นาโอมิ แคมป์เบลล์ ซูเปอร์โมเดลระดับโลก ออกมาเปิดเผยว่าเธอไม่ทราบถึงการทุจริตทางการเงินและการบริหารจัดการที่ล้มเหลวภายในมูลนิธิต่อต้านความยากจน Fashion for Relief ที่เธอก่อตั้งขึ้นและดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารมานานกว่า 5 ปี
แคมป์เบลล์ถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการบริหารมูลนิธิเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ก่อนที่รายงานการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลจะถูกเผยแพร่ออกมา โดยรายงานดังกล่าวเปิดโปงถึงความวุ่นวายในการบริหาร การใช้เงินบริจาคในทางที่ไม่เหมาะสม และการจัดเก็บเอกสารอย่างไร้ระเบียบ
มีการเปิดเผยว่ามูลนิธิ Fashion for Relief ใช้เงินบริจาคหลายหมื่นปอนด์ไปกับค่าโรงแรมหรู ค่าเดินทาง ค่าบริการสปา การรักษาความปลอดภัยส่วนตัว และบุหรี่สำหรับ แคมป์เบลล์ ขณะที่เงินบริจาคที่ถูกนำไปใช้ในกิจกรรมการกุศลจริง ๆ กลับมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
แคมป์เบลล์ อ้างถูก “หลอกลวงเป็นระบบ” โดยกรรมการร่วม
แคมป์เบลล์ วัย 54 ปี ซึ่งกำลังพยายามอุทธรณ์คำสั่งห้ามบริหารมูลนิธิเป็นเวลา 5 ปี โดยอ้างว่าเธอตกเป็นเหยื่อของ “การหลอกลวงอย่างเป็นระบบ” จากกรรมการร่วมคนหนึ่งที่ปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงานของมูลนิธิและการตัดสินใจของคณะกรรมาธิการที่เพิกถอนสิทธิ์เธอ
ในการไต่สวนที่ศาลมูลนิธิเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทนายของ แคมป์เบลล์ ระบุว่าเธอเป็น “เหยื่อของการฉ้อโกงและการปลอมแปลง” โดยกล่าวหาว่า บิอันกา เฮลมิช อดีตกรรมการมูลนิธิ Fashion for Relief ใช้บัญชีอีเมลปลอมเพื่อสวมรอยเป็น แคมป์เบลล์ ในการติดต่อกับทนายความ
อย่างไรก็ตาม เฮลมิช ให้สัมภาษณ์กับ The Guardian เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า “ไม่มีความจริงแม้แต่น้อย” ในข้อกล่าวหาดังกล่าว ขณะเดียวกัน เฮลมิช ซึ่งถูกตัดสิทธิ์บริหารมูลนิธิเป็นเวลา 9 ปี และ เวโรนิกา โจว อดีตกรรมการอีกคนหนึ่ง ยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมูลนิธิชี้ โอกาสพลิกคำตัดสินมีน้อย
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมูลนิธิระบุว่า การที่ศาลมูลนิธิจะพลิกคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์นั้นเกิดขึ้นได้ยาก แม้ว่า แคมป์เบลล์ จะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้บัญชีอีเมลปลอมก็ตาม
ลิซ บราวน์เซลล์ หัวหน้าฝ่ายมูลนิธิของบริษัทกฎหมาย Birketts กล่าวว่า "นาโอมิ แคมป์เบลล์ เคยยอมรับต่อสาธารณชนว่าเธอไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารมูลนิธิและล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการบริหาร กรรมการมูลนิธิไม่สามารถนิ่งเฉยต่อบทบาทของตนได้ และการไม่ดำเนินการใด ๆ อาจถือเป็นการบริหารที่ผิดพลาด"
"การตัดสินใจสุดท้ายของศาลจะขึ้นอยู่กับหลักฐานเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเธอในฐานะกรรมการบริหาร และว่าศาลเห็นด้วยกับการประเมินของคณะกรรมาธิการหรือไม่ว่าเธอไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนี้"
ศาลปฏิเสธคำร้องขอเอกสารจากทีมทนายแคมป์เบลล์
ในระหว่างการไต่สวนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งทีมทนายของ แคมป์เบลล์ และคณะกรรมาธิการได้ยื่นคำร้องขอเปิดเผยเอกสารต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม คำร้องของทีมทนาย แคมป์เบลล์ ที่ต้องการให้คณะกรรมาธิการเปิดเผยแฟ้มคดีถูกศาลปฏิเสธ
แอนดรูว์ เวสต์วูด ทนายความของ แคมป์เบลล์ ให้เหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษรว่า คำสั่งเพิกถอนสิทธิ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากเธอ “ไม่สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นในการบริหาร Fashion for Relief ได้อย่างเหมาะสม หรือแสดงจุดยืนของตนได้อย่างถูกต้องระหว่างการสอบสวน”
เขากล่าวต่อศาลว่า "มิสแคมป์เบลล์ ยืนยันว่าการที่เธอถูกหลอกลวงเช่นนี้ทำให้เธอถูกตัดสิทธิ์โดยไม่มีโอกาสตอบโต้เหตุผลของการเพิกถอนสิทธิ์ และไม่มีโอกาสเห็นเอกสารที่คณะกรรมาธิการใช้ประกอบการตัดสินใจดังกล่าว"
ด้าน ไฟเซล ซาดิก ตัวแทนจากคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า "แคมป์เบลล์ ไม่ได้วิจารณ์คณะกรรมาธิการ แต่เธออ้างว่าเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง และกรณีของเธอคือ เธอ 'ไม่รู้อะไรเลย' และเป็นเพียง 'หุ่นเชิด' เท่านั้น"
แคมป์เบลล์ ให้สัมภาษณ์เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่าเธอ “พยายามหาความจริง” นับตั้งแต่รายงานของคณะกรรมาธิการถูกเผยแพร่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และยืนยันว่าเธอ “ไม่เคยทำงานการกุศลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และจะไม่มีวันทำเช่นนั้น”
