บง จุน โฮ เป็นผู้เขียนบทและผู้กำกับรางวัลออสการ์จากเรื่อง “Parasite” ซึ่งในตอนนี้เรียกความสนใจจากคนดูผู้ชมกับผลงานเรื่องใหม่อย่าง “Mickey 17” ที่มาพร้อมแนวคิดแหวกแนว โดยมี “โรเบิร์ต แพททินสัน” แสดงนำ
ก่อนตีตั๋วเข้าไปชมหนังเรื่องนี้ เรามีบทสัมภาษณ์ “บง จุน โฮ” ซึ่งเล่าถึงที่มาที่ไปของงานชิ้นนี้ ตลอดทั้งแนวคิดแรงบันดาลใจและวิธีการทำงานในแบบของเขา รวมทั้งการได้ร่วมงานครั้งแรกกับพระเอกชื่อดังอย่างโรเบิร์ต แพททินสัน ซึ่งผู้กำกับชื่อดังยืนยันว่า นี่เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่มีเสน่ห์มากที่สุดของดาราคนนี้...
คุณมีวิธีอย่างไรบ้างในการเลือกเลือกโปรเจ็กต์หนังแต่ละเรื่องที่คุณจะทำ?
สำหรับการค้นหาแรงบันดาลใจ ผมคิดว่าคุณต้องมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นปกติในชีวิต แน่นอนว่าอาจได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ หนังสือการ์ตูน และนิยาย แต่ผมพยายามเปิดรับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ผมได้แรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากตรงไหน ผมพยายามทำให้ตัวเองตื่นตัวตลอดเวลา
เมื่อเลือกโปรเจ็กต์ได้เรื่องหนึ่งแล้ว คุณช่วยเล่าถึงขั้นตอนการเขียนบทฯ ได้ไหม คุณรู้ได้อย่างไรว่าบทของคุณพร้อมสำหรับการถ่ายทำแล้ว?
ขั้นตอนการเขียนบทหรือ? มันเต็มไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวและเจ็บปวด (หัวเราะ) บางครั้งผมไม่อยากจะแตะต้องมันเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่ยาก แต่แน่นอนว่ายังไงผมก็ต้องทำ ผมเขียนบทฯ ทุกเรื่องด้วยตัวเอง ฉะนั้น คุณจะเรียกว่าเป็นโชคชะตาก็ว่าได้ แต่ผมรู้เสมอว่ามันต้องนานกว่า 6-8 เดือนแน่นอน ผมจึงต้องเผชิญหน้ากับมัน ผมพยายามทำให้ตัวเองโดดเดี่ยวมากที่สุด เพราะผมมักจะเขียนได้ดีขึ้นเมื่ออยู่คนเดียว
แรงดึงดูดเข้าสู่เรื่อง Mickey 17 คืออะไร รวมถึงสิ่งที่ทำให้คุณตัดสินใจสร้างหนังเรื่องนี้?
จากที่สรุปความรู้สึกได้จากนิยายต้นฉบับ ผมรู้สึกหลงใหลกับเรื่องนี้ขึ้นมาทันที เมื่อผมอ่านทีละหน้า ผมยิ่งจดจ่อกับเนื้อเรื่อง เพราะผมคิดว่ามันมีคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่น มันเหมือนเราปรินท์มนุษย์ออกมาราวกับมนุษย์เป็นกระดาษเอกสารที่ปรินท์ออกมาได้ และผมคิดว่าการปรินท์มนุษย์ออกมาแบบนั้น แม้ในด้านแสดงความรู้สึก เราก็สัมผัสได้ถึงเรื่องเศร้าที่จะเกิดขึ้นได้ ความคิดต่าง ๆ พุ่งออกมาและผมก็เข้าไปอยู่ในโลกใบนั้นทันที
ผมพบว่า ตัวละครมิกกี้ บาร์นส์ มีความน่าสนใจ แม้แต่ในนิยายต้นฉบับก็ตาม มิกกี้ดูเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่ผมอยากทำให้เขาดูธรรมดากว่านั้น เป็นคนทั่วไปกว่านั้น ดูเป็นคนชนชั้นล่าง ดูเป็นคนขี้แพ้สุด ๆ ทุกไอเดียสำหรับการดัดแปลงเรื่องพุ่งเข้ามาหาผมทันที ผมหลงใหลคอนเซ็ปต์ของการพิมพ์มนุษย์ออกมา และชอบในเสน่ห์ของตัวละครมิกกี้ที่ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ เขาคือคนธรรมดาทั่วไปที่ต้องผ่านการเดินทางหลุดโลกนี้
คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับโรเบิร์ต แพททินสันได้ไหม เขาสะดุดสายตาคุณครั้งแรกเมื่อไหร่?
เรารู้จักเขามาตั้งแต่เรื่อง “Harry Potter and the Goblet of Fire” แต่ผมเห็นแววของเขาอีกมุมในฐานะนักแสดงจากเรื่อง “Good Time” ที่ร่วมงานกับพี่น้องแซฟดาย และการแสดงที่น่าประทับใจของเขาในเรื่อง “The Lighthouse” ร่วมกับวิลเลี่ยม เดโฟ เขากลายเป็นนักแสดงอีกขั้นจากผลงาน 2 เรื่องนั้น เช่นเดียวกับเรื่อง “The Batman” เวลาที่ผมเห็นเขารับบทตัวละครที่มีเอกลักษณ์ และถ่ายทอดออกมาในแบบของเขาอย่างแปลกใหม่ ผมคิดว่าการรับบทมิกกี้ 17 และมิกกี้ 18 จะจุดไฟในตัวเขาในฐานะนักแสดง และพวกเราคงจะมีความสุขและสร้างแรงบันดาลใจให้กันและกันได้
โรเบิร์ตมีการแสดงเพิ่มเข้าไปในตัวละครของคุณที่เขียนขึ้นมาไหม เช่น น้ำเสียง ท่าทาง เขาทำให้ตัวละครธรรมดามีชีวิตขึ้นมาอย่างไรบ้าง?
ช่วงที่ผมดัดแปลงเนื้อเรื่องให้เข้ากับบท ผมเพิ่มรายละเอียดที่เล่าเกี่ยวกับตัวละครนี้ไปเยอะมาก แต่ไม่ว่าจะใส่รายละเอียดไปเยอะแค่ไหน สุดท้ายมันก็แค่ตัวอักษรที่อยู่บนกระดาษ และโรเบิร์ตใส่ความสร้างสรรค์ในแบบของเขา ใส่หลายไอเดียลงไป รวมถึงเพิ่มรายละเอียดที่สะท้อนถึงตัวละครได้ชัดเจน ผมทั้งเซอร์ไพรส์และประทับใจในทุกสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อตัวละครและภาพยนตร์
มันเหมือนเขามีไอเดียเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ อย่างดีเยี่ยม และเหมือนกับ Mickey 18 ที่โรเบิร์ตพาเข้าสู่มิติใหม่ เขาข้ามผ่านเส้นกำหนดที่ผมสร้างเอาไว้สำหรับตัวละครนี้ เพิ่มอีกหลายไอเดียพิเศษ ถ่ายทอดพลังใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยนึกภาพมาก่อน เขามีการเล่นสดในบทอย่างสนุกสนาน และนับเป็นเรื่องสนุกที่ได้ดูเขาทำให้ Mickey 17 มีชีวิตขึ้นมาในฉากได้ ผมรู้สึกดีมาก โดยเฉพาะสิ่งที่เขาสร้างเอาไว้สำหรับ Mickey 18
ธีมที่มักจะพบในผลงานของคุณคือเรื่องการสำรวจ การเสียดสี ความไม่เสมอภาค ความเจ้าเล่ห์ที่มีอยู่บนโลกของเรา การส่องแสงสว่างในมุมที่มีเรื่องทุจริต คุณอยากเล่าอะไรถึงเรื่องเหลานั้นไหม และมันช่วยหล่อหลอมการถ่ายทอดเรื่องราวของคุณได้อย่างไรในเรื่องนี้?
ผมไม่ได้สร้างหนังขึ้นมาเพื่อเสียดสีการเมือง ผมไม่อยากให้หนังเป็นแค่เครื่องมือการเผยแพร่ ผมพยายามสร้างหนังที่มีความงดงามและสนุกในแบบของตัวเอง เรื่อง Mickey 17 คือส่วนหนึ่งจากการพยายามนั้น แต่ผมคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับมิกกี้ ทั้งสภาพสถานการณ์ การถูกปฏิบัติอย่างที่เห็นในเรื่องล้วนเกี่ยวข้องกับการเมืองในตัวมันเอง ประเด็นสำคัญคือเราเคารพและปฏิบัติต่อมนุษย์กันอย่างไร มันไม่ใช่แค่แบ่งแยกไปที่ประเด็นการเมืองในเรื่องอย่างเดียว หากคุณเห็นการดิ้นรนของมิกกี้ 17 และมิกกี้ 18 ที่ต้องฝ่าฟัน คุณจะเข้าใจโดยธรรมชาติว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง
ในส่วนของการถ่ายทำและลำดับภาพ มีการเตรียมเรื่องสตอรี่บอร์ดและการวางคอนเซปต์เยอะมาก เพราะอะไรคุณถึงให้ความสำคัญกับสิ่งนี้มาก?
ผมหลงใหลในสตอรี่บอร์ดของตัวเองกับพวกภาพวาดมากเลยครับ เป็นผลงานที่ทุ่มเทอย่างหนักทั้งทางกายและใจ แต่ผมไม่สามารถสร้างหนังขึ้นมาได้หากไม่มีมัน ผมต้องมีภาพฉากต่าง ๆ ให้เห็นเพื่อความอุ่นใจ จากนั้นค่อยถ่ายทำจริง พอผมสร้างสตอรี่บอร์ดเสร็จเรียบร้อย โดยส่วนตัวแล้วผมจะรู้สึกว่าภาพยนตร์เสร็จเรียบร้อยไปด้วย สตอรี่บอร์ดของผมค่อนข้างตรงตามฉากที่กำหนดเอาไว้ และมีการกำหนดทิศทางของกล้องด้วย ผมค่อนข้างจะถ่ายทำให้ตรง 99% สุดท้ายแล้วภาพยนตร์จะไม่ต่างจากสตอรี่บอร์ดเลย
แต่ในส่วนการแสดงของนักแสดง ผมจะเปิดโอกาสให้ได้มากที่สุด ผมเปิดรับการแสดงสดจากนักแสดงเสมอ มันจะมีความแตกต่างกัน ผมมีตำแหน่งการจัดวางกล้องและเฟรมที่ตรงกับสตอรี่บอร์ดของผม แต่ผมจะบอกนักแสดงให้ทำตัวสบายๆ และมีอิสระได้อย่างเต็มที่ มันดูขัดแย้งกัน แต่นั่นคือการทำงานของผม
คุณคิดว่ามีอะไรบ้างที่คุณทำสำเร็จในเรื่อง “Mickey 17” อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน?
โดยรวมแล้ว รายละเอียดจะคล้ายกับเรื่องที่ผมเคยสร้างมาก่อน แต่ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจาะลึกถึงเรื่องความโง่เขลาเบาปัญญาของมนุษย์ และความโง่นั้นทำให้พวกเขาดูยิ่งน่ารักขึ้นขนาดไหน ผู้คนมักจะคอยพูดแต่ว่าหนังเรื่องนี้มีความอบอุ่นขนาดไหน เปรียบเทียบกับผลงานของผมที่ผ่านมา หนังของผมมักได้รับแต่คำวิจารณ์ที่รุนแรงเสมอ อาจเป็นเพราะผมอายุมากขึ้นด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่ได้ยินเสียงตอบรับใหม่ๆ เหล่านี้
นี่คือหนังไซไฟที่ผู้คนเดินทางไปยังดาวเอเลี่ยน มียานอวกาศและทุกอย่าง แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่งี่เง่าทั้งหลาย ไม่ใช่หนังอวกาศฟอร์มยักษ์ที่ผู้คนไล่ยิงเลเซอร์กัน แต่เกี่ยวกับพวกขี้แพ้งี่เง่ามากกว่า (หัวเราะ) ในหนังเต็มไปด้วยพวกคนงี่เง่าทั้งนั้น
เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในโลกอนาคตที่พวกเราน่าจะไม่มีใครอยากอยู่ คุณช่วยเล่าถึงเรื่องราวนี้ เกี่ยวกับโลก บรรยากาศที่นั่น และผู้คนจากมุมมองของคุณได้ไหม?
นั่นไม่ใช่บรรยากาศของโลกที่เสื่อมสลาย แต่มันเป็นโลกที่แห้งแล้ง ทุกคนพากันหนีหายจากไป นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน พวกเขาขึ้นยานอวกาศที่เหมือนเที่ยวบินจากแอลเอสู่นิวยอร์ก ไม่ได้มีการอพยพกันมากขนาดนั้น ในหนังจะให้บรรยากาศที่สมจริง มีการเดินทางจากโลกสู่ดาวดวงอื่นได้เหมือนเป็นทางเลือกทั่วไป ผู้คนในเรื่องนี้ต่างพากันเดินทางอย่างไร้จุดหมาย มีแต่ความอ้างว้าง ไม่มีครอบครัวแต่พวกเขายังตามหาความรัก นี่เป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องราวความรักระหว่างมิกกี้กับนาชาด้วย ซึ่งเป็นมุมของผู้คนตามหาความสัมพันธ์ที่เป็นส่วนสำคัญของเรื่องราว
หนังเรื่องนี้ได้รับความสนใจและสร้างความตื่นเต้นให้แฟน ๆ จำนวนมาก ทำไมคุณคิดว่าจะครองใจผู้ชมได้และคาดหวังว่าผู้ชมจะรักอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?
อย่างแรกเลย (หัวเราะ) โรเบิร์ต แพททินสันเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์มาก ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เรียกความสนใจให้ผู้คนได้ ผมไม่ได้พูดเล่นนะ เราจะเห็นอีกด้านของเขาในเรื่องนี้ เป็นด้านที่เราไม่เคยเห็นจากเขา และมีการผสมผสานกันอย่างลงตัวทั้งเนื้อเรื่องและภาพรวม เป็นส่วนหนึ่งที่ดีมาก นี่คือหนังไซไฟแต่มีความตลกและเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์ ผมหวังว่าผู้ชมจะสนุกกับสิ่งนั้น และเมื่อทุกคนกลับไปบ้านหลังจากได้ดูหนัง ผมหวังว่าพวกเขาจะมีช่วงเวลาได้คิดว่าอะไรทำให้พวกเรามีความเป็นมนุษย์ เราต้องทำอะไรเพื่อคงความเป็นมนุษย์ อย่างน้อยก็คิดสัก 3 นาที (หัวเราะ)
สุดท้ายทำไมเราต้องดูหนังเรื่องนี้บนจอยักษ์พร้อมระบบเสียงที่ดี?
เราอยู่ในยุคของสตรีมมิ่ง แต่มีบางสิ่งที่เราหาได้จากเวลาที่ดูหนังบนจอยักษ์เท่านั้น แน่นอนว่าบนจอยักษ์เหมาะสำหรับการชมภาพที่น่าตื่นตาและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมทั้งสัมผัสพลังของนักแสดงทุกคนซึ่งทุ่มเทและถ่ายทอดการแสดงที่เข้มข้นออกมา นันคือสิ่งที่เหมาะสำหรับการชมบนจอยักษ์ โรเบิร์ต แพททินสัน บนจอไอแมกซ์ มันคือประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมมาก
