-4 ลำ อ้าว เจออ้น เพื่อนกัน คนรู้จักกันพอดี เขาบอกว่ามาช่วยหาแตงโม ก็ถามว่ามีเหลืออีกลำไหม เอาลูกน้องขึ้นแล้วขับเจ็ตสกีออกไปด้วยกัน คนเราถ้าตกน้ำ ไม่มีชูชีพ อย่างน้อยไปติดตอม่อไหม ก็ไปหาตรงตอม่อ หรือใต้ถุนน้ำ เราหาหลายชม. มืดด้วย ก็ค่อยๆ ขับหาๆ ไปถามเจ้าหน้าที่ จนไปมุดใต้ถุนบ้าน คิดว่าอย่างน้อยหมดแรงก็เกาะตอม่อเสาบ้าน ก็ยังดีวะ ตัวเลอะโคลนให้เห็นก็ยังดี แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ หากันนานมาก”

เอ๊ะแรก เจอคนเฝ้าเรือสปีดโบ๊ตลำเกิดเหตุกลางแม่น้ำ แต่คนบนเรือกลับบ้านหมดแล้ว
“กลับมาหาจูนก็บอกว่ายังไม่เจอ ก็ออกหาอีก จนสุดท้ายถามว่าเขาลงเรือมาจากตรงไหน เขาบอกอู่เรือบอล ปทุมธานี เราเคยเอาเจ็ตสกีไปลงที่นั่นบ่อย เราใช้บริการที่นั่น เราก็รู้จักกัน ก็ขับเจ็ตสกีไป ก็เจอเรือที่แตงโมตกน้ำลอยอยู่กลางแม่น้ำ เราก็ขับไปหา เห็นเหมือนลูกน้อง 3-4 คน มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย ก็ถามว่าน้อง แล้วคนขับไปไหน เขาบอกว่าขึ้นไปแล้วค่ะ ก็ถามว่าแล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้ เขาบอกให้มาเฝ้าเรืออยู่ตรงนี้ นี่คือภาพที่เราจำได้นะ เราก็ขับเรือกลับ เอ๊ะ ตกลงหาแตงโมเจอแล้วเหรอ เขาถึงขึ้น ทำไมหาไม่เจอแล้วมันกลับบ้านกันวะ ในใจก็คิดสงสัยแค่นั้น

เราก็หาต่อจนถึงตี 4 ได้ ถ้าจำไม่ผิดนะ ถ้าผิดก็ขอโทษด้วย เราก็ง่วงแล้ว ก็สาธุภาวนาเขาอาจจะหมดแรง ไปเกาะอยู่ตอม่อบ้านใครสักคนนึงแล้วหลับคาตอม่อ สายๆ อาจมีคนมาเจอ ก็ภาวนาให้แตงโมรอด เราก็คิดว่าต้องรอด ขอให้ลอยไปติดแบบนั้น พอเช้านอนไม่เท่าไหร่เลย หนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) โทร.มาบอกว่าให้ไปออกโหนกระแสหน่อย ก็บอกว่าพี่ยังไม่ได้นอนเลย เอาวะ เผื่ออย่างน้อยประโยชน์ที่เราลงไปเห็นอะไรตรงนั้น อาจช่วยสะกิดคนที่ดูข่าวเช้านั้น จะได้มุดไปมองใต้ถุนบ้านตัวเอง แตงโมอาจหมดแรงแล้วนอนอยู่ ก็ช่วยกันอะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ยอมไปสัมภาษณ์

ถามว่าเจอเรือตอนไหน เอาตรงๆ ว่าเวลาเราจำไม่ได้จริงๆ ถ้าจะให้มั่วๆ ก็ตีสองตีสาม ความรู้สึกไม่ได้ใกล้ ไม่ใช่ขับไปปุ๊บแล้วเจอเลย ขับไปสักระยะนึง สภาพเรือเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เราก็ไม่ได้สังเกตมาก รู้แค่ว่าเฮ้ย น้องมานั่งทำอะไรกันตรงนี้ เขาบอกว่าให้มาเฝ้าเรือ ตอนนั้นเรือลอยอยู่กลางน้ำ ตอนนั้นเราไม่ได้สงสัยอะไรเลย เราไม่ทันคิดเรื่องพวกนี้ รู้แค่ว่าต้องรีบกลับไปหาต่อ อย่างน้อยถ้าเขาเหนื่อย เกาะตอม่อตรงไหน อย่างน้อยกูต้องเจอวะ รู้แค่นี้เลย

จำหน้าคนเฝ้าเรือไม่ได้ เราหาต่ออีกสักพักนึง ขนาดเราเหนื่อยแล้วนะ ความเป็นห่วงด้วย เราไม่ได้ขี่เล่น นี่มันเครียดด้วย ในใจคิดอย่างเดียวเลยว่าไม่ใส่ชูชีพเนี่ยนะ ถ้าใส่ชูชีพอย่างน้อยเราขับไป 3 กิโล อาจลอยตัวเองเกาะผักตบชวา เกาะขอนไม้ได้ ไม่ใส่ชูชีพเราก็กังวลมาก”

ได้โทรศัพท์คุยกับ “ปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์” อีกฝ่ายเผยสาเหตุยังหาตัวแตงโมไม่เจอ แต่กลับบ้าน
“เราถามว่าแตงโมมากับใคร เขาบอกว่ามากับแซน (วิศาพัช มโนมัยรัตน์) เราไม่รู้จัก พอบอกว่าปอขายรถ เราพอรู้จัก เพราะ 2 ปีก่อนหน้านั้นเราเคยเรียนคอร์สด้วยกัน เราก็อ๋อ ปอที่ขายรถอยู่ที่พระราม 9 ใช่ไหม เราพอรู้จัก เราก็โทร.หาเลย ไม่รับสายคืนนั้น เราก็อยากรู้ว่าตกตรงไหนจะได้ช่วยกัน ไม่รับสาย พอเช้ามาเขาโทร.กลับ เราก็ถามว่าทำไมวะ เขาก็บอกว่าแตงโมตกเรืออย่างโน้นอย่างนี้ เราถามว่าพวกเอ็งไม่ช่วยกันหาเหรอ เขาบอกว่าหาพี่ ช่วยกันหาจนเหนื่อยแล้ว พวกเราก็เลยกลับ เราก็อ้าว มึงเจอแล้วเหรอถึงกลับ เขาบอกว่ายังไม่เจอ อ้าว ไม่เจอแล้วกลับได้ไง เขาบอกว่าเขาเหนื่อยแล้ว เราก็ เหรอวะ ในใจก็เออ โอเคๆ ไม่ได้คิดอะไรต่อ เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะเป็นคดีหรืออะไร เราไม่รู้

เราคุยแค่นี้ ทุกคำพูดมีอยู่แค่นี้ แล้วก็วางหูไปเลย จากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้อะไรกันอีกเลย มารู้ทีหลังว่าปอเขาให้สัมภาษณ์ว่าพี่เปิ้ลยังด่าผมเลย เปิ้ลบอกว่าเพื่อนตกน้ำ มึงหาไม่เจอ แล้วกลับบ้านได้ไงวะ เราบอกไปแบบนี้”
 
คาใจทำไมถึงฉี่ท้ายเรือ ขนาดตัวเองให้ลูกขับเจ็ตสกีแล้วยืนหันหลังฉี่ยังไม่กล้า
“เราพูดตามความรู้สึก พูดไปเดี๋ยวกลายเป็นว่าเราไปทำคดีเขาเพี้ยนหรือเปล่า ก็แค่สงสัยว่าเรือวิ่งอยู่ ปวดฉี่ทำไมไม่บอกให้เรือจอดก่อน แค่นั้นเอง ขนาดเราเล่นเคเบิ้ลสกี เล่นสกีหลังเรือมา เรือวิ่งเร็วๆ จับสกีลากเรายังไม่กล้าฉี่แล้วเอามือจับ เจ็ตสกีให้ลูกขับไป แล้วหันหลังยืนเยี่ยวยังไม่กล้าทำเลยแค่นั้นเอง ทำไมถึงฉี่ บอกให้จอดแล้วฉี่ได้นะ จอดเสร็จพวกแกหันหน้านะ ฉันไม่ไหวแล้ว มันควรเป็นแบบนั้น”

ชี้เปอร์เซ็นต์รอดยาก หากไม่ใส่เสื้อชูชีพ
“วันนั้นเปอร์เซ็นต์ในการรอด ถ้าใส่ชูชีพ บอกเลยว่า 100 เปอร์เซ็นต์รอด แต่ถ้าไม่ใส่ชูชีพ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่รอดยาก แต่ในใจก็คิดเอาไว้ว่ายังไงต้องรอด ต้องมีอะไรพัดไปติดอยู่ใต้เสาใต้อะไร เรื่องเป็นแบบนี้เลยเป๊ะ แต่เวลาเท่านั้นแหละที่ไม่เป๊ะ จำไม่ได้จริงๆ ต้องขออภัยด้วย”





กำลังโหลดความคิดเห็น