กลายเป็นกระแสร้อนฉ่าในสังคมออนไลน์ หลังจากที่ “ลำไย ไหทองคำ” สุพรรณษา เวชกามา ประกาศโสด เลิกรากับแฟนหนุ่ม “ปุ้ย ศรีสกล สมทรง” นักร้องนำวง Lกฮ. ปิดฉากความรัก 9 ปี เรื่องราวเริ่มกลายเป็นไฟลามทุ่ง หลังจากที่มีเพจต่างๆ ออกมาแฉว่าการเลิกราครั้งนี้ อาจมีมือที่สามซึ่งเป็นแดนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งแดนเซอร์รายดังกล่าว “มีแฟนแล้ว” ดรามาครั้งนี้เป็นบททดสอบชีวิตครั้งใหญ่ ของผู้หญิงสู้ชีวิตอย่าง “ลำไย ไหทองคำ”
เรื่องจริงในชีวิตลำไยยิ่งกว่าละครหลังข่าว ก่อนดังเจ้าตัวรับจ้างร้องเพลงตามงานเลี้ยง งานวัด หาเงินช่วยแม่และยายที่ร้อยเอ็ด ตอน 5 ขวบ ลำไยต้องแพ็กถั่ว ลูกอม ไปเดินขายตามร้านข้าวต้มตอนกลางคืน ตอน ป. 4 ถูกชักชวนมาเป็นนักร้องประกวดของโรงเรียน
เมื่อโตขึ้น ลำไยได้ร้องเพลงประกวดตามรายการ และเป็นนักร้องลานเบียร์ กระทั่งได้เจอกับ “ประจักษ์ชัย เนาวรัตน์” เจ้าของค่ายไหทองคำ ที่ชักชวนลำไยมาทำเพลง อยู่ในสังกัด เปลี่ยนชื่อจาก อ้าย สุพรรณษา เวชกามา เป็นชื่อใหม่ ลำไย ไหทองคำ เพื่อชีวิตใหม่
ประจักษ์ชัยเขียนเพลง “17 สิเข้า” ให้ลำไย ในตอนอายุ 16-17 ปี เป็นเพลงลูกทุ่งที่มีเนื้อหาสองแง่สามง่าม งานนี้เพลงไม่ได้ดัง แต่ท่าเต้นฉีกขา ได้กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ในชั่วข้ามคืน ลำไยถูกโรงเรียนเรียกตักเตือน จนในที่สุดลำไยตัดสินใจออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานเก็บเงินเต็มตัว
แม้โดนด่าเกรียวกราวในโซเชียล แต่ก็ทำให้ลำไย กลายเป็นนักร้องคิวทอง จากเดิม ได้ 4 งานต่อคืน ค่าตัวร้องเพลง 150 บาท ร้องตั้งแต่ 1 ทุ่มยันเที่ยงคืน ค่าตัวลำไยพุ่งปรี๊ดไปที่ 65,000 บาท ก่อนที่ลำไยจะดังสุดขีดกับเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” เพียง 3 เดือน ลำไยกลายเป็นนักร้องที่ใครๆ ก็อยากจ้างไปร่วมงานมากที่สุด เพราะเสียงดี เอ็นเตอร์เทนหน้าเวทีจัดเต็ม
ถึงแม้จะโด่งดัง แต่ลำไยไม่เคยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย มีแบรนด์เนมไม่กี่ชิ้น ซื้อเสื้อผ้าตามตลาดนัดมาใส่ เงินทุกบาทให้แม่เป็นคนเก็บทั้งหมด นอกจากฝากธนาคาร ก็นำเงินไปซื้อทองเก็บไว้ มีความฝันอยากซื้อบ้านให้แม่และยาย ไม่ต้องเช่าห้องเช่าเล็กๆ อีกต่อไป
รวยเพราะความขยัน แต่ไม่มีเวลาใช้เงินเลย! ลำไยกินนอนแทบจะอยู่บนรถตู้ จากค่าตัว 150 บาทต่อคืน ล่าสุดในปี 67 ค่าตัวลำไยอยู่ที่ราวๆ 1.5 แสน - 2 แสนต่องาน หนึ่งเดือนลำไยรับงาน 50-60 งาน ฟันรายได้มหาศาล หนึ่งปีตกราวๆ 80 ล้านถึง 100 ล้านบาท ลำไยมีทรัพย์สินมหาศาล จนฝันเป็นจริง สามารถซื้อบ้านหรูให้แม่ 8 ล้าน บ้านพักริมทะเล 22 ล้านบาท ที่ดินอีก 10 กว่าแปลง 30 ล้านบาท รถหรู 10 ล้าน ทองคำเครื่องประดับ 5 ล้าน เงินฝากและการลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน ในส่วนธุรกิจส่วนตัว จับมือปุ้ย เปิดบริษัท “ยายแพงมหารวย” ขายสินค้าออนไลน์ ผลิตอาหาร อาหารแห้ง อาหารสด อาหารแปรรูป แหนม และไส้กรอก บริษัทมีกรรมการ 2 คน คือ ลำไย ลงหุ้นด้วยเงินสด 8 แสน ปุ้ยลงหุ้นด้วยเงินสด 2 แสน
นอกจากนี้ความขยันของลำไย ยังช่วยพลิกชีวิตประจักษ์ชัย และค่ายไหทองคำ ทำให้รุ่งเรืองไปด้วยกัน ปัจจุบันค่ายมีรายได้ต่อปีเกือบ 100 ล้านบาท
ลำไยกลายเป็นนักร้องลูกทุ่งที่ร่ำรวย แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน ชีวิตทำแต่งาน เพราะเคยลำบากมาก่อน ข้อดีของการเป็นนักร้องคือ เสร็จงานก็ได้เงินเลย ลงจากเวทีก็ได้เงิน ไม่มีใครรวยเท่าลำไยอีกแล้ว แต่ก็ต้องยอมแลกกับชีวิตส่วนตัวที่หายไป หายใจเข้าออกของลำไยคืองาน ความสุขคือแจกทิปให้เด็กในวง ลำไยทำเพื่อคนอื่นมามากพอแล้ว
ในวันที่ลำไย และ ปุ้ย ตัดสินใจแยกทางกันไปใช้ชีวิต ผู้หญิงใจบาง จิตใจอ่อนแอ ไม่ได้มีประสบการณ์รักมากเพียงพอ เมื่อเจอกับผู้ชายปากหวาน หลอกว่าโสด ลำไยพร้อมกระโจนลงไปในห้วงเหวรักทันที แต่การเลือกของลำไยครั้งนี้ กลายเป็นหายนะให้ตัวเอง
เชื่อว่าถึงตอนนี้หลายคนน่าจะเข้าใจและเห็นภาพชัดเจนแล้วสำหรับเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับลำไย แต่หากย้อนกลับไปก็ต้องบอกว่าเรื่องราวที่มันลุกลามใหญ่โตกลายเป็นประเด็นในหลายๆ เรื่องนั้น สารตั้งต้นมันก็มาจากโพสต์ๆ เดียวของนักร้องหญิงเองที่ออกมาระบุว่าตัวเอง “โสด” ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันก็ชวนตั้งคำถามเหมือนกันว่าอะไร? ทำไมถึงทำให้เธอตัดสินใจโพสต์เช่นนั้นในช่วงเวลานี้
เรื่องนี้มองกันได้หลายมุม เอาแบบง่ายๆ ก็อาจจะเป็นเพราะก็เธอมีปัญหากับแฟนหนุ่มอยู่ไงถึงได้โพสต์ แต่เรื่องนี้มันก็ชวนตั้งคำถามได้อีกเหมือนกันว่าจริงๆ เธอมีปัญหาถึงขนาดใช้คำว่า “เลิกกัน” “แยกกันอยู่” ทางใครทางมันต่างคนไปมีรักใหม่กับหนุ่ม “ปุ้ย” มาตั้งนานแล้ว
แม้จะบอกว่าเป็นช่วงลองใจ เป็นช่วงปรับตัว แต่มันก็ไม่ดีกว่าหรือถ้าจะบอกเสียตั้งแต่ตอนนั้นจะได้ไม่เป็นข้อครหาด้วยเวลาจะไปสนิทสนมกับใคร
หรือเป็นไปได้ไม่ว่าที่เธอโพสต์ก็เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนปล่อยข่าวเรื่องนี้? หรือเป็นไปได้หรือไม่มันจะเกี่ยวกับเพลงใหม่ของเธอที่เพิ่งปล่อยออกมา?
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เชื่อว่าการโพสต์ดังกล่าวทั้งเธอและค่ายเองคงจะต้องรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น? รวมถึงทิศทางข่าวจะเป็นไปในทิศทางไหน? เพราะต่อให้มีการขุดกันจริงๆ ถึงเรื่องสาเหตุที่เลิกกัน หรืออาจจะมีคนจับตาเธอกับความสนิทสนมกับแดนเซอร์ ทั้งหมดก็อาจจะจบเพียงแค่สามตัวละครนี้ ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทุกคนต่างมีคำตอบที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันอยู่แล้ว
เรียกว่าไม่ว่าข่าวจะอย่างไรก็เป็นกระแสต่อเพลงใหม่ของเธอแน่นอน
แต่กลายเป็นว่าตัวแปรอย่างแฟนสาวของแดนเซอร์ซึ่งควรจะเป็นคนที่ถูกควบคุมได้มากที่สุดและไม่ควรจะมีตัวตนในเรื่องนี้ด้วยสัญญาที่ค้ำคออยู่ กลับมีการเคลื่อนไหวนั่นเองที่ทำให้เรื่องที่ควรจะวุ่นๆ ในระดับพอดีมันเกินระดับพอดีๆ ไป ซึ่งเรื่องนี้ทั้งนักร้องหญิงและค่ายเองก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายก็เป็นมันสมองของอย่างนายห้างประจักษ์ชัยนั่นเองที่ทำให้เกมนี้พลิกอีกครั้ง
เมื่อเจ้าตัวออกมาเคลื่อนไหวทั้งไม้นวมและไม้แข็ง ด้วยการแสดงมุมมองแบบผู้ใหญ่ ทั้งการยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบไม่ปฏิเสธ ทั้งการออกปากขอโทษแทนเด็กในสังกัดตนเองเพื่อให้กระแสลบต่อลำไยเบาลง นอกจากนี้ก็ยังมีการจัดการปัญหาต่างๆ แบบรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าตัวยังแสดงท่าทีความเป็นผู้นำปกป้องเด็กในสังกัดตนเอง ด้วยการยกเอาสัญญาที่มีอยู่ฟ้องคู่กรณี ที่สำคัญก็คือฉวยวิกฤตเป็นโอกาส ทำ “ดรามา มาร์เก็ตติ้ง” โปรโมตงานเพลงใหม่ของลำไยทันทีทั้งที่เตรียมแผนไว้ในช่วงสงกรานต์
เรียกว่างานนี้ “ไหทองคำ” และ “ประจักษ์ชัย” ชนะแบบใสๆ กันเห็นๆ เลยก็ว่าได้
