“เรวัช” เผยนิสัย “ผกก.โจ้” มีแฟนดาราแล้วทิ้งงาน แต่เส้นดี ชี้อาจฆ่าตัวตาย จากรุ่งโรจน์พลิกหัวทิ่มดิน

ถกสนั่น “ผกก.โจ้” ดับปริศนาในเรือนจำ ฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม “เรวัช” เผยนิสัยแท้จริง มีแฟนเป็นดาราแล้วทิ้งงาน เลิกดาราแล้วไปติดสาวอีก ลงโทษสั่งย้าย แต่เส้นดี รวยพันล้าน รองผบ.ตร.เรียกตัวนั่งหน้าห้อง จะให้ขึ้นเป็นรองผกก. แต่ตนไม่อนุมัติให้ ชี้อาจฆ่าตัวตาย ชีวิตหมดสิ้น จากรุ่งโรจน์ พลิกหัวทิ่มดิน

กรณี “พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล” หรือ “ผู้กำกับโจ้” อายุ 43 ปี อดีตผู้กำกับ สภ.นครสวรรค์ จำเลยในคดีคลุมถุงดำ ถูกพบผูกคอเสียชีวิตภายในห้องขังหมายเลข 50 อาคารนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 7 มีนาคม 2568 คาดปลิดชีพตัวเอง แต่ครอบครัวแคลงใจอาจไม่ใช่การฆ่าตัวตาย ผกก.โจ้อาจถูกฆาตกรรม

ล่าสุด พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บังคับบัญชาผกก.โจ้ ได้เผยถึงเรื่องนี้ในรายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 10 มี.ค.โดยเผยถึงนิสัยของผกก.โจ้ ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้โหดร้ายอะไร แต่เส้นดี

“ปี 58 59 สมัยนั้นผมเป็นผู้บัญชาการตร.ปราบปรามยาเสพติด โจ้เป็นสารวัตร ได้รับเลื่อนมาก่อนผม แต่เขารับผิดชอบที่สนามบินดอนเมือง ผมก็มองว่าเหมาะสมนะ บุคลิก ท่าทาง ภาษาเขา เพื่อดูคนเข้าคนออก แก๊งค้ายา อาชญากรมันเยอะ มาเครื่องบินกันไม่นั่งรถโดยสารแล้ว พักแฟลตเดียวกันด้วย ผมเป็นผู้บัญชาการที่พักแฟลตหลวง หน้ากองบัญชาการ เช้าก็เดินไปทำงาน เจ้าโจ้อยู่ชั้น 3 ผมอยู่ชั้นล่าง ก็รู้จัก เมตตาเหมือนลูกเหมือนหลาน
 
แต่มีช่วงนึงเขาได้แฟนเป็นดาราดัง ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อดารา ก็ทิ้งงานเลย มันไม่สนใจงาน ก็บอกว่าเฮ้ย ตรงดอนเมืองนี่มันสำคัญเอ็งต้องอยู่ ไม่ใช่ทิ้งงานหายไปตามหึงดารา มันไม่เข้าท่าเข้าทาง ก็เตือน บอกว่าไม่เชื่อกูจะขังนะ เราดูแล้วเขาไปกันไม่รอด ไม่รักกันจริง ผมก็ให้เลิก เขาก็เชื่อฟัง เขาก็เลิก แต่ก็ไปติดสาวอีกแล้ว ทิ้งเลย ผมก็ลงโทษเขาย้ายมาประจำสปก. ตร.เขาถือว่าโดนลงโทษ ย้ายจากมีตำแหน่ง หน้าที่ มีอำนาจ คุมสนามบินใหญ่ ย้ายมาประจำให้นั่งเฉยๆ แต่เขาเส้นดี
 
เขารวยเป็นพันล้าน พอย้ายมาลงโทษปุ๊บก็มีรองผบ.ตร.เรียกตัวไปนั่งหน้าห้องเขา ช่วงจังหวะเขาได้เลื่อนตำแหน่ง ก็มีตั๋วมาบอกว่าให้โจ้ขึ้นรองผกก.หน่อย ผมก็บอกว่าแหม คนอื่นที่ทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยิงปะทะกับคนร้ายภาคเหนือแก๊งค้ายา เขาเสี่ยงชีวิต เอ็งก็อาวุโสน้อย แล้วงานก็ไม่สนใจทำ ผมเลยไม่ให้เขาขึ้นเป็นรองผกก. จริงๆ โจ้เขานักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 57 เขานำรุ่นนะ ครบปุ๊บขึ้นสารวัตรเลย แล้วมาครบจังหวะผมปี 58 เขาต้องขึ้นเป็นรองผกก. แต่ผมบอกผมให้ไม่ได้ ผมให้แล้วเสียการปกครอง ผมก็ให้คนอื่นได้เป็น ทั้งที่คนได้เป็นไม่รู้จักผม แต่โจ้นี่เห็นหน้าทุกวัน 2 ปี”

ชี้ควรเอากล้องวงจรปิด 24 ชม.มาเปิดให้เห็นกันจะจะ
“การเสียชีวิตเขาสองได้มุมมอง สองประเด็น เราไม่ได้จะไปโทษเรือนจำ นักสืบหรือพนักงานสอบสวนต้องตั้งประเด็นเข้าไว้ว่ามีใครฆ่าเขาหรือเปล่า ส่วนกรณีเขาฆ่าตัวตายเอง เรื่องกดดันเอามารับโทษทางกฎหมายไม่ได้ หาพยานหลักฐานยาก เหตุเกิดในเรือนจำ ยากที่จะหาพยานหลักฐาน ยากที่จะเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ เพราะจะเข้าเรือนจำต้องได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการเรือนจำก่อน เข้าไปไม่ได้ เอากำลังไปเป็นร้อยก็อยู่หน้าเรือนจำ เขาไม่ให้เข้า แนะนำให้เอากล้องมาเปิดให้เขาดูไปเลย ทั้งวันทั้งคืน เปิดให้ดูยาวไปเลย สื่อมวลชนไหนสนใจ ญาติคนไหนสนใจไปนั่งเฝ้ากัน เปิดให้ดูยาวก่อนเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุ ดูว่าใครแอบเข้าไปในห้องนั้นหรือเปล่า

เราฟังจากที่ญาติเขาบอก และทนายความแถลงมา เขาบอกไม่ได้ร้องขอ แล้วมีประเด็นที่เขาแจ้งความร้องทุกข์ว่าผู้คุมทำร้ายร่างกายเขา ตัวผู้ใหญ่น่าจะหมายถึงผู้บัญชาการไปเคลียร์ว่าให้ถอนเรื่องนะ ถ้าไม่ถอนเรื่องจะย้ายเรือนจำ จะส่งไปที่นั่นที่นี่ ซึ่งไอ้นี่ก็เกิดความกลัว เพราะอยู่ในเรือนจำเหมือนหนูขังอยู่ในกรงอยู่แล้ว ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยต้องถอนเรื่อง ส่วนประเด็นที่จะเป็นความขัดแย้งกับหน่วยงาน คิดว่าเป็นการประสานงานกันไม่เพียงพอมากกว่า พอทนายความรับมอบอำนาจจากโจ้ไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็เด็กๆ ประสานไปจะเขาไปขอสอบปากคำ ผู้บัญชาการเรือนจำก็ยึดระเบียบ อ้าว จดหมายมอบอำนาจมันไม่ผ่านผม มันมอบจริงหรือเปล่า ขอตรวจสอบหน่อย ใครบกพร่อง ทำไมเล็ดลอด ถ้าเป็นแผนจะแหกคุกล่ะ คุณเอากำลังมา 20-30 คนนะ เขาก็มีระเบียบในเรือนจำเขา เรือนจำไม่ใช่โรงแรม

โจ้ตายไปถ้ามีคนทำให้ตาย คนทำก็ต้องรับโทษ โจ้จะดีหรือไม่ดีก็ว่ากันไป แต่เรื่องนี้ไม่มีใครหนีกฎแห่งกรรมพ้น โจ้ติดคุกเพราะเอาถุงไปทำเขา ถูกบังคับมีกำลังเจ้าหน้าที่ ไม่รู้เขาจะไปโดนลอบวัฎจักร มีคนเข้าไปอยู่ในห้องนั้นก่อนหรือเปล่า แล้วบังคับทำให้เขาขาดอากาศหายใจ นี่เราพิจารณาเรื่องกฎแห่งกรรมนะ เรื่องนี้ถ้าจะให้มันจบ ต้องเอากล้องวงจรปิดมาเปิดในรอบไทม์ไลน์ 24 ชม. ผู้บัญชาการเรือนจำที่ไม่เปิดท่านก็มีเหตุผลของท่าน เอาความลับข้างใน เดี๋ยวคนคิดระเบิดคุก แหกคุกมันก็จะรู้หมด แต่มันมีความจำเป็นแล้ว

รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ท่านทวี สอดส่องอนุญาตแล้ว ก็เปิดแต่ในจุดที่ควรเปิด ใครจะจับพิรุธ นักข่าว ทนายความ ก็ไปดูกัน มันจะได้จบข้อสงสัยไม่ใช่มีคนเข้าไปนะ โจ้ผูกคอตายจริงๆ นะ คุณหมอออกมาให้สัมภาษณ์ ก็ให้น้ำหนักไปทางฆ่าตัวตาย แต่คนยังสงสัย ผมก็สงสัย ครั้งแรกแถลงมาบอกผ้าที่ผูกคอตาย กว้าง 30 ซม. ยาว 40 ซม. มันสั้นแล้วจะผูกยังไง แต่พอมาอีก เป็น 120 - 150 ซม. อันนี้ผูกได้ เราก็ไปแบบนักสืบว่ามีใครไปจับมันมัดหรือดึงแขนลงมาหรือนั่งคร่อมหรือเปล่า ถ้ากล้องจะยืนยันได้ แต่ต้องไม่ตัดนะ

ไม่ใช่ปล่อยมาทีละช็อตๆ แบบนี้ ต้องปล่อยมายาวๆ มีความจำเป็นที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะต้องทำความกระจ่าง ไม่งั้นก็ลือกันไป ลือถึงขั้นว่าไอ้โจ้ที่ตายตัวปลอมหรือเปล่า นี่คือข่าวลือ แต่เราอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ถ้าชาวบ้านสิ้นศรัทธากระบวนการยุติธรรม สังคมมันอยู่ไม่ได้ ตร. อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ ศาลตัดสินจำคุก 50 ปี แต่ติดจริงๆ 6 ปี ตร.จับก็เหนื่อยแทบตาย

เรื่องนี้จะจบง่ายๆ หมอตรวจมาแล้วให้แนวโน้มเรื่องฆ่าตัวตาย แต่ให้สิ้นสงสัย เอาคลิปมาเปิดทุกฝ่ายจะได้ไม่สงสัย ผู้คุมที่ว่าไปทำร้ายร่างกาย ปกติตร.มียศ เอาแค่ยศจ่า ผู้คุมไม่กล้าซ้อม ลูกคนมีเงิน มีอิทธิพลผู้คุมไม่กล้าซ้อม ผู้คุมใหญ่ในเรือนจำ แต่ออกนอกเรือนจำก็แมว

ปกติผู้คุมจะดีกับตร. เพราะถึงติดคุก แต่ข้างนอกยังมีลูกน้อง เพื่อนอยู่ ถ้าจะมีเรื่องจริงๆ ไอ้ตร.จะลืมตัว โจ้ที่มีเรื่อง เพราะนักโทษคนนึงไปสูบบุหรี่ใกล้มัน มันก็เฮ้ย อย่าสูบสิ ไอ้นี่มาเสื-กเรื่องกูทำไม เลยทะเลาะวิวาทกัน โจ้จะเอาเรื่องร้องเรียนอีก เอาบุหรี่ที่ไหนมาสูบ ผู้คุมบกพร่อง มันเริ่มลามไง”

เชื่อว่าโดนทำร้าย แต่บอกอาจฆ่าตัวตาย
“เชื่อว่าโดนทำร้ายร่างกายจริง การมีเรื่องกับผู้คุมมันเรื่องใหญ่ โจ้โดนทำร้ายร่างกายขอกันกินมากกว่านั้น แต่โจ้เสื-กไปร้องปปช. ร้องกรรมการสิทธิมนุษยชน แจ้งความดำเนินคดี ไม่ใช่ลงโทษแค่ผู้คุมนะ แต่จะลงโทษถึงผู้บัญชาการเรือนจำ อันนี้เรื่องหนักนะ ปกติเขาไม่ทำกัน มีเรื่องกับผู้คุม ตายไปครึ่งตัวแล้ว

สงสัยว่าถ้าคนจะผูกคอตายจริงๆ ไอ้โจ้ทำไมไม่ไปผูกข้างบนวะ จะได้ทิ้งน้ำหนักตัวง่ายหน่อย นี่เป็นข้อสงสัยเฉยๆ ทำไมไปนั่งผูก นั่งผูกต้องใจเด็ดมากนะ ถ้าข้างบนทิ้งน้ำหนักตัวง่ายกว่า ตอนนั้นไม่มีคนอื่นเห็นนอกจากผู้คุมที่จะเดินตรวจ เรือนจำชี้แจงออกมาจะเคลียร์ทุกเรื่อง ถ้าท่านเอากล้องวงจรปิดในรอบ 24 ชม.มาเปิด ถ้าดูนิสัยผกก.โจ้เขาไม่ได้กล้าเป็นกล้าตายอะไร ไม่เคยปะทะ ไม่เคยอะไร เป็นไฮโซด้วยซ้ำไป พอติดคุกอยู่ 3 ปีกว่ามันนิ่งแล้ว ถ้าเดือนแรกฆ่าตัวตาย เออ มันอาจจะ หรือไปฆ่าตัวตายโดนยึดทรัพย์สิน

เวลาสืบสวนคดีฆาตกรรม เราตัดประเด็นไหนไม่ได้ เราไม่ได้โทษเรือนจำ อาจเป็นเขาฆ่าตัวตาย หรือผู้อื่นทำให้ตาย คดีนี้ส่วนใหญ่ อัยการ ตร. ร่วมกัน อาจมีแพทย์ร่วม ประเด็นสงสัยตร.ตัดไม่ได้ ต้องพิสูจน์ กล้องวงจรปิดทางกรมราชทัณฑ์จะเปิดเผยให้สื่อมวลชนกับผู้สนใจ นัดวันเวลามาเลยว่าวันไหน สื่อมวลชนจะได้ไปจ้องดู เขาจะได้จับผิดว่ามีคนอยู่ในห้องก่อนหรือเปล่า มันจะได้เคลียร์ เปิดไหลไปเลย คนจะได้ทิ้งข้อสงสัย”

เผยชีวิตผกก.โจ้ใช้คำว่าหมดสิ้น จากรุ่งโรจน์ พลิกหัวทิ่มดิน อาจเป็นจุดฆ่าตัวตาย
“เรื่องของโจ้ใช้คำว่าหมดสิ้น จากรุ่งๆ ชีวิตราบเรียบมาตลอด ร่ำรวยเงินทอง อนาคตสดใสมาก ดาวรุ่งพุ่งแรง แต่ดร็อปแบบหัวทิ่มดิน แถมโดนยึดทรัพย์ ความรักที่หวังแต่งงานก็ไม่สมหวัง มันแหลกลาญหมด มาอยู่เรือนจำก็โดนกดดัน เรื่องคดีอาญาคิดว่าเขาสู้ไม่ได้หรอก ชั้นอุทธรณ์ ชั้นฎีกา ก็คงจำคุกตลอดชีวิตยืน แต่จุดนึงที่กระตุกถ้าเขาฆ่าตัวตายจริงนะ ผมก็ไม่ให้น้ำหนักว่าโดนคนอื่นฆ่านะ ผู้คุมแค่โดนแจ้งว่าทำร้ายร่างกาย 

หรือผู้บัญชาการเรือนจำมองว่าโจ้กวนตีนเอาไปขังเดี่ยว ก็ไม่มีน้ำหนักที่จะไปบงการให้จัดการ ผมให้น้ำหนักเองนะว่าน่าจะฆ่าตัวตาย ผมก็นอนคิดทั้งคืน เรื่องนึงตร.ต้องมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นายร้อยตำรวจรุ่นโจ้ ขึ้นเป็นรองผู้การแล้ว โจ้ยังอยู่ในเรือนจำ บางทีอาจจะเครียดว่าเพื่อนพบความสำเร็จ กูไม่น่าพลาด โจ้ไม่ได้คิดจะฆ่าผู้ต้องหาค้ายาเสพติดนะ มันแอ็ก ทำไม่เป็นแล้วไปทำขู่เขา เอายามาจากไหน ซ่อนของไว้ที่ไหน ทำคุมไปเกินเวลาไปหน่อย มันเลยตาย มันเป็นลูกผู้ชายนะ มันรับสารภาพว่าผิดคนเดียว มันอาจจะสะสมเรื่องนี้ด้วย เหมือนความเศร้า บางทีผมยังคิดเลยว่าไปดีกว่า
 
ไทม์มิ่งมาจบตรงนี้ เมียมาเยี่ยมจะสู้คดียังไง ออกไปทำมาหากินยังไง ได้ข่าวเพื่อนคนโน้นขึ้นเป็นผกก.รุ่นเดียวกับหลาน ไอ้นี่ย้ายมา ไอ้นั่นขึ้นเป็นรองผู้การ แต่กลับมามองตัวเรา มันก็อาจเป็นไปได้ ถ้าความเห็นผม”