“โดม เดอะเฟซ” ช็อก ถูกหลอกไปงานฟรี ทั้งที่ได้เงิน ถูกคนกลางดีลงานแล้วเอาเงินไปใช้เองเป็นล้าน ทั้งปีได้เงินแค่ 3.5 หมื่น กินแต่มาม่า จนผอมบักโกรก ท้อคิดย้ายไปอยู่ออสเตรเลีย เครียดสะสม ทำงานหนักแต่ยังจน 6 ปี ไม่มีบ้านไม่มีรถ ซื้ออะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง หากเคลียร์เงินพร้อมไกล่เกลี่ย
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (21 ก.พ.) นักแสดงหนุ่ม-นายแบบ “โดม เดอะเฟซ”หรือ “โดม เพชรธำรงชัย” ได้ควงคุณแม่ พร้อม “ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ”แจ้งความดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์กับคนกลางที่คอยหางานให้ ที่สน.บางนา เนื่องจากหลอกให้หนุ่มโดมไปทำงานฟรี แต่พอมีการตรวจสอบกลับพอว่าผู้ว่าจ้างมีการจ่ายเงินให้แล้วกว่าครึ่งล้าน โดมเผยว่าให้คนกลางคนนี้ดูแลงานให้ตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ ประมาณ 6-7 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าโดนแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ที่เจ็บที่สุดคือปีที่แล้วทั้งปีได้เงินแค่ 35,000 บาท ทำได้แค่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประคองชีวิต
โดม : “เริ่มต้นจากงานที่ทำที่ผ่านมา เขาบอกเราว่าเป็นงานล่อซื้อ แล้วก็มีเพื่อนที่ร่วมทำงานเขามาสะกิดผม ถามว่าได้ค่าแรง ค่าตัวไหมครับ ผมก็บอกว่าไม่ทราบเลย เดี๋ยวโดมลองถามตรวจ แล้วพอไปตรวจก็เจออะไรที่น่าสนใจมากเลยนะครับกับคนที่จ้างคนนี้ผมก็รู้จักเขามาประมาณ 2 ปีแล้วครับ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาครับ แต่ครั้งล่าสุดพอไปตรวจสอบผมก็รู้สึกช็อกมาก แล้วก็ผิดหวังมากนะครับ เราไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะเกิดขึ้น"
ทนายนิด้า : “คือเขาสื่อสารไม่ค่อยสะดวก เพราะภาษาไทยเขาไม่แข็งแรง เดี๋ยวคนอาจจะตีความการสื่อสารของโดมเป็นผู้ว่าจ้างเป็นคนลัก คนโกง จริงๆ ไม่ใช่ผู้ว่าจ้าง แต่เป็นคนกลางที่ไปดีลรับงานมาให้ ทีนี้จากที่รับข้อเท็จจริงมาจากน้องก็คือที่ผ่านมาเขาก็จะเป็นคนดูเรื่องงานให้ อย่างคำว่าล่อซื้อในความหมายของเขาก็คือ เขาจะมาบอกโดมว่าถ้างานไหนฟรีบางงานต้องไปออกฟรีนะ เขาจะเรียกศัพท์ระหว่างกันใช้คำว่าล่อซื้อ เหตุผลของการให้ไปทำงานล่อซื้อเขาให้เหตุผลว่าคุณจะต้องไปทำงานฟรีบ้างนะ คุณจะได้มีชื่อเสียง ไม่ใช่ว่าคนจะมาจ้างคุณอยู่ตลอด
ซึ่งหลายๆ งานโดมก็ไปทำโดยการรับสารมาว่าเป็นงานล่อซื้อ เขาก็ไปทำ ทีนี้เรื่องมันเกิดตรงที่ว่ามันมีอยู่งานนึง เขาดันได้ไปคุยกับคนที่ร่วมทำงาน และเขาก็ถามโดมว่าได้รับค่าตัวหรือยัง ทางนี้ก็งงว่ามีด้วยเหรอ โดมไม่รู้ว่างานนี้ได้เงิน เพราะเขาคิดว่างานนี้คืองานล่อซื้อ พอเขารู้ว่างานนี้ได้ค่าตัว ก็ถึงไปตรวจสอบก็ไม่มีเงินเข้ามา เขาก็พยายามติดต่อไปยังผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้างก็ยืนยันว่าจ่ายเงินแล้วจริงๆ ระดับครึ่งล้าน เฉพาะแค่งานนี้นะคะ มันเลยนำไปสู่การที่เราคิดว่าแล้วที่ผ่านมาล่ะมันมีอีกไหม ก็ค่อยๆ ทยอยรื้อ ณ วันนี้ก็เชื่อว่าน่าจะยังรื้อไม่หมด เพราะเขาทำงานมาเยอะมากหลายปี แต่ตอนนี้เราก็มาแจ้งในอันที่เรารื้อได้ก่อนค่ะ”
เผยความเสียหายโดนรวมน่าจะเป็นหลักล้าน
ทนายนิด้า : “จำนวนความเสียหายขอยังไม่ลงรายละเอียด แต่ก็เชื่อว่าคงเป็นหลักล้าน แล้วก็หลายครั้งค่ะ กับผู้ว่าจ้างก็ได้ติดต่อพูดคุยนะคะ กับบางคนที่เรารู้และสามารถติดต่อได้นะคะ เราถึงได้รับข้อมูลมาว่ามันเป็นงานที่ได้เงิน แต่เรายังไม่ขอลงรายละเอียดว่าคนที่เราพูดถึงนี่คือใครนะคะ เรายังไม่ฟันธงว่าใช่ผู้จัดการไหม แต่ที่นิด้าโพสต์ที่เกี่ยวกับผู้จัดการก็อาจจะไม่เกี่ยวกับเคสโดมก็ได้จริงๆ มีหลายเคส และก็มีได้รับเคสว่าผู้จัดการโกงเงินดาราจริงและหลายเคส แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดว่ามันเป็นเคสโดม ซึ่งเคสของโดมเราก็ไม่ยืนยันว่าเป็นผู้จัดการหรือใคร เพราะการรับงานมันมีการรับงานผ่านหลายคนค่ะ ขอละไว้แล้วกัน ไม่อยากให้น้องโดมมีประเด็นถูกฟ้องร้องขึ้นมาอีก หรือแม้แต่ตัวทนายด้วยนะคะ (หัวเราะ)”
โดม : “ก็เสียความรู้สึกมากเลยครับ เราตั้งใจทำมาหากินมาหลายปีแล้ว มันมีช่วงที่ผมไม่มีเงินเลย ต้องวิ่งออกไปร้านอาหารซื้อกับข้าว หรือกินมาม่าต่อวัน ก็มีคนในวงการถามว่าทำไมโดมผอมมาก ก็เพราะว่าผมไม่ค่อยได้กินข้าวครับ”
ทนายนิด้า : “อย่างเรื่องนี้โดมแชร์ได้ว่าตลอดปี 2024 โดมทำงานเท่าไหร่ แล้วได้เงินเท่าไหร่ อันนี้โดมพูดได้ ทั้งปีโดมทำงานเยอะมาก แต่ได้เงินเท่าไหร่”
โดม : “ผมได้ 35,000 บาทครับ”
แม่ : “คือเงินที่เข้ามามันจะเข้ามาบัญชีของแม่ แต่เราไม่เคยเปิดอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ฉะนั้นทุกครั้งแม่ก็ต้องเอาบัญชีจากเมลเบิร์นเพื่อมาอัปดู ปรากฎว่าปลายปีที่แล้วมันไม่ถึง 35,000 บาททั้งปีนะคะ”
ทนายนิด้า : “ถามว่าได้มีการติดต่อคนกลางไหม ไม่ได้เชิงคุยกันชัดเจน แต่ตัวเขาน่าจะรู้ถึงสถานการณ์แล้วว่าโดมรู้อะไร ทางโดมเองต่างหากที่รอว่าเขาจะฟีดแบ็กเรื่องนี้ยังไง แต่โดมมองว่าเขาไม่ได้มีฟีดแบ็กอะไรมา ตรงนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย”
โดม : “เขาก็ช่วยหางานมานานแล้วครับ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ ประมาณ 6-7 ปี”
แม่ : "ตั้งแต่อายุ 15 จนปัจจุบัน 21 จะ 22 แล้วค่ะ แม่ก็เชื่อใจเขา ไว้ใจ รักเหมือนน้องคนนึง”
เผยเคยคุยกันแม่ลูกว่าอยากกลับไปทำงานที่ออสเตรเลีย เพราะทำงานที่ไทยไม่ไหวแล้ว
แม่ : “ถามว่าแม่เคยสงสัยไหม จริงๆ ในเหตุผลที่เคยคุยกัน เขาก็จะมาพูดว่ากระแสของนักแสดงก็เป็นกันแบบนี้ เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ หลายๆ คนก็จำเป็นบ้างที่จะต้องมีลักษณะของการล่อซื้อ และลูกเราก็ไม่ได้เปรี้ยงปร้าง ณ ปัจจุบัน เราก็เข้าใจจนเรารู้สึกว่าลูกเรามีอาชีพเป็นนักแสดง เป็นนายแบบหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่การทำงานซึ่งมันมีแต่งานล่อซื้อลักษณะแบบนี้ ตอบได้ไหมว่ามันคืออาชีพที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ แม่เองก็คิดอยู่ว่าถ้างานที่เราทำปัจจุบันนี้มันไม่มีรายได้ เราควรจะกลับออสเตรเลียดีกว่าไหม ไปทำงานในสิ่งที่เราอยากทำ หรือเบนเข็มไปทำอาชีพอื่นก็ได้ ก็เคยคุยกับเขาเหมือนกันค่ะ”
โดม : “จริงๆ ถ้าพูดถึงอนาคตก็ยังไม่ชัวร์นะว่าจะอยู่วงการบันเทิงต่อ หรือจะกลับออสเตรเลียไปทำงานที่นั่น เพราะจริงๆ โดมก็ตั้งใจอยู่แล้ว และโดมตั้งใจจะเป็นผู้ช่วยที่สำนักงานทนายความที่เมลเบิร์น เพราะเรื่องกฎหมายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราควรรู้บ้างเพื่อปกป้องตัวเองได้ครับ ก็คิดมานานแล้วครับ แต่ตอนนี้คงต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน เพราะเราก็เสียหายไปเยอะ เราก็จำเป็นต้องจัดการครับ”
ทนายนิด้า : “วันนี้ก็เป็นเรื่องคดีลักทรัพย์ค่ะ เรียกร้องความเป็นธรรมให้น้องหน่อย เพราะน้องทำงานมาก็เหนื่อย จริงๆ ในส่วนที่เขาควรได้รับในทุกงานเขาก็ต้องได้สัดส่วนอยู่แล้ว แต่ในสิ่งตรงนี้มองว่ามันเป็นการเอาเปรียบน้อง อาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็คงต้องดำเนินคดีไปค่ะ”
โดม : “ตอนนี้ก็จะเป็นคุณแม่ที่มาดูคิวให้ครับ ไว้ใจมากที่สุดเลย (หัวเราะ)”
บอกถ้าคู่กรณียอมคืนเงินให้ครบตามจำนวน ก็อาจจะยอมไกล่เกลี่ยด้วย
ทนายนิด้า : “ถามว่ามีโอกาสไกล่เกลี่ยได้ไหม ถ้าน้องได้รับเงินทุกบาททุกสตางค์คืนก็คิดว่าอาจจะนะคะ ประเด็นตรงนี้ต้องบอกตามตรงว่ายังไม่ได้คุยกันกับตัวลูกความ แต่ในมุมมองของตัวเองเห็นว่าน้องทำงานก็ควรได้เงินตามสิทธิที่เขาควรได้รับแต่การที่เรามาแจ้งความดำเนินคดี เพราะเราไม่ได้รับสิทธิที่ควรจะมี แต่ถ้าได้สิทธินั้นคืนมาเต็มก็อาจจะพูดคุยกับตัวลูกความอีกทีนึงว่าเป็นช้อยส์ดีไหม เชื่อว่าลูกความก็น่าจะรับเงื่อนไขอยู่ค่ะ”
โดม : “ก็คงต้องดูก่อนว่าจะให้จบยังไง จริงๆ ก็อยากให้สิ่งที่เสียหายไปกลับคืนมาครับ เพราะผมก็เหนื่อยกาย เหนื่อยใจมาหลายปีแล้ว ทำงานหนัก บางทีก็ไม่ได้นอน นอนไม่หลับ บางทีนอนวันละ 4 ชม. ก็ขอค่าแรงหน่อยนะครับ คือมันท้อมาก ผมโทร.คุยกับแม่เลยว่าโดมขอกลับออสเตรเลียได้ไหม ผมไม่ไหวแล้ว ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว อยากจะกลับบ้าน”
ทนายนิด้า : “จริงๆ เรื่องราวที่เขาได้คุยกับคนรอบข้าง มันเริ่มมาจากที่เขาเองเริ่มสะสมความเครียด พูดตรงๆ ว่าเขาก็ทำงาน แต่ทำไมเขายังจนอยู่ ก็เลยสะสมความเครียดมาเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มมีไปพูดคุยกับคนรอบข้างบ้าง แต่คนรอบข้างเขาก็ไม่รู้ว่าโดมอยู่ในสภาวะแบบนี้พอได้พูดคุยก็เหมือนเรื่องมันเลยแดงขึ้นมา เขาก็ตั้งใจทำงานมา อย่างบางงานเขาก็อาจจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่เขา แต่เขาก็พยายามทำเพราะเขาอยากทุ่มเทกับวงการนี้อย่างเต็มที่ แต่พอผลตอบแทนกลับมาเป็นแบบนี้เขาก็สะสมความเครียดมา”
โดม : “ก็ลำบากแบบนี้มา 6 ปีแล้วครับ จริงๆ ตั้งใจจะซื้อบ้านที่นี่ ตั้งใจจะซื้อรถให้น้า แต่ก็ยังไม่ได้สักที ยังดูแลตัวเองไม่ได้เลย ตั้งแต่ทำงานมาก็ยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยครับ”
แม่ : “จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรนะคะ ส่วนดีก็คือดี เรื่องดีงามก็บอกตรงๆ ว่าเราซาบซึ้งถึงเขาเสมอ การที่ได้มีโอกาสรู้จักกัน แต่ในส่วนอะไรที่มันไม่ใช่เรื่องปกติก็ควรจะต้องแก้ไข และวันนี้พี่นิด้าก็มาช่วยพวกเราแก้ไข มาช่วยดูว่าจะต้องทำยังไงกันได้บ้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ก็ยังรักเขาเหมือนเดิมนะคะ แต่ก็เสียใจค่ะ”
โดม : “เสียใจมาก”
