“ดีเจแมน” เล่าเรื่องในคุก ล้างส้วม โดนท้าทาย อยาก 10 Fight 10 ซัดไป 3 ปั้ง ดังเลย บอกไม่ทำก็อยู่ไม่ได้กลายเป็นกระต่ายกลางป่าใหญ่ น้ำหนักลด 10 กิโล ร้องไห้ทุกวัน 4 เดือนจนไม่มีน้ำตา บอกตัวเองจะตายห่xในนี้ไม่ได้ ลั่นขายหมด ทองลูก พระ รถ กระเป๋าที่รักของ “ใบเตย” พิสูจน์แล้วเงินงานแต่ง 2 ล้านไม่ใช่ของ “อภิรักษ์” ซึ้งใจคน เห็นสัจธรรมชีวิต
ถือว่าเป็นรายการแรกทางช่องยูทิวบ์ที่ “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน” ออกมาเปิดใจแบบแทบหมดเปลือก กับการใช้ชิวิตออยู่อย่างไร้อิสรภาพในเรือนจำ กับรายการของพี่ชายคนสนิทอย่าง “ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง” ในรายการ พูดไปเรื่อย ตอน อดทน ให้เวลาพิสูจน์ เข้มแข็ง เพื่อคนในครอบครัว ซึ่งแมนเผยว่าขอพูดเป็นภาพโดยรวมว่าตนต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในเรือนจำ เพราะคงเอามาพูดหมดไม่ได้
- จำได้ไม่เคยลืม วันที่ 9 พ.ค. 2566 นอนไม่หลับ และก่อนหน้านั้นก็นอนไม่หลับมาหลายปีมาก เพราะเจอข่าวนี้มาตลอด เหมือนตกนรกทั้งเป็น งานหาย รายได้หาย ครอบครัวเศร้า ลูกกำลังจะเติบโต ลูกสัมผัสได้ว่าทำไมพ่อแม่ทะเลาะกัน คุยแต่เรื่องเครียด และวันนั้นนอนแยกห้องกับใบเตย พอเช้าก็ไปศาล วันนั้นคิดว่าจะไม่ไปลาลูกเพราะถือเคล็ด แต่ใบเตยไปจูบเท้าลูกไว้ พอไปศาลก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ได้แค่จับมือกับใบเตยแป๊บเดียว พอไม่ได้ประกันตัว อัยการก็พากันแยกไป ตอนนั้นกระชากหัวใจมาก แต่ก็ยังไม่ได้อ่อนแอมาก เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงได้ออกมา เพราะเราสู้มาตลอดว่าเราถูกต้อง
- พอไปถึงเรือนจำก็เริ่มร้องไห้ คิดอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต จะไม่ได้เจอลูกอีกนานเท่าไหร่ จนเข้าไปที่ห้องกักโรคยิ่งเศร้า ก็มีพี่ๆ ที่อยู่ในนั้นที่เราคุ้นๆ หน้ากันเอาน้ำ เอาขนมมาให้ ก็ร้องไห้ใส่เขา แต่วันนั้นไม่ทันได้ลาคนที่บ้านเลย เพราะคิดว่าน่าจะประกันตัวได้ เราต่อสู้ด้วยความจริงมาโดยตลอดว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้อง เราให้ตรวจสอบมาตลอดตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว แต่ก็ถือเป็นการประมาทในชีวิตเหมือนกัน เพราะไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย รหัสเอทีเอ็ม ของขายอะไรได้บ้างที่จะมาพยุงชีวิตครอบครัวเรา แล้วหัวหน้าครอบครัวเข้าไปพร้อมกันสองคนเลย
- พอต้องเข้าไปอยู่ในนั้น นอนกับคนที่ไม่รู้จัก ห้องเหม็นๆ มีขวดน้ำที่ใส่น้ำก๊อกให้กินรวมกัน ใครจะไปกินลง เราไม่เคยตกอยู่ในสภาพแบบนั้น ตอนนั้นร้องไห้ คิดว่าใบเตยจะเป็นยังไง เวทมนต์จะอยู่ยังไง พ่อแม่จะยังไง ใครจะผ่อนบ้าน ร้องไห้ทุกคืนอยู่ 3-4 เดือนจนไม่มีน้ำตา ร้องไห้ทุกคืนเพราะคิดถึงลูก
- พอกักโรคครบ 1 เดือนถึงได้คุยกับทนาย ก็ถามว่าใบเตยเป็นยังไง พ่อแม่เป็นยังไง พอได้ย้ายแดนจากแดนกักโรคเข้ามาที่แดน 3 ถึงได้มีให้ญาติเข้าเยี่ยม จะมีสิ่งที่เรียกว่าจดหมายข้ามกำแพง ระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน พ่อส่งมาให้ทุกวัน จะได้รู้ข่าวคราวข้างนอกแค่ที่ส่งมาให้ นี่คือกำลังใจที่ดีของคนข้างใน ให้ญาติเยี่ยมวันละ 20 นาที บางทีพ่อกับแม่ก็ต้องโกหกเพื่อให้ตนสบายใจ ก็จะได้กระดาษพวกนี้เฉพาะจันทร์-ศุกร์ ทุกบ่าย 3 เราจะได้แผ่นนี้ และจะมีกระดาษให้เราเขียนไปให้ครอบครัว แม่จะมาเยี่ยมเวลา 09.30 น. เป๊ะทุกวัน ช่วงแรกๆ ตอนแม่มาเยี่ยม บางครั้งพอเดินหันหลังเข้าตนถึงขั้นเป็นลมเลย
- แดน 3 เป็นแดนที่เตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เรียกว่าโทษระหว่าง คือเป็นช่วงระหว่างพิจารณาคดี ฝากขัง ก็อยากจะฝากไปถึงรัฐบาลว่าควรจะมีที่สำหรับคนที่ถูกกล่าวหาในระหว่างนี้ ตอนนี้ก็มีพูดกันว่าทำไมไม่มีติดกำไล EM อยู่บ้าน เพราะในนั้นมีทั้งนักโทษที่ปล้น จี้ ข่มขืน ลักทรัพย์อยู่รวมกันหมด ทุกคนต้องไปรวมอยู่ในนั้น ตนได้เห็นคนที่ดีๆ เป็นบ้าก็เยอะเพราะโดนแกล้ง เครียด บางคนซ้ำเติมกัน การดูแลก็ลำบาก เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีนักโทษรวมประมาณ 6 พันคน แต่มีนักจิตวิทยาคนเดียวต่อทั้งเรือนจำ การจองคิวยากมาก อยากจะให้ช่วยเพิ่มตรงนี้ด้วย
- ตอนที่เข้าไปแดน 3 วันแรกคนเข้ามารุมดูตนในห้องนั้นมอนิเตอร์เยอะมาก เหมือนอยู่ในซาฟารีเวิลด์ ตอนนั้นก็นั่งร้องไห้นิดๆ พวกที่มาเกาะดูก็ตัวลายไปหมด ตะโกนถามว่าดีเจแมนคนไหนวะ เขาอยากเห็นคนดัง แต่ผู้คุมน่ารักมาก เป็นห่วงเรา เขาก็ฝากกันไว้ พอเข้าห้อง ในห้องที่นอนมีอยู่ 4 คน ไม่รู้จักใครเลย พอผ่านไปสักพักก็เริ่มคิดว่าถ้าเป็นผู้ช่วย ใช้ความรู้ให้มีประโยชน์ก็จะได้รับสิทธิพิเศษหน่อย เช่นได้ดูแลคน ได้ช่วยคน ก็พยายามจนได้เป็นผู้ช่วย ถึงได้ลงมานอนห้องผู้ช่วย ก็สบายขึ้น แต่ถ้าอยู่ในห้องจำแนกคนก็จะมากันเรื่อยๆ ห้องนึงจุดได้ประมาณ 60 คน แต่มีห้องน้ำห้องเดียว เป็นบล็อกเดียว มีผ้า 3 ผืนให้ เป็นผ้าเทาๆ ที่เหมือนไว้ใช้เช็ดเท้า ไม่ได้ซักให้ด้วย ตอนแรกก็ใช้รองหัวนอน ไม่ใช้ปูนอน แต่ก็นอนไม่ได้ ร้อน เพราะเป็นพื้นปูน แต่คนในนั้นก็สอนว่าต้องใช้ปูพื้นหนึ่งผืน ทุกคนจะหวง 3 ผืนนี้มาก เพราะมีขโมยกันตลอด
- โดนแกล้ง โดนท้าทายหนัก มีตะโกนบอกว่าอยากลอง 10 Fight 10 ว่ะ แข็งเปล่าวะ โดนตะโกนแบบนี้ใส่ทั้งวัน ถ้าข้างนอกไม่มีใครทำกับเราแบบนี้แน่นอน ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยมันก็หยุดไม่ได้ ก็มีบ้างที่ต้องออกแรง คนที่แซวบ่อยๆ ก็ต้องใช้กำลังบ้าง ต้องมีเปิดบ้าง เพราะพอจะมีวิชาติดตัวบ้าง ก็ซัดไป 3 ปั้ง ต้องเอาให้อยู่ หลังจากนั้นตนดังเลย เพราะในนั้นเข็มหล่นเข็มเดียวยังดังเลย เหมือนข้างนอกที่มีข่าวกอสสิบกัน ข่าวกระจายเร็วมาก โดนแบบนี้มาเดือนกว่า มันต้องทำอะไรบางอย่าง ไม่งั้นอยู่ไม่ได้
-แต่หลังจากนั้นไม่มีใครมายุ่งอีกเลยจนวันที่ออก มีแต่คนน่ารัก แต่ก็ต้องดูจังหวะว่าเขามีพวกไหม เพราะเรามีคนที่ไม่ชอบ แต่เราก็มีคนรัก แล้วคนรักเราดันเป็นพ่อบ้านใหญ่ แล้วเขามีมารยาท คนที่เป็นพวกนักเลง มือปืน สุภาพมาก แต่เตะยับเลยนะ แต่พวกที่เดิน (ทำท่าเดิน) มีเด็กๆ ตามเป็น 10 คนเลย พอจัดการคนนั้นได้ตนก็เลยเปิดชมรมสอนบุคลิกภาพ บอกเขาว่าไปเดินแบบนี้ข้างนอกไม่ได้นะ การตีรันฟันแทงในนั้นทำไม่ได้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราไม่ได้ทำเพราะไม่มีเหตุผล เราทำเพื่อหยุด ในนั้นเหมือนป่า ถ้าเราเป็นกระต่ายก็เรียบร้อย จะโดนทั้งวัน ถ้าไม่ทำเลยอะไรมันก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น ก็ต้องปราบกันด้วยกำลัง ความรุนแรงยังมีอยู่ แต่ไม่เท่าในหนัง
- หลังจากที่ป่วยเป็นไข้คุก น้ำหนักลด 10 กก. ถ่ายเป็นเลือด เริ่มได้จดหมายจากที่บ้าน เริ่มได้จดหมายจากใบเตยที่เขียนเป็นกระดาษใบเล็กๆ และมีคราบน้ำตา บอกว่าหนูคิดถึงป่ะป๊า คิดถึงลูก ก็เลยคิดได้ว่าตนต้องเข้มแข็งเพื่อออกไปอยู่กับครอบครัว จะมาตาย -่า ที่นี่ไม่ได้ และคิดเสมอว่าเราทำทุกอย่างถูกต้อง เราต้องได้ออกไป ก็เลยทำตัวให้มีประโยชน์ อย่างมีพวกที่อึแล้วไม่ราด ก็จะให้น้องๆ ตัวลายไปจัดการ โดยให้นมกล่องเป็นรางวัล นมนี่เหมือนทองเลย ก็ให้นั่งเฝ้าไว้ว่าใครไม่ราด พอเจอตัวก็ลากคอมาแล้วก็สั่งสอนนิดหน่อย ว่าเป็นของส่วนรวม แล้วตนจะซื้อผงซักฟอกไว้ 10 ถุง แล้วก็จะเอาเด็กเกเรมาขัดส้วม โดยที่ตนเป็นคนนำ ตนก็จะขัดทุกวัน และอธิษฐานจิตว่าการที่ได้ล้างส้วมในคุกน่าจะได้อานิสงค์แรง ขอให้คนไม่ดี สิ่งไม่ดีลงไปในส้วมนี่ซะ อะไรที่ทำให้มีประโยชน์ในนั้นทำหมด ก็เลยได้เป็นไอดอล
- วันนี้ก็ยังเก็บทิชชู่ที่เช็ดน้ำตาใบเตยวันแรกในศาลไว้เลย แล้วตอนนั้นก็ขายทุกอย่างที่มีไว้เพื่อดูแลลูก เป็นช็อตบีบหัวใจมาก ขายมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์ ขายแหวนแต่งงาน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รู้ถึงใจคนมาก เพราะคนที่มาขายเรายังไม่ซื้อคืนเลย ก็ได้เห็นคนด้วย นาฬิกาที่ซื้อมาบางเจ้าก็กดราคา แต่ตอนนี้ก็ราคาเต็ม หุ้นส่วนที่เคยรักกันก็หายไป ก็ได้เห็นคนวันนั้น ทองลูกที่ผู้ใหญ่ให้มาวันคลอดก็ขายหมด พระ รถทุกคันก็ต้องขายเพื่อประทังชีวิต บ้านใบเตย บ้านตน ประกันลูก ประกันพ่อแม่ถูกฟรีซไว้หมด บางอย่างคนไม่รู้ก็พูดกันไป
-อันนี้ต้องยกเครดิตให้ใบเตย เพราะบ้านที่ซื้อก็ได้ลดราคา ฟิล์มติดบ้าน เครื่องกรองน้ำ ไฟสวน ฟรีหมด ทุกคนมาให้โปรโมต แม้กระทั่งงานแต่งก็แทบจะฟรี แต่มันดูยิ่งใหญ่ เพราะทุกคนรักเรา ร้านอาหารที่เคยไปทานก็มาออกบูธให้ โรงแรมก็ลดให้ 70% พิธีกรก็ฟรี นักร้องก็ฟรี แต่คนจะคิดว่าเราใช้เงินเยอะ แต่ไม่ใช่เลย เงินงานแต่งก็ 2 ล้านกว่า เงินค่าสินสอดทั้งหมดก็เงินของตนเอง แต่ไปตีข่าวว่าไปได้จากอภิรักษ์ (อภิรักษ์ โกฎธิ) แต่ไม่ใช่เลย วันนี้พิสูจน์แล้ว ใบเตยยอมขายกระเป๋าที่รักที่ซื้อมาด้วยเงินตัวเอง ก็ต้องขายเพื่อประทังชีวิต
- บอกวันนี้ไม่ได้โกรธใคร และขอบคุณบางอย่างที่ทำให้โตขั้น และทำให้รู้ว่าวันนี้จะดีกับใครบ้าง อยากจะบอกทุกคนว่าตนกับใบเตยไม่ได้เป็นแบบนั้น ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำสิ่งที่เขากล่าวหามา วันนี้พิสูจน์แล้วว่าเราบริสุทธิ์ เส้นทางการเงินตรวจสอบได้ทั้งหมด ทุกวันนี้ลูกสาวโตมาเปรียบเหมือนเซียวฮื้อยี้ เพราะมีแต่แก๊งกะเทยคอยเลี้ยงมา เขาได้รับการเอ็นดูจากคนทั่วประเทศ ขอบคุณทุกคน เหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ ตอนนี้ใจเย็นลงมาก ใครปาดหน้าตนก็ยกมือไหว้เลย
