“อ.ยิ่งศักดิ์” ผิดหวัง ถูกประกาศถอนตัวรายการดังเพราะสุขภาพไม่ดี ลั่นไม่โกรธ แต่ถูกถอดพรีเซ็นเตอร์เพราะคิดว่าป่วย วอนอย่าดึงไปเอี่ยวคดี “แตงโม” ไม่กลัวอิทธิพลมืด เลือกซบช่อง 7 ทำรายการทอล์ก ยิ่งคุยยิ่งลึก เป็นปากเป็นเสียงให้คนในสังคม สำนึกบุญคุณช่อง 8 ไม่มีเจตนาทำรายการแข่ง แต่ขอไปอยู่ในจุดที่ได้แสดงความสามารถ รับทุกย่างก้าวคือประวัติศาสตร์
หลังจากที่ช่อง 8 ส่งจดหมายประกาศว่า “อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์” จะยุติบทบาทพิธีกรรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ด้วยเหตุผลส่วนตัวมีปัญหาด้านสุขภาพ งานนี้ทำเอาแฟนๆ แห่เป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นกับ อ.ยิ่งศักดิ์ หรือไม่ เพราะเป็นการแจ้งข่าวที่กะทันหันเกินไป ซึ่งต่อมา อ.ยิ่งศักดิ์ ได้ไลฟ์สดพูดคุยกับแฟนๆ ยืนยันว่าไม่ได้ป่วยใกล้ตาย ยังอยู่ แค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบ
ล่าสุด “อ.ยิ่งศักดิ์” มาร่วมงานงาน “Star Market Sharing the Love” เทศกาลแห่งความรักจุดนัดพบความอร่อย ณ ชั้น G เซ็นทรัล พระราม 3 เจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ ยันสุขภาพร่างกายยังแข็งแรงดีอยู่ ยังขายขนมได้ทุกวัน
“ตอนนี้ก็สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี ก็ยังขายขนมได้ทุกวัน ก็ตกใจผิดหวังนิดนึงตรงที่มีข่าวว่าไม่ทำงานเพราะสุขภาพไม่ดี จริงๆ ถามว่าโกรธไหม เราก็ไม่โกรธ เพราะเป็นคนไม่โกรธอยู่แล้ว แต่ผลกระทบคือญาติพี่น้องทุกคนตกใจว่าเราเป็นอะไร ป่วยมากหรอ อัมพาต นั่งน้ำลายยืดจนเป็นพิธีกรไม่ได้เหรอ”
ส่วนอันที่สองสัมภาษณ์เจอโทรศัพท์ลึกลับถูกขู่ห้ามทำงานสื่อมันไปกันใหญ่ แต่สิ่งที่กระทบ อ.ยิ่งศักดิ์ ที่สุด เขาคงไม่เจตนาไหม แต่อาจารย์อยากให้เป็นอุทาหรณ์ว่า เรื่องบางเรื่องไม่ต้องบอกหมด หรือไม่ต้องประกาศก็ได้ อาจารย์เป็นพรีเซ็นเตอร์เกี่ยวกับสินค้าอาหารสุขภาพ 2 ตัว รายได้ก็เยอะ ซึ่งเขาก็จะมาถอนออก ถามเราว่าป่วยเป็นอะไร เพราะคลิปเพิ่งทำไป วิดีโอเพิ่งทำไป 4-5 ซีรีส์ เกี่ยวกับโปรตีนพีช แล้ว อ.ยิ่งศักดิ์ ก็จะถูกถอด แล้วบรรดาลูกทีมทั้งหลายแหล่ทั่วทั้งประเทศเขาก็ตกใจ
อ.ยิ่งศักดิ์ ก็ต้องไปออกงานกับเขา ไปนั่งพูด มันทำให้เราสะเทือนใจ สิ่งที่คุณทำคือก็ต้องประกาศให้ทุกคนทราบว่าอยู่ๆ อาจารย์ทำไมไม่ทำรายการ อันนี้เราเข้าใจในมุมนั้น คนไปรุมถามอาจารย์ยิ่งศักดิ์ไปไหน เขาก็คงลำบากใจที่จะตอบ แต่ต้องบอกว่าเราไม่เห็นกระดาษแผ่นนั้นมาก่อนว่าข้อความจะเป็นอย่างไร ไม่ได้ตรวจ แต่ขอบอกตรงนี้ว่าไม่ได้โกรธ และอาจารย์ก็เคลียร์ทุกอย่างกับบรรดาสปอนเซอร์ของอาจารย์ครบแล้ว อาจารย์ก็มีความรู้สึกว่าอยากจากกันด้วยดี วงการนี้มันแคบ ทำอะไรกับใครไว้ทุกคนรู้หมด พูดโกหกไม่ได้”
อย่าดึงไปเกี่ยวคดีแตงโม ลั่นไม่กลัวอิทธิพลมืด ซบช่อง 7 ทำรายการยิ่งคุยยิ่งลึก เป็นปากเป็นเสียงให้คนในสังคม
“เรานั่งไลฟ์อยู่สักพัก เรื่องราวก็บานปลายใหญ่โตเข้าไปในโซเชียลมีเดีย ว่าเราคงไปนั่งสัมภาษณ์เกี่ยวข้องกับคดีแตงโม นิดา อาจารย์ขอบอกตรงนี้ว่าอย่าเอาอาจารย์เข้าไปเกี่ยวเลย น้องแตงโมเป็นน้องที่น่ารัก เขาไปอยู่บนสวรรค์แล้ว เรื่องราวของน้องแตงโมที่อาจารย์ทำงาน ไม่มีอิทธิพลมืดอะไรใดๆ ซึ่งอาจารย์ก็ไม่ได้กลัวอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเราไม่ได้ทำบนเจตนาที่จะทำร้ายผู้อื่น แขกทุกคนที่มาต่อให้อาจารย์สัมภาษณ์แรงหรืออะไรก็ตาม อาจารย์ว่า 99 คน ที่เขายังรักและเอ็นดูเรา ต้องกราบขอบพระคุณหลายๆ ช่องที่ให้โอกาส อ.ยิ่งศักดิ์ พอเขารู้เราไม่ได้ทำงานเขาก็มาติดต่อ
อันนี้ต้องพูดก่อนกลัวคิดว่ามีการดึงตัวกันอันนี้จะเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้อำนวยการช่อง 7 คุณภัทร ท่านคุยกับเราว่าจิตใจของอาจารย์ยิ่งศักดิ์ต้องการสื่ออะไรให้สังคม เราก็อยากเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนจำนวนมาก ส่งเสริมให้สังคมดีขึ้น ไม่ต้องการให้คนตีกัน ยอมรับว่าเป็นคนไม่เก่งไม่ถนัด เพราะเราเกิดจากก้นครัว ฝีปากที่ได้มาเกิดจากการกินอาหารรสจัด ก็เลยพูดอะไรจัดๆ เป็น เพราะฉะนั้นจะทำรายการต่อจากนี้ จะทำให้จัดและถูกใจต่อสังคมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม ติดตามชมรายการ ‘ยิ่งคุยยิ่งลึก’ ทางช่อง 7 หลังข่าวเที่ยง ทุนวันจันทร์-ศุกร์ เป็นรายการสด”
ยืนยันเป็นการขอยุติบทบาทพิธีกร “คนดังนั่งเคลียร์” เอง เพราะทำต่อแล้วไม่สนุก
“ต้องบอกตรงนี้ว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของอาจารย์ด้วย แล้วรูปแบบรายการเราอาจจะคิดไปเอง ทางช่องอาจจะปลื้มหรือไม่ปลื้มไม่รู้ แต่รูปแบบมันเปลี่ยน มันไม่ได้เป็นรายการคนดังนั่งเคลียร์ แบบที่เราถนัด คือการตามกระแสมาก ตามเทรนด์มาก ไม่ต่างอะไรจากข่าวรายวัน เพราะฉะนั้นเราจะใช้เสน่ห์ที่แพรวของเราไปเพื่ออะไร เราก็ต้องไปในที่ๆ มีความรู้สึกว่า พอเราพูดอะไรที่มันดูรุนแรง ดูน่ารัก ดูน่าเอ็นดู แต่ไม่ใช่แบบเอาเป็นเอาตายถูกผิด อาจารย์ยิ่งศักดิ์อาจจะดูไม่ถนัด เราอาจจะคิดมากไปก็ได้ แต่ว่าทำงานมาหลายสิบปีน่าจะวิเคราะห์ออกว่ารูปแบบมันเปลี่ยน แล้วตัวเองควรอยู่ต่อหรือไป เพราะไม่ใช่ตัวเอง ทำต่อแล้วมันไม่สนุก จากสถิติที่สูงสุดในชีวิต ถ้าเราจะต้องเปลี่ยนจนกระทั่งกลายเป็นรายการที่คนไม่พูดถึงเราอีก เรามีความรู้สึกว่างั้นเราเปลี่ยนที่พูดดีกว่า”
ไม่มีเจตนาทำรายการแข่งกับที่เก่า เพราะสำนึกบุญคุณช่อง 8 แต่ขอไปอยู่ในจุดที่ได้แสดงความสามารถ
“จริงๆ ตั้งใจหยุด ไม่ได้อยากไปทำรายการแข่งกับเขา ไม่มีเจตนานั้นเลย อาจารย์ยิ่งศักดิ์สำนึกในบุญคุณว่าเกิดและดังมาจากช่อง 8 บทเรียนประสบการณ์สูงมากที่อาจารย์ยิ่งศักดิ์ได้ ไม่มีโรงเรียนสอนรายการแซบๆ แบบนี้ โรงเรียนก็คือโรงเรียนถ้าวันนี้อาจารย์ยิ่งศักดิ์ออกมาสู่ชีวิตจริงขอเดินแบบทางนโยบายทางความคิดของตัวเอง ไปสู่ที่ๆ มีโอกาสได้แสดงความสามารถ สองสนุกกับงาน สามต้องเป็นประโยชน์กับคนดูมากที่สุด”
ลั่นทีวีแต่ละช่องอยากเป็นเหมือน “โหนกระแส”
“รูปแบบรายการของทีวีปัจจุบันไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็อยากเป็นเหมือนรายการโหนกระแส ทุกคนอยากตามเทรนด์ แย่งแขกกัน ถามว่าถ้าทุกคนเปิดโทรทัศน์ทุกช่องแล้วเรื่องเดียวกันหมดทุกคนแฮปปี้ไหม ทุกคนมีโอกาสได้ดูเพราะแต่ละคนมีความหลากหลายทางความคิด พื้นฐานทางครอบครัวและรสนิยม ที่อาจารย์ยิ่งศักดิ์เลือกช่อง 7 เพราะบอกกับทุกคนตรงๆ ว่า ไม่ได้กำหนดเลยว่าจะต้องเป็นการเมืองหรือว่าอะไร”
ทุกย่างก้าวคือประวัติศาสตร์ ทำพิธีกรคนดังนั่งเคลียร์ 12 ปี มีแต่ความทรงจำดีๆ
“ถามว่าผูกพันไหม ทุกย่างก้าวของชีวิตของเราคือประวัติศาสตร์ อ.ยิ่งศักดิ์มีประวัติศาสตร์ชีวิตในการทำงานครัว แล้วก็รายการทอล์ก ทำให้อาจารย์ยิ่งศักดิ์มีความภูมิใจ บอกเลยว่าไม่ว่าจะความรู้สึกดีหรือไม่ดีที่เกิดขึ้น อ.ยิ่งศักดิ์มีแต่ความทรงจำที่ดีเสมอ”
ไม่คิดว่าจะมีคนรักเยอะขนาดนี้
“อย่าพูดว่ายื้อเลย เราก็มีการพูดคุยกัน ก็ถ้าเราทำงานดีเขาก็ไม่ต้องบอกหรอกค่ะ เขาก็ไม่อยากให้เราไปจากช่อง แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง บางเหตุผลเราอธิบายไม่ได้ บางเหตุผลที่เราพูดไปก็มั่นใจว่าเขาคงไม่ได้รับการรับฟัง เรามีความรู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงคนนี้
เปลี่ยนแปลงทุกคนลำบากใจ เปลี่ยนแปลงตัวเองที่ยืนใหม่สบายใจกว่า แล้วตั้งแต่แรกแล้วอยากมานั่งขายขนมจริงๆ เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีคนปลื้มเราขนาดนี้เราไม่เคยประเมินตัวเราเองเลย เราเลยรู้สึกว่าโอเคเงินมากเงินน้อยฉันจะกลับมาทำ แต่ถ้าถึงเวลาหยุดก็จะหยุดเพราะอายุเยอะแล้ว เลข 7 แล้วนะ”
รายการใหม่จะเน้นประโยชน์ให้กับสังคมมากที่สุด
“เราได้คุยแล้ว คิดว่าเป็นรูปแบบที่เป็นทอล์กเหมือนกัน จะเป็นในแง่มุมที่เป็นประโยชน์กับสังคม แล้วไม่ใช่รายการที่จะต้องตามเทรนด์ทุกอย่างทางช่องเขาเป็นศูนย์รวมของข่าวอยู่แล้ว ช่อง 7 ก็เป็นเซ็นเตอร์ของข่าวในบ้านเมืองเราอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะเป็นกลางที่สุด และน่าจะสบายใจที่สุด วันที่ 3 มีนาคม ตอนแรก หลังข่าวเที่ยง รายการสด และมีออนไลน์ต่ออีกครึ่งชั่วโมง”
