ป้า “คิมแซรน” ปล่อยภาพพร้อมแชท ยืนยันหลานสาวเคยคบ “คิมซูฮยอน”

หลังจากที่ป้าของ “คิมแซรน” ออกมาให้สัมภาษณ์กับช่อง GaroSaero Research Institute ทาง YouTube เผยความสัมพันธ์ของหลานสาวกับพระเอกหนุ่มว่าเคยคบหากันมานานหลายปี ก่อนโดนหันหลังให้เพราะเหตุเมาแล้วขีบกลายจนเป็นหนี้ก้อนโต จนถึงขั้นฆ่าตัวตายในวันเกิดของพระเอกหนุ่ม แม้ล่าสุดต้นสังกัดฝ่ายชายจะออกมาปฏิเสธข่าว แต่ทางป้าก็ปล่อยภาพจุ๊บแก้มและแชทออกมาเพื่อยืนยันว่าเคยคบหากันจริง

มีรายงานทั้งจากสื่อจีนและเกาหลีระบุว่า หญิงรายหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นป้าของ คิมแซรน ได้ปรากฏตัวในช่อง GaroSaero Research Institute ทาง YouTube ที่มักจะออกมาแฉเรื่องราวในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ระหว่างที่สัมภาษณ์เธอยืนยันว่าพระเอกหนุ่มคบหากับหลานสาวมานานหลายปี

ป้ารายนี้ระบุว่า คิมแซรน และ คิมซูฮยอน คบหากันมานาน 6 ปี ตั้งแต่ตอนที่ คิมซูฮยอน ตั้งบริษัท Gold Medalist แม้ คิมแซรน จะได้รับข้อเสนอทาบทามจากหลายบริษัทแต่เธอก็ตัดสินใจเลือกอยู่กับบริษัทของพระเอกหนุ่ม และทุ่มเทให้กับบริษัทนี้ คอยให้คำปรึกษาแก่นักแสดงหน้าใหม่โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ และทำตัวเหมือนเป็นบริษัทของเธอเอง

หลังจากเกิดเหตุที่เธอเมาแล้วขับชนตู้จ่ายไฟจนสร้างความเสียหายแก่ร้านค้าและกิจการมากมายในละแวกนั้นรวมถึงชดใช้ให้กับแบรนด์ต่างๆที่เธอละเมิดสัญญาสร้างภาพลักษณ์เสียหายให้กับทางแบรนด์ ทำให้เธอมีปัญหาทางด้านการเงินทันทีเพราะต้องชดเชยค่าเสียหายจำนวนมาก


คิมซูฮยอน ให้เธอยืมเงิน 700 ล้านวอน ( 16.2 ล้านบาท ) โดยไม่ได้กำหนดเส้นตายในการชำระคืน ขณะที่อยู่ในรถกับป้าของเธอ คิมแซรน สารภาพว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้กดดันให้เธอคืนเงิน แต่เธอก็ตั้งใจที่จะทำงานหนักและชำระคืน

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เธอได้รับหนังสือแจ้งหนี้อย่างเป็นทางการจากเงินกู้ 700 ล้านวอนอย่างไม่คาดคิด เธอเสียใจมาก เพราะเธอได้ใช้เงินทั้งหมดของเธอไปชำระค่าปรับการละเมิดสัญญาแล้ว เธอสงสัยว่าหนังสือแจ้งดังกล่าวมาจาก อีโรแบ ญาติของ คิมซูฮยอนและผู้บริหารร่วมที่ Gold Medalist มากกว่าจะเป็น คิมซูฮยอน เอง เมื่อเธอพยายามโทรไปยืนยัน เขากลับไม่รับสายเธอ แม้ว่าเธอจะโทรไปยืนยันโดยใช้โทรศัพท์ของลูกพี่ลูกน้องของเธอก็ตาม


คิมแซรน รู้สึกสิ้นหวัง เธอพยายามติดต่อนักข่าว แต่บางคนก็สงสัยว่าเป็นเธอจริงๆ หรือไม่ ด้วยความไม่พอใจเธอจึงโพสต์ภาพส่วนตัวที่ถ่ายคู่กับ คิมซูฮยอน ลงในโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะดึงดูดความสนใจของเขาได้ ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเธอต้องทุกข์ใจอย่างมากเมื่อนักข่าวที่ผันตัวมาเป็นยูทูบเบอร์อย่าง อีจินโฮ แสดงความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับเธอ

โดยคำพูดเหล่านี้มักจะตามมาด้วยบทความในสื่อต่างๆ ความเครียดทางอารมณ์ของเธอรุนแรงมากจนครอบครัวของเธอต้องคอยดูแลเธอตลอดเวลา และลูกพี่ลูกน้องของเธอต้องคอยอยู่เคียงข้างเพื่อให้กำลังใจ

ส่วนทางต้นสังกัดได้ออกมายืนยันจะฟ้องกลับพร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่ระบุว่า คิมซูฮยอน เคยคบหากับ คิมแซรน


ขณะเดียวกัน ช่อง YouTube ที่เป็นประเด็นอย่าง Garo Sero Research Institute ได้ออกมาตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อการประกาศของ คิมซูฮยอน และต้นสังกัดที่จะดำเนินคดีกับพวกเขา โดยแทนที่จะยอมแพ้ Garo Sero กลับล้อเลียนพระเอกหนุ่มและกล่าวโทษนักแสดงหนุ่มรายนี้อย่างรุนแรงยิ่งขึ้น

ทางช่องยังอ้างว่าได้รับข้อมูลโดยตรงจากครอบครัวของ คิมแซรน ที่กำลังโศกเศร้า นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่า คิมซูฮยอน อาจถูกฟ้องร้องในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับ “ผู้เยาว์” ในเร็วๆนี้ ซึ่งทำให้มีข้อกล่าวหาใหม่ที่อาจเกิดขึ้น หลังป้าของ คิมแซรน ระบุว่าทั้งคู่คบหากันตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. 2015 และแยกทางกันวันที่ 7 ก.ค. 2021 ( ก่อนเกิดเหตุเมาแล้วขับ )

นอกจากนี้ พวกเขายังวิพากษ์วิจารณ์นักแสดงหนุ่มที่ไม่ไปร่วมงานศพของ คิมแซรน และตั้งคำถามถึงความจริงใจของเขาเมื่อเทียบกับ วอนบิน นักแสดงที่เคยร่วมงานกับ คิมแซรน เมื่อนานมาแล้ว

จนกระทั่งล่าสุดมีการปล่อยภาพใกล้ชิดของ คิมซูฮยอน และ คิมแซรน ออกมา ซึ่งเป็นภาพต่อเนื่องจากที่ คิมแซรน เคยโพสต์ไว้ก่อนหน้านี้จนกลายเป็นประเด็น ซึ่งคาดว่าถูกถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2016 คิมแซรน อายุเพียง 16 ปี โดยคราวนี้ คิมซูฮยอน จูบที่แก้มของ คิมแซรน อย่างชัดเจน พร้อมกับข้อความแชท ที่คิมแซรน ส่งไปตัดพ้อ คิมซูฮยอน ก่อนเสียชีวิต ซึ่งเธอส่งไปในวันที่ 19 มี.ค. 2024 โดยระบุว่า


“โอปป้า นี่แซรนนะ
ได้รับเอกสารแจ้งความแล้ว เขาจะฟ้องร้อง ฉันได้รับแจ้งว่าจะให้เวลาฉันพอสมควร ดังนั้นฉันก็กำลังเตรียมตัวกลับมาทำงานอย่างเต็มที่ และจะทยอยจ่ายคืนทีละนิดจากแต่ละผลงาน ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่จ่าย แต่ถ้าจู่ๆมาขอ 700 ล้านวอนตอนนี้ ฉันทำไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจ่าย แต่ฉันไม่มีทางทำได้จริงๆ มันจำเป็นต้องถึงขั้นฟ้องร้องเลยเหรอ ได้โปรดช่วยฉันเถอะ ขอเวลาให้ฉันหน่อย”

ทางด้าน Gold Medalist และ คิมซูฮยอน ได้ออกมายืนยันจะใช้กฏหมายจัดการอย่างชัดเจน ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนมองว่าอาจเป็นภาพตัดต่อก็เป็นได้

“ข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นเท็จอย่างชัดเจน ข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นเท็จทั้งหมดซึ่งเราไม่สามารถ ยอมรับได้ และเราวางแผนที่จะพิจารณาดำเนินคดีทางกฎหมายที่รุนแรงที่สุดกับ Garo Sero Research Institute ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลเท็จ”