“ใบเตย” ขอความเห็นใจ ไม่อยากตอบเรื่อง “ฟิล์ม” รีดเงิน 14 ล้าน ลั่นถูกรีดเงินไม่ได้เลวร้ายที่สุด เจอเลวร้ายกว่านั้นเยอะ ไม่อยากพูดเรื่องเก่าอีกแล้ว ลั่นไม่ไหวจนคิดว่าถ้าตายได้หนูก็อยากตาย รับคนหยิบยื่นความช่วยเหลือแต่หวังผลประโยชน์มีทุกชนชั้นในวันที่ต้องเจอคดี ไม่โทษใครมองเป็นวิบากกรรม ให้น้องชายขายแบรนด์เนมเกือบหมดประทังชีวิต รับสภาพเป็นผู้ป่วยจิตเวชกินยาต้านเศร้า อยู่คนเดียวไม่ได้
หลังจาก “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน” ออกมาฟาดดาราตัวจี๊ด เรียกเงินตนและ “ใบเตย อาร์สยาม” สุธีวัน กุญชรภรรยา คนละ 7 ล้าน รวม 14 ล้าน หากอยากรอดคดี Forex-3D งานนี้ดีเจแมนมีการเผยว่าเป็นดาราที่กำลังเป็นข่าว และหลุดพูดชื่อ “ฟิล์ม” ระหว่างโฟนอินในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ทำให้ชาวเน็ตพุ่งเป้าไปที่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ขณะที่ฟิล์มยืนยันไม่ใช่ตนเอง ถ้าทำจริงคงไม่คบใบเตยถึงตอนนี้ จนแมนออกมาฟาดต่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง เร็วๆ นี้แน่นอน ลั่นมีหลักฐาน ฟิล์มออกมาสวนกลับว่ามีหลักฐานเหมือนกัน แต่ยังไม่เปิดตอนนี้
ล่าสุดรายการแฉ (13 ก.พ.68) “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” ได้สัมภาษณ์ใบเตยถึงเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าตัวน้ำตาคลอและร้องไห้ในบางครั้ง โดยขอความเห็นใจว่าอยากให้ทุกอย่างจบ ไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องใดๆ อีก เพราะที่ผ่านมามันปวดหัวใจมาก อยากให้เห็นใจเพราะไม่ไหวจริงๆ พร้อมเผยว่าสิ่งที่เจอมาเลวร้ายกว่านี้มาก
“ไม่อยากพูดเยอะ วันนี้อยากขอความเห็นใจจากพี่ๆ ทุกคน ชีวิตหนูมันแย่มาตลอดมันเจออะไรร้ายๆ มาตลอด วันนี้อะไรไปแตะต้องเรื่องราวแย่ๆ หรือโยงคนอื่นอีก ไม่อยากข้องเกี่ยวเลย ที่ผ่านมามันปวดหัวใจหนูมาก กับทุกเหตุการณ์ เครียดมาก เราเป็นซึมเศร้าหนักมากด้วย พอเจออะไรแบบนี้อีก เหมือนภาพเก่าๆ เดิมๆ มันกลับมา ที่ต้องมานั่งพูด นั่งหวาดระแวง นั่งกลัวกับการเจออะไรแบบนี้ อยากขอความเห็นใจ
ใบเตยทำงานทั้งวันตั้งแต่เช้า ไม่ได้รู้ดีเทลอะไรมากมาย หนูอยากแยกแยะทุกอย่างในชีวิตให้ดีที่สุด รู้สึกว่าเห็นใจหนูหน่อย หนูไม่ไหว (เสียงสั่น) กับการที่ต้องมานั่งเจออะไรแบบนี้อีก ถามว่าสิ่งที่เจอ ที่ได้รับรู้กันไป ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่หนูเจอเลวร้ายกว่านั้น หนูเจอมากกว่านั้นเยอะมาก อันนั้นไม่ได้เลวร้ายที่สุด หนูเจออะไรหลายอย่างการกระทำ ลักษณะนี้ ใครมีคดี คิดว่าเจอเหมือนกันหมด ใบเตยได้รับดีเอ็มเยอะมาก ว่าเคยมีคนเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้หมด ใบเตยไม่เคยได้เล่าใครว่าหนูเจอและครอบครัวเจอเยอะมากๆ ไม่ใช่แค่เป็นใคร เจอทุกรูปแบบ ทุกอาชีพ อันนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าอาชีพนี้มีอยู่จริง ขนาดหนูอยู่ข้างในหนูยังเจอ เป็นเรื่องที่เราไม่อยากจำมาตลอดค่ะ คนหยิบยื่นความช่วยเหลือแต่หวังผลประโยชน์ หลายๆ ชนชั้นในวันที่เราเจอคดี ใครเจอคดีแล้วมีชื่อเสียง หรือเป็นคดีดังๆ หน่อย ก็คิดว่าจะโดนแบบนี้”
ไม่ได้คุยดีเทลกับ “ฟิล์ม” ไม่อยากพูดถึงมัน พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ มันแย่ ลั่นทุกอย่างที่เจอเลวร้าย ตายได้หนูก็อยากตายนะ!
“ไม่ได้คุยดีเทลอะไรมากกับพี่ฟิล์ม ตอนนี้ไม่ได้อ่านรายละเอียดสองฝั่ง ว่าเริ่มต้นจากอะไร และจบที่ตรงไหน แต่ตอนนี้หนูไม่รู้จะพูดอะไร ต้องบอกแบบนี้ ไม่อยากพูดถึงมันด้วย และรู้สึกว่ามันมีผลกระทบกับจิตใจหนู หมายถึงให้หนูไปนั่งพูดเกี่ยวกับอะไรแบบนี้เดิมๆ ภาพเดิมๆ มันแย่
ที่พี่แมนบอกว่าคนกันเองอยู่ในบริบทเดียวกัน ทำวงการเดียวกัน แต่เหมือนจมน้ำแล้วโยนเชือกมา แต่ไม่รู้เชือกดึงได้หรือเปล่า ถามว่าอยากพูดยังไง มุมใบเตย อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว มันทำให้ชีวิตเราต้องกลับไปเจออะไรแบบเดิมๆ หนูรู้สึกว่าอยากให้จบลงตรงนี้ หนูไม่ได้ดูดีเทลหรือรายละเอียดอะไรจากทั้งสองฝั่ง ถ เห็นใจหนู ก็อยากให้ข้ามผ่านมันไป แล้วไม่อยากพาดพิงถึงใครอีกแล้ว หนูได้ออกมามีชีวิตอิสระแล้ว วันนี้ไม่อยากยุ่งหรือข้องเกี่ยวกับใครในส่วนนี้อีกเลย เราอยู่เฉยๆ มาตลอด
ถามว่ายังติดค้างในใจไหม ที่เจอปัญหาหนักๆ เขาอาจไม่ได้ทำก็ได้ มีคนมาเรียกร้องเงินจากเรา ไม่เคยติดค้างใจอีกเลย ใบเตยไม่เคยโทษใครเลย เรารู้สึกว่ามันคือวิบากกรรมของชีวิตเรา ย้อนกลับไปหนูก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยในวันนั้น ไม่สามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอหรือปะทะได้เลย หนูเจอตั้งแต่เรื่องพี่แตงโม มาเป็นพี่สาวหนูอีกคนเจอคดีเดียวกัน แล้วมาเป็นหนู มันพังมาตั้งแต่ ณ วันนั้นมันเลวร้ายมาตั้งแต่ ณ วันนั้น หนูเข้าไปในนั้นอีก เลวร้ายหนักกว่า หนูต้องถูกพรากลูก น้องเขยหนูตาย มันแย่มาก ถ้าตายได้หนูก็อยากตายนะ (ร้องไห้)”
เผยความรู้สึกขึ้นเวทีคอนเสิร์ตทั้งกำไลอีเอ็ม เข้มแข็ง แม้ข้างในพัง เพราะพลังความเป็นแม่
“ไปร้องเพลงแล้วมีกำไลอีเอ็ม ใบเตยทำตามกฎหมาย เราตกลงในวันประกันตัวว่าจะใส่กำไลอีเอ็ม ฉะนั้นสิ่งที่เราตั้งมั่น เราไม่ได้มองตรงนี้ เรามองแค่ว่าหนูได้อยู่กับลูก สำคัญกว่าสิ่งใดในโลกนี้ ต่อให้ใส่ที่แขน ที่คอ หนูก็มีความสุขที่ได้ออกมา คนบอกว่าเข้มแข็ง ทั้งที่ข้างในเราพัง มันต้องเข้มแข็ง ต้องสู้ วันนั้นพลังความเป็นแม่ล้วนๆ”
เผยให้ “ลุกซ์” ขายแบรนด์เนม เพื่อจะได้มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
“จากมีแบรนด์เนมเยอะๆ วันนี้มีส่วนนึง น้องลุกซ์เอาไปขาย เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว อะไรขายได้ก็ต้องขาย อะไรช่วยเหลือน้องได้ทุกๆ อย่าง อะไรอำนวยความสะดวกเขาที่เขาจะได้มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องน้องเวทมนต์ก็ให้ทำไปทั้งหมด
ก็อยากขอบคุณลูกค้าประจำมากๆ สำหรับคนที่มาซื้อของ เรามีร้านมนานแล้ว เป็นอาชีพเราอยู่แล้ว เปิดแอร์ให้กระเป๋ามันเป็นธุรกิจร้านแบรนด์เนมอยู่แล้ เราไลฟ์ขายมาเกือบ 5 ปี ซื้อมาขายไปอยู่แล้ว มันเป็นการดูแลรักษากระเป๋า”
พูดกับตัวเองต้องรักษาชีวิตเพื่อออกมาให้ได้ และต้องไม่ลืมว่าเราเป็นคนดี
“เราก็มีความหวังตลอดว่าต้องได้ออกมา เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม วันที่ศาลให้ประกันตัว เรายื่น 3 ครั้งเขาก็ไม่ให้ จนครั้งที่ 4 เขาให้ประกันตัว วันนั้นดีใจมากๆ ความรูสึกคือความยุติธรรมยังมีอยู่ในชีวิต ณ วันนั้นชีวิตใบเตย คนสู้เพื่อใบเตยข้างนอกมีแค่น้องลุกซ์คนเดียว คนสู้ข้างในมีตัวหนูคนเดียว หนูพูดกับตัวเองทุกวัน ต้องรักษาชีวิตตัวเองออกมาเจอข้างนอกให้ได้ หนูไม่คิดว่าชีวิตต้องเจอการพลัดพราก ทั้งจากเป็นและจากตาย มันดีใจมากๆ สิ่งที่หนูบอกตัวเองเพื่อไม่ให้ลืม อย่าลืมสิ่งที่ถูกต้องของเราเอง อย่าลืมสิ่งที่เรากระทำมา ว่าเราเป็นคนดีจริงๆ บางทีหลายๆ อย่าง สิ่งที่เจอมา มันหลอมรวมเรา บางทีอาจลืมมองตัวเองไป
วันที่ต้องจำคุก ไม่มีใครเตรียมตัว คิดว่าต้องได้ประกันตัว พอไม่ได้ประกันเขาจับแยกเลย ไม่ได้เจอพี่แมนอีกเลย ได้เจอพี่แมนตอนสามสี่เดือนหลังจากนั้น ขั้นตอนกฎหมายเมื่อเข้าไปโดนฝากขังแล้ว ต้องอยู่ในนั้นก่อนสามเดือนให้ครบฝากขัง แล้วถึงจะได้ออกมาพิสูจน์ตัวเองในขั้นศาล ซึ่งเป็นขั้นตอนนัดสืบพยาน ตรวจสอบทั้งหมด ตอนนั้นทนายจะมีโอกาสยื่นขอประกันอีกหนึ่งรอบ อันนี้ยังไม่ได้ถูกตัดสินใดๆ ทั้งสิ้น อยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งเราเขียนจดหมายหากัน กว่าจะถึงเป็นเดือน
ไม่อยากได้ความสงสาร แต่อยากขอให้เชื่อมั่นในตน
“อยากขอบคุณเฮียฮ้อ สุรชัย (สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์) ออกมาเฮียฮ้อบอกว่ากลับมาทำงานหาเงิน เขาก็ยังเชื่อมั่น ต้องขอบคุณเฮียและค่ายมากๆ วันนี้ใครที่เชื่อมั่นในตัวเรา ไม่ได้อยากให้ใครสงสาร สิ่งที่คนอย่างหนูต้องการมากที่สุดคือยังเชื่อมั่นในตัวเรา ว่าเราไม่เคยทำพฤติการณ์ใดๆ แบบที่เคยถูกกล่าวหามา”
“มดดำ คชาภา” เผยว่าคนออกจากเรือนจำ ต้องหายเข้ากลีบเมฆ แต่ใบเตยออกมาปุ๊บได้ร้องเพลงเลย มีงานยาวๆ ถือว่าเป็นแมวเก้าชีวิต รักษาชีวิตที่เก้าเอาไว้ให้ได้นะ มันไม่มีหรอก คนออกจากเรือนจำปุ๊บแล้วคนจะมารอดูคอนเสิร์ต วันเล่นคอนเสิร์ต เปลี่ยนจากชุดนักโทษ อีกวันเป็นชุดที่ต้องเล่นคอนเสิร์ต ซึ่งใบเตยเผยว่าวันนั้นก็งงมาก แต่หนูดีใจมาก ไม่คิดว่าจะจำเนื้อเพลงและเนื้อเต้นได้ด้วยซ้ำ แต่เป็นสิ่งที่เรารักอยู่ในเลือดเนื้อ ก็ผ่านไปได้ และช่วยฮีลใจตน การร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ต เป็นสิ่งที่ตนรัก ทำมา 20 ปี
ก็ทำกำไลอีเอ็มเป็นเครื่องประดับ ไม่ได้เจ็บอะไรมากนะ แต่รู้สึกว่าพอมองไปเห็น มันก็มีเหมือนชนักที่ติดอยู่กับเรา แต่อย่างที่บอก สุดท้ายไม่มีอะไรดีไปกว่าชีวิตอิสระที่ได้มาและได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่เราตกลงกับศาลไว้ทั้งหมด ตนทำจนวันสุดท้ายที่ได้ยกฟ้อง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองและซื่อสัตย์ต่อขั้นตอนกฎหมายทั้งหมดด้วย ซึ่งกำไลอีเอ็มไม่สามารถนั่งเครื่องบินได้ ห้ามออกนอกราชอาณาจักรไทยและในประเทศ ขึ้นเครื่องบินระหว่างประเทศก็ไม่ได้ ทำให้ตนต้องขับรถไปตั้งแต่เชียงใหม่ถึงสตูล ลงไปหาดใหญ่ ปัตตานี
รับสภาพเป็นผู้ป่วยจิตเวช อยู่คนเดียวไม่ได้
“หลังเจออะไรมาเยอะๆ หนูรู้สึกว่ามีธรรมะในหัวใจมากขึ้น อยู่ในนั้นเราสวดมนต์วันละ 4 เวลา จากสวดไม่ได้เลย หนูสวดได้ทุกบท นิ่งขึ้น อาจเป็นเอฟเฟกต์ที่ต้องกินยา เป็นผู้ป่วยจิตเวช เป็นตั้งแต่เข้าไปเลย รักษาตั้งแต่อยู่ในนั้น พบนักจิตตลอด เป็นตั้งแต่เริ่มเข้าในเรือนจำ รักษาตลอด ทุกวันนี้ก็ต้องกินยา หนัก อยู่คนเดียวไม่ได้ หนักสุดก็จะคิดฆ่าตัวตายตลอด”
งานนี้มดดำบอกไม่ต้องตาย ถือว่าตายมาแล้ว จะตายอีกทำไม เพื่ออะไร วันนี้ผ่านความเป็นความตายมาแล้ว
ช็อกจนเป็นลม หลังรู้แฟน “ลุกซ์” เสียชีวิต
“ทุกวันนี้กินยาเยอะ เพื่อรักษาเคมีในสมอง แก้เศร้า ต้านเศร้าไม่ให้ร้องไห้ เราได้รับผลกระทบทางจิตใจเยอะ ยิ่งเป็นเรา มีชื่อเสียง มันก็มากกว่าปกติ หนูเจอสิ่งที่หนักมากสำหรับหนูคือการสูญเสีย การจากตายของแฟนลุกซ์ ต้องเข้าใจว่าคู่หนูกับคู่ลุกซ์คบมาคู่กัน วันเกิดเหตุการณ์ เขาไปทั้งคู่ โห ยิ่งกว่าช็อก เราอยู่ในนั้น ณ วันนั้นเราไม่รู้อะไรเลย ทุกคนไม่มีใครกล้าบอกเรา เรารู้จากคนในนั้น หนูเป็นลมอยู่ในนั้นเลย (เสียงสั่นเครือ)ทุกวันนี้ต้องรีบเข้มแข็ง บางทีใบเตยเหม่อ ลูกก็ถามตลอด ก็พยายามมากๆ”
ด้าน “ลุกซ์” เผยว่าโอกาสที่ใบเตยได้มา ได้มาจากลูกค้าเก่าหมดเลย เพื่อน ญาติ เป็นคนซื้อคิวช่วงแรกๆ หมดเลย ไม่ใช่ลูกค้าใหม่ เขาอยากช่วยเราเพราะความสงสารและเห็นใจ กว่าจะมีลูกค้าใหม่ๆ ก็ใช้เวลาเหมือนกัน อยู่กับพี่เตยไม่เคยพูดเรื่องนี้ นอกจากเวทมนต์แล้ว นั่นเป็นอย่างเดียวที่ทำให้พี่เตยมีความสุข คือการร้องเพลงและทำงาน เวลาทำงานพี่เตยมีความสุขมาก แต่พอกลับมาเป็นปกติ เขาก็จะดาวน์ๆ แบบนี้ คนรอบข้างรู้หมด ทุกคนพูดตลอดอยากให้แม่มีงาน ตั้งแต่เขาออกมา ลุกซ์ไม่อยากไปแตะเรื่องเก่าๆ เรื่องในอดีตกันเลย แต่เป็นห่วงเขามาก เมื่อวานนั่งรถขากลับแล้วพี่แมนพูดว่าหนูไม่ค่อยห่วงพี่เตย จริงๆ อยากให้เขากลับมาแล้วเข้มแข็งได้ด้วยตัวเอง
ด้าน “ครีม เปรมสินี” ได้ฟังเรื่องใบเตยถึงขั้นน้ำตาไหล บอกเห็นใจใบเตย เคยพูดว่าให้กำลังใจนะ สู้ๆ แต่บางทีเราพูด แต่เรานึกถึงเขา จะสู้อะไร สู้ขนาดไหน
ลุกซ์เผยตอนต้องเอาข้าวของพี่มาขาย เราก็เขินเหมือนกัน แต่ทำเพื่อประทังชีวิต แต่ก็เกลี้ยงเหมือนกัน เก็บไว้แค่ข้าวของไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
