“วู้ดดี้ วุฒิธร” ยอมรับ “ลิซ่า” มาไกลมาก เจ๋งมาก จนอยากมอบโล่รางวัลมนุษย์ดีเด่นประจำปี 2024 ชี้ไม่ใช่ซอฟต์พาวเวอร์ แต่เป็นฮาร์ดพาวเวอร์ของเมืองไทย เป็นแรงบันดาลใจ เป็นเวิลด์คลาสระดับโลกอย่างแท้จริง เล็งชวนขึ้นคอนเสิร์ต S20
ทำเอาหลายคนตกใจที่อยู่ๆ ซุป’ตาร์สาวระดับโลก “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ก็ออกมาเปิดใจในรายการ Woody FM ว่าโดนซาแซงตามถึงบ้าน ถึงขั้นเข้าประชิดตัว จนทำให้เกิดอาการหวาดระแวงอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งล่าสุดได้เจอตัว “วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา”ในงานแถลงข่าว S2O Songkran Music Festival 2025 ณ คิง พาวเวอร์ รางน้ำ เจ้าตัวก็ยอมรับว่าตนเองก็ตกใจ แต่เป็นความต้องการของลิซ่าเองที่อยากจะเปิดเผยเรื่องนี้ ซึ่งผลลัพธ์จากการออกมาพูด เชื่อว่าคนจะให้เกียรติลิซ่ามากขึ้น
“จำได้ครั้งแรกที่คุยกันคือตอนออนไลน์ ก็ไม่นึกถึงวันที่จะมีโอกาสได้คุยกันสดๆ เพราะมันผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ล่าสุดวันนี้เขาออกอัลบั้มมา ก็บอกว่าอยากมีโอกาสร่วมสัมภาษณ์ ก็ตื่นเต้นนะ แต่ด้วยความที่ว่าอาจจะรู้จักกันก็ไม่ได้ตื่นเต้นมากขนาดนั้น แต่พอเอาจริงๆ วันนั้นที่สัมภาษณ์ก็ตื่นเต้นทั้งคู่ เพราะน้องเขาก็ไม่เคยได้มีโอกาสเปิดใจในระดับนั้น เราเองก็นึกภาพว่าจะสัมภาษณ์ลิซ่าแบบตัวตนจริงๆเป็นยังไงนะ มันก็ตื่นเต้น ก็ยอมรับว่าตื่นเต้นทั้งสองฝ่าย และคุยกันก่อนเริ่มถ่ายทำว่าขอให้ออกมาจากใจ ธรรมชาติที่สุดแล้วกัน ไม่ต้องคิดเยอะ ก็นั่งคุยกันจากเดิมไม่กี่นาทีกลายเป็นชั่วโมง แต่ที่ตัดออกมาก็ส่วนนึง เพราะมันยาวพอสมควรในวันนั้น ก็ดีใจที่หลายๆ คนได้มีโอกาสฟังเรื่องของเขา
ไม่อยากจะพูดในนามของรายการ แต่จะพูดในนามของเขามากกว่า ที่เขาได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่เขาไม่เคยเล่า หรือไม่เคยพูด และเชื่อว่าการที่เขาได้มีโอกาสเล่าวันนั้นก็เหมือนเป็นการได้เปิดเผยความในใจ ว่าการเป็นศิลปินระดับนั้น ทุกคนก็ได้ติดตามข่าวและชื่นชมว่าเก่งมาก แต่ก็มีหลายๆ คนที่ไม่รู้ว่าเขาต้องเจอ ต้องอ่าน เขาก็เหมือนทุกๆ คนแหละครับที่กลับไปอ่าน ดูโน่นนี่นั่น สุดท้ายพอเขาได้พูดออกมาจากใจ และหลายเรื่องที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนนะ เรื่องที่มีซาแซงผมก็ตกใจนะ ทีมงานก็บอกว่าเขาอยากจะแบ่งปันบางเรื่องที่เขารู้สึกว่าเขาก็เป็นห่วงมาก แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะยังไงดี ก็ให้พูดมาก่อน สุดท้ายก็ดูกันว่าเหมาะสมไหมในการออนแอร์ แล้วก็ออกมาดี เพราะทุกคนจะเป็นห่วงเป็นใยเขามากขึ้น จะเข้าใจพื้นที่ส่วนตัวเขามากขึ้น”
บอกอยากมอบโล่มนุษย์ดีเด่นประจำปี 2024 ให้เลย เพราะทำหลายสิ่งมาก
“จำไม่ได้ว่าถามเองหรือให้ทีมงานถามเขา ว่าถ้าเกิดยูอยู่ร้านอาหารแล้วนโยบายคืออะไรนะ ให้ถ่ายหรือไม่ให้ถ่าย อยากรู้ พอเรารู้ก็เข้าใจ คือผู้หญิงน่ะเขาก็อยากแต่งหน้า อยากให้ภาพออกมาดี แล้วน้องบางทีก็ไม่ได้แต่งเต็มตลอดเวลา เขาออกมากินข้าวสบายๆ เราก็เลยเข้าใจว่าผู้หญิงเขาคงอยากสวย แต่เวลาที่มารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไป แต่เขาอาจจะไม่ได้พูดตรงนั้นที่เขาวิตกกังวล ถ้ามีโอกาสติดตามเขาได้พูดถึงเหตุการณ์ที่มันทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลใจมากเพราะเรารู้จักกันบางทีเราก็เห็นว่าทำไมเขาถึงมีอาการกังวลว่ามันคืออะไร จนกระทั่งได้สัมภาษณ์ถึงได้รู้ว่ามันเคยมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในชีวิต
ก่อนที่เขาจะพูดเรื่องซาแซง เขานิ่งก่อนที่เขาจะพูด เขาก็เล่าเท่าที่เขาสามารถเล่าได้ เราก็รู้สึกว่าทำไมถึงปล่อยให้มันเกิดขึ้น ทำไมไม่จัดการกับเรื่องนี้ ในหัวเราก็มีคำถามเหมือนที่หลายๆ คนคิดว่าทำไมถึงอยู่มาได้ แต่ผมคิดว่าโชคดีที่ตอนนี้เขามีพื้นที่ปลอดภัยเยอะมากในชีวิตเขา เขาเดินทางไปหลายแห่ง แต่จากเหตุการณ์นี้มันก็มีคนเป็นห่วงเขามากขึ้น แล้วก็ให้เกียรติเขามากขึ้น จากเดิมถ้าเกิดไม่ได้พูดเรื่องนี้อาจจะไม่เข้าใจว่าอะไรยังไง การที่คุณจะไปขอถ่ายรูป คือน้องเขาน่ารักมาก ถ่ายรูปกับทุกคน ไม่เคยปฏิเสธ แต่ถ้าบางทีมาประชิดใกล้ตัวมากเกินไป ผมก็เริ่มเข้าใจ ไม่ใช่แค่ลิซ่าเอง แต่ศิลปินหลายๆ คนในระดับที่มีแฟนๆ เยอะมาก เราไม่มีวันรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา
แล้วยิ่งผลงานออกมาทุกสัปดาห์ และกดดันจากงานที่ออกมา อยากจะมอบโล่ให้เขามากเลย โล่รางวัลมนุษย์ดีเด่นประจำปี 2024 เพราะต้องยอมรับจริงๆ ว่าอะไรวะโคตรเจ๋งเลย คุณเจ๋งมาก เพราะผ่านมาได้ทุกอย่าง แล้วก็ยังสามารถมีความมั่นใจที่จะไปต่อ แม้จะรู้สึกเฟลแต่ก็ยังลุกขึ้นมาได้ ผมมองว่านี่คือแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง ไม่ได้มองว่าเด็กบุรีรัมย์มาสู่วงการเพลง อันนั้นมันคืออดีตแล้ว ผมว่ามนุษย์คนนึงในปีที่ผ่านมาทำได้หลายอย่างขนาดนี้ ผมว่าสุดยอดมาก”
ไม่ใช่แค่ซอฟต์พาวเวอร์ แต่เป็นฮาร์ดพาวเวอร์
“ถามว่าลิซ่าต่างจากคนอื่นที่เคยสัมภาษณ์มายังไง ผมว่าแขกแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะ ลิซ่าก็เป็นลิซ่า แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่เบื้องหลังกับเบื้องหน้าเขาเหมือนกันเลยนะ ฟังที่เขาตอบ ผมก็คิดว่าโหมาไกลมากเลย ผมว่าเขาออกรายการสัมภาษณ์จนเป็นมืออาชีพไปแล้ว บวกกับการแสดง บวกกับหลายๆ ศาสตร์ที่มารวมกัน ผมว่าเขาเป็นเวิลด์คลาส เป็นระดับโลกที่แท้จริงแต่เขาก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่กินง่าย อยู่ง่าย ไม่ได้มีเรื่องอะไรมากมาย อยู่ด้วยแล้วสบายใจ คุยด้วยแล้วสบายใจ
คำที่อาทิตย์นี้เราใช้กันคือผมว่าลิซ่าไม่ใช่ซอฟต์พาวเวอร์ แต่เป็นฮาร์ดพาวเวอร์ของเมืองไทย และวันนี้ก็อยากให้เห็นว่าฮาร์ดพาวเวอร์มันไม่ซอฟ มันหนักจริงๆ ผมว่าเป็นแรงบันดาลใจ ไม่ใช่ว่าคนไทยต้องเป็นศิลปิน ผมว่าคนไทยทำอะไรก็ได้แล้ว อย่างที่เห็นว่าหลายๆ แบรนด์ก็สามารถไปกันได้ ผมว่าวันนี้มันเป็นยุคอันรุ่งเรืองมากของวัฒนธรรมเรา สังคมเรา มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับประเทศไทยและสังคมไทยมันเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังของคนๆ นึงที่อยู่ได้นานมากในวงการ ตั้งแต่อายุ 10 กว่าจนถึงจะ 30 แล้วดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด และเห็นแม่เขาที่สอนเขาตลอด
ผมจำได้เลยประโยคนึงที่เขาเคยตั้งคำถามในครั้งแรกที่เราเจอกัน ว่าสิ่งที่เขาทำมันบาปไหม เพราะในการปฏิบัติต่างๆ การที่คุณไปสร้างกิเลส การสร้างความมัวเมา การสร้างอะไรให้กับผู้คนมากมายเนี่ยมันบาปไหม แล้วเขาก็ได้คำตอบว่าตราบใดที่เจตนามันสามารถสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความรู้สึกดีๆ มันก็ไม่ได้สร้างความทุกข์ให้กับผู้คน ก็เลยถึงบอกว่าเขาเป็นมากกว่าที่คุณเห็น มันมีการกรองมันมีการเจียระไนกว่าจะมาถึงจุดๆ นี้ได้ ก็ภูมิใจในตัวเขา และอยากเป็นกำลังใจให้เขาไปเรื่อยๆ ให้เขาได้มีโอกาสทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ แล้วผมว่าเขาเกินคำว่าสำเร็จไปแล้ว ที่เหลือผมว่าเป็นโบนัสของชีวิตเขา ก็ยินดีกับเขาด้วย ก็ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้เมืองไทยเราเป็นที่น่าสนใจ มีซีรีส์ก็ติดต่อเขาไปเล่น มันก็เลยยิ่งทำให้คนรู้จักเขามากขึ้น”
แพลนชวน “ลิซ่า” ขึ้นคอนเสิร์ต S2O ในสักวันหนึ่ง
“คิดว่าสักวันลิซ่าจะมีโอกาสมาเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขึ้น S2O มันคงมีอยู่แล้ว เพราะเราคิดว่า EDM ก็ถึงจุดนึงที่มันอาจจะมีการกลายพันธุ์เป็นอย่างอื่นใดๆ S20 ไม่จำเป็นต้องจบที่ EDM อย่างเดียว อาจจะมีศิลปินหลายๆ วง หลายๆ คนที่จะมีโอกาสมาร่วมคอลแลปกัน ก็น่าจะเป็นหนึ่งในช้อยส์ที่เราอยากได้ในอนาคต เพราะคนไทยชอบอยู่แล้ว ยังมีอีกหลายวงที่เราก็คิดอยู่เหมือนกันสำหรับปีต่อๆ ไป ก็รอดูกัน ถ้าไม่เมืองไทยก็ต่างประเทศ”
