ปิดตำนาน 33 ปี ทีมพากย์พันธมิตร ถึงจุดอิ่มตัว ทุกคนมีงานของตัวเอง บอกหนังเรื่องสุดท้ายคือมังกรหยก จะเป็นการปิดตำนานอย่างสมบูรณ์ ยันเศรษฐกิจ-หนังไทยซบเซา ไม่สะเทือนอาชีพ แต่ขอเลิกตอนเป็นตำนาน งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ขอบคุณจากใจ 30 กว่าปีเป็นการเดินทางที่ยาวไกล ไม่กล้าการันตีเป็นทีมพากย์ที่ดีที่สุด
แฟนหนังใจหายเลยทีเดียว หลังจากที่ทีมพากย์พันธมิตร ถึงเวลาแยกจากกัน ปิดตำนาน 33 ปี เหตุอายุเริ่มมากขึ้น ถึงจุดอิ่มตัว และแต่ละคนก็มีงานทำ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา พร้อมขอบคุณแฟนๆ ที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา
โดย “โต๊ะ ปริภัณฑ์ วัชรานนท์”ผู้ก่อตั้งทีมพากย์พันธมิตร ได้เปิดใจในงานแถลงข่าว ปิดตำนานพันธมิตร (ทีมพากย์เสียงในตำนานเมืองไทย) ณ ร้าน เราหลงกรุง ยันเศรษฐกิจ และความซบเซาของหนังไทย ไม่สะเทือนกับอาชีพนักพากย์ แต่เป็นเพราะอิ่มตัวจริงๆ
“เป็นงานปิดตำนานทีมพากย์พันธมิตร ซึ่งอยู่มา 33 ปีแล้วนะครับ วันนี้เป็นวันที่เราเดินทางมาไกลมาก เรามาถึงจุดอิ่มตัวของทีมพันธมิตร แต่ทุกคนยังคงมีงานทำปกติตามสไตล์ของเขาไป แต่สไตล์พันธมิตรจะจบแค่วันนี้ และหนังเรื่องสุดท้ายที่เราทำไว้คือมังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะฉายในอีกไม่กี่วันนี้ เป็นหนังที่ผมตั้งใจรอเรื่องนี้มาเป็นเดือน เป็นปี เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มีตัวละครมาก ซึ่งเหมาะแก่การรวมทีมพันธมิตรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ตัวละครในหนังก็เอื้ออำนวยให้ทุกคนได้มีส่วนในการพากย์หนังเรื่องนี้ ปิดตำนานให้สมบูรณ์ที่สุดครับ ก็เอามาเกือบหมดแทบทุกคนที่ตัวละครในหนังจะเอื้ออำนวยให้มี ก็ได้ประมาณร่วม 20 คน ผมคิดว่าเป็นการพากย์ไทยที่เป็นการรวมนักพากย์มากที่สุดเท่าที่มีการพากย์ไทยมาเรื่องนึงเลย
สาเหตุที่ปิดตำนาน เพราะเราทำกันมานานแล้ว และทุกคนก็เป็นมืออาชีพและมีงานทุกคน พองานแต่ละชิ้นที่เข้ามาสู่พันธมิตร ทุกคนจะต้องเหนื่อยกว่าปกติ เพราะผมจะขอคนนั้นเพิ่มตรงนี้นิด คนนี้เพิ่มตรงนั้นหน่อย ซึ่งถ้าเขาไปพากย์หนังข้างนอกเขาจะไปเรื่อยๆ ตามสไตล์เขาได้เลย แต่พอมาถึงมือพันธมิตร ผมจะขอตลอด เทคอยู่นั่นแหละ หนังที่พากย์ข้างนอก 2 ชม. ไม่เกิน 2 ชม. ครึ่งก็จบ แต่พอมาอยู่พันธมิตรมี 4-5 ชม. เป็นอย่างต่ำ เลยสงสารเพื่อนๆ สงสารตัวเองด้วยว่าพอเถอะ หยุดขอดีกว่า ให้เขาไปทำงานตามสไตล์สบายๆ ดีกว่า
ผมบอกตั้งแต่เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา แล้วก็ถูกผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณบอกว่าขอก่อนอีกหน่อยนะ เผื่อมีหนังที่ต้องพากย์เป็นหนังตลกๆ ที่ต้องมีเพื่อนๆ ในกลุ่มนี้ทำงานด้วยกัน ขอมาจนสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว ผมก็เลยไม่ปรึกษาใครเลย ก็ประกาศบอกสื่อทีเดียวว่าเลิกแล้วนะปีหน้า สงสาร (หัวเราะ)”
ยันเศรษฐกิจ หรือภาวะหนังซบเซา ไม่สะเทือนกับอาชีพนักพากย์ แต่เป็นเพราะอิ่มตัว
“มันไม่มีส่วน เพราะส่วนที่กลายเป็นอาชีพนักพากย์เนี่ย เมืองไทยมีภาษาประจำชาติที่พากย์หนังจะไม่หายจากเมืองไทย หนังทุกเรื่องที่เข้ามาฉายในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นสตรีมมิ่ง Netflix หรืออะไรต่างๆ ก็ต้องมีพากย์ไทยทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอาชีพนักพากย์แทบจะไม่สะเทือน ถ้ามีหนังที่เหมาะสมกับตัวพวกเขา อันนั้นแทบจะไม่สะเทือน ไม่เกี่ยวเลย แต่ผมอิ่มตัวมากกว่า แล้วก็สงสารเพื่อนๆ ด้วย หนังเรื่องเดียวทำกับเราต้องใช้เวลาเยอะ แต่ถ้าไปที่อื่นเขาก็พากย์ตามสไตล์เขาเลย เพราะทุกคนเก่ง มีความสามารถดีอยู่แล้ว แต่สไตล์เราก็ยุ่งยากนิดนึง แต่ทุกคนเต็มใจและยินดีที่จะมาเหนื่อยกับเรา”
ไม่หวิวแต่ภาคภูมิใจ จบสวย พากย์เรื่องสุดท้ายจะอัดเก็บไว้ดูจนวันตาย
“ผมไม่หวิวนะ ผมถือว่าเป็นความภาคภูมิใจที่จบได้สวยขนาดนี้ และผมคิดว่าเป็นจังหวะเหมาะที่มันมีหนังเรื่องนี้เข้ามาพอดี ผมอยากขอบคุณฉีเคอะเลย ที่เขาทำหนังออกมาแล้วปิดกล้องปีนี้ ฉายปีนี้พอดี เป็นหนังที่ผมได้รวมนักพากย์ในฝันของผม เพื่อน น้องทุกคนที่ผมรักได้มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันถ้าหนังเรื่องนี้ออกสื่อเมื่อไหร่ผมจะอัดเก็บไว้ดูจนวันตายเลย เพราะเป็นเสียงเพื่อนผม น้องผมที่ผมรักได้มาอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันมันหายากมากนะ ถ้าเราไปจบกับหนังฝรั่ง ตัวละครไม่เกิน 5-10 ตัว แต่เรื่องนี้ตัวละครเกือบ 20 คน ทุกคนเต็มใจมาให้ผม รียูเนี่ยนมาให้ผมทำอย่างเต็มที่เลย
ซึ่งบรรยากาศตอนพากย์ก็คือนัวเนียมาก (หัวเราะ) ทุกคนมาด้วยใจเลย อย่างคุณเล็ก (โฆษิต กฤษตินันท์) ผมก็ไม่เจอมาเป็น 10 ปีได้นะ เห็นเขาไปเจริญรุ่งเรือง มีความสุขกับงานที่เขาทำ ในใจก็นึกว่าสักวันนึงต้องขอให้เขากลับมาทำให้เราให้ได้ แล้วเขาก็มาด้วยความเต็มใจ อย่างจูน (อิทธิพล มามีเกตุ) อย่างหลายๆ คนเราเคยทำกันมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ เลย ทุกคนก็กลับมาให้เรา ร่วมทีมกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นพันธมิตรอีกครั้งนึง เพื่อทิ้งทวนส่งตรงนี้ให้มันถึงที่สุด ทุกคนเต็มใจและยินดี ไอ้ความรู้สึกหวิวๆ สำหรับผมก็เลยไม่มี มันมีแต่ความสุข และอยากให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจที่ทุกคนได้ร่วมมือกันมาเป็นพันธมิตรจนถึงวันนี้ 33 ปี แม้ทุกคนจะแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางของตัวเอง แต่สุดท้ายก็กลับมารวมกันในหนังเรื่องเดียว ซึ่งเป็นหนังที่พิเศษมาก และสร้างตรงจังหวะปีที่เราจะเลิกพอดี”
ขอเลิกตอนเป็นตำนาน งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
“งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา เราเลิกตอนที่เขายังต้องการ เราจะเป็นตำนานแน่นอน (หัวเราะ) ดีกว่าเราอยู่ๆ กันไปแล้วไปขอเพื่อนๆ ให้มาพากย์ตอนที่ไม่ไหวกันแล้ว เราเลิกตอนที่เขายังต้องการดีกว่า ก็ฝากผลงานที่ดีๆ ที่ผ่านมาให้เอาไว้ดูกันดีกว่า เกิดอีก 5 ปีข้างหน้ามาถามว่ายังอยู่กันอีกเหรอวะ (หัวเราะ) ไม่ควรเลย
ถ้าถามว่าสรุปแล้วพันธมิตรคืออะไร ผมว่าคือศูนย์รวมความบันเทิงทางการพากย์เสียงไทย ซึ่งหลายๆ คนผ่านเรามา อยู่กับเรา ทุกคนจากเราไปค้นหาเส้นทางของตัวเอง แต่ก็ยังรำลึกถึงกันตลอดเวลา ทุกคนมีความสุขที่ได้เจอกัน มีความสุขที่ได้เห็นความเจริญเติบโตของเพื่อนๆ มีความสุขมาก พอได้ข่าวมาเราก็ยินดี น้องเราไปดี เพื่อนเราไปดี มันคือศูนย์รวมความบันเทิงทางพากย์ไทยเลยนะ พันธมิตรจะเป็นอย่างนั้นเลยสิ่งที่ผ่านๆ มา แล้วมันจะเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากคนอื่น ไม่งั้นวันนี้คงไม่มีการมาคุยกันขนาดนี้ เรามีความแตกต่างนิดนึง และความแตกต่างนี้เองทำให้ทุกคนเหนื่อยกว่าปกติ”
เผยความอดทน ทำให้พันธมิตรเดินทางมาได้ถึง 33 ปี
“ความอดทน ความเหนื่อยอย่างที่บอก บางเรื่องหนังก็ธรรมดา แต่เราเอามาบิด มาเค้นกันจนสนุก และอีกอย่างคือผมจะบอกกับทุกคนเลยว่าพากย์หนังต้องสงสารคนดูนะ บทพากย์เขาทำมา แปลมาถูกหมดทุกอย่าง แต่คุณพูดไปแล้วคนไทยไม่เข้าใจ คำแสลงของเมืองนอกอะไรบ้าง คุณพากย์ตรงหมดเลย เสียงดีหมด อารมณ์ได้หมด แต่คุณรู้เรื่องไหม ถ้าคุณไม่รู้เรื่อง เอาใหม่ให้เป็นคำไทยๆ ดีกว่าไหม ควรจะคิดคำไทยมาว่าคำนี้มันต้องพูดแบบนี้สิจะดีกว่าอะไรแบบนี้ ทุกคนจะเค้นสมองมาเพื่อทำงานของพันธมิตรทั้งนั้นเลย ทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจกันและยอมเหนื่อยกว่าปกติมากๆ ก็ถึงเวลาที่ต้องปล่อยให้ทุกคนมีความสุขแล้ว
ถามว่ามีการส่งต่อให้คนรุ่นหลังไหม เพราะมีลูกศิษย์หลายรุ่นแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการส่งต่อเลยนะ ผมคิดว่าขณะกำลังพากย์อยู่เนี่ยมันไม่ใช่ ผมก็จะบอกเลยว่ามันไม่ใช่ ถ้าใช่ผมก็จะผ่านหมดเลย ผมสอนคนไม่เก่ง แต่ผมรู้ว่าอันนี้มันไม่ใช่ มันควรจะเป็นอย่างนี้ดีกว่า แต่ผมก็ภูมิใจที่ทุกคนรู้สึกว่าได้อะไรไปจากผมบ้างซึ่งก็ไม่รู้ว่าสอนไปยังไง รู้แต่ว่าถ้ามันไม่ถูกต้อง ผมฟังแล้วอารมณ์มันไม่ได้ ก็จะบอกว่าอย่างนี้ไม่ได้นะ หรือพูดครบหมดแล้วแต่มันไม่รู้เรื่อง ก็หาคำไทยที่มันรู้เรื่องที่คนไทยฟังแล้วเข้าใจ ทุกคนอาจจะรู้สึกว่าสอนไปในตัวก็ได้ แต่ผมรู้สึกแค่ว่าผมทำหนังเรื่องนึงผมอาจจะดุหลายๆ คน ต่อว่าหลายๆ คน แต่พอออกจากห้องพากย์ผมก็ลืมหมดแล้ว แต่ให้งานออกไปในกล่อง ในฟิล์มที่เอาไปฉายให้คนดูมันดี แต่ถ้าเขาถือว่าเป็นการสอนก็ขอบคุณพวกเขา แต่ผมรู้สึกแค่ว่าผมอยากให้งานออกไปแล้วรู้สึกดีๆ กับคนดูเท่านั้นเอง
ผมรู้สึกภูมิใจในตัวพวกเขานะ พวกเขาไปด้วยตัวเองทั้งนั้นเลย ภูมิใจและดีใจที่เขาอาจจะเก็บอะไรบางสิ่งบางอย่างจากสิ่งที่ผมบอกไป ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นการสอนหรือเปล่า แล้วก็เก็บไปปรับใช้กับตัวเขาเอง แต่การเป็นนักพากย์นี่สอนทุกคน ชักปากให้พูดเหมือนหนังตะลุงไม่ได้ ทุกคนมีดีในตัวหมดแล้ว แค่เราบอกเขานิดเดียว ทุกคนก็ได้หมด ในสมาชิกพันธมิตรทุกคนได้หมดเลย เขามีของของเขาอยู่แล้ว เพราะนักพากย์ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นได้ โรงเรียนสอนก็ไม่มี สอนการเป็นนักพากย์ไม่ได้ สอนได้ แต่สอนให้พากย์ดีมันยาก แต่ทุกคนมีดีในตัวอยู่แล้ว ผมก็ภูมิใจในตัวพวกเขา”
60 แล้วพอเถอะ ควรได้ไปเที่ยวให้สบายใจ
“เราจะไปเที่ยวกันแล้ว เราเต็มที่แล้ว ทำมา 33 ปี เชื่อไหมว่าทุกคนเป็นนักพากย์ไม่ว่าจะไปพากย์ที่ไหนดูหนังรอบเดียวแล้วกลับบ้าน แต่ผมต้องดูรอบแรก ดูความเป็นมาของหนัง พากย์ก่อนหนึ่งคน พอนักพากย์มาอีกก็เป็น 2 รอบ 3 รอบ เรื่องนึงผมดู 5-6 รอบอยู่คนเดียว ผมพากย์เสร็จแล้วผมต้องไปตรวจดูของคนนั้นคนนี้เพื่อให้เป็นสไตล์พันธมิตรอีก 33 ปีคิดว่าผมดูหนังมากี่หมื่นรอบ มันถึงเวลาที่ต้องพอทีเถอะ ผมก็ 60 กว่าแล้ว ไปเที่ยวให้สบายใจดีกว่า เกิดถ้าขาเดินไม่ไหวแล้วให้ลูกเข็นไปเที่ยวก็ไม่เอาดีกว่า เพราะถ้าเกิดยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอยู่ หนังยังฉายก็ต้องกลับมา ไปเที่ยว 1-2 วัน ทีมโทร.มาบอกว่าหนังจะฉายแล้วต้องกลับมาพากย์ ผมก็ต้องกลับมาพากย์ แต่ถ้าเราเลิกราไป เราไปเลยครึ่งเดือนหรือเดือนนึงเราก็ไปอย่างสบายใจ ไม่ต้องมานั่งห่วงอะไรเลย แต่ถ้าอนาคตมันว่าง อารมณ์มันได้ หนังมันโอเค เราก็กลับมาสนุกกันได้ในอนาคตก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ไม่ขอบีบรัดตัวเอง เอาที่มันว่าง เอาที่มันได้จริงๆ นั่นคือในอนาคต”
ชั่วโมงนี้ยังไม่มีกลับมาในชื่ออื่น
“ในชั่วโมงนี้ผมขอไม่มีก่อนดีกว่า เพราะว่าถ้ามีแล้วมันเหนื่อยจริงๆ นะ ผมคุมบทพูดตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้ายเพื่อให้มันเป็นสไตล์ของเรา ไม่รู้จะพูดยังไง พอใส่คำว่าพันธมิตรแล้วมันเป็นห่วงไปหมด ห่วงกลัวคนดูจะผิดหวัง กลัวคนดูจะบอกว่าวันนี้ 30 ปีแล้วทำอย่างนี้เหรอ แต่ตอนนี้เรายังแข็งแรงก็ทำให้ถึงที่สุด จนสุดท้ายแล้วประกาศเลิกตัวเองดีกว่า แขวนพันธมิตรดีกว่า
เคยมีคนถามผมนะว่าทำไมไม่ส่งต่อคำว่าพันธมิตรให้ลูกน้อง ให้ลูกศิษย์แต่ละคน ผมก็บอกว่าส่งไปถ้าคุณทำไม่ได้อย่างที่เราเคยทำมา ผมก็โดนเขาต่อว่า เสียความตั้งใจ เสียความรู้สึกทั้งหมดเลย แต่ถ้าคุณจะทำให้ได้อย่างเรา คุณต้องเหนื่อยอย่างผม แล้วยุคผมนี่ผมโชคดีที่มีเพื่อนเก่งๆ มีน้องที่เก่งๆ ที่พร้อมจะซัปพอร์ตผม สั่งอะไรทำอะไรทุกคนทำหมด นักพากย์ที่เก่งๆ รุ่นนั้นก็แก่ไปพร้อมเรา จะหารุ่นใหม่ๆ ให้น้องๆ รุ่นใหม่ๆ มาทำพันธมิตรอีกทีมนึง แล้วมีคนที่เก่งอย่างนั้นให้คุณใช้งานหรือเปล่า มาร่วมงานกับคุณหรือเปล่า แทบจะหาไม่ได้
ผมโชคดีเปิดทีมพันธมิตรมาผมได้เพื่อนร่วมงานที่ดี ได้น้องๆ ที่ดีๆ ทุกคนรับฟังกัน ไม่โกรธกัน ไม่เคยทะเลาะกันเลย พันธมิตรไม่เคยทะเลาะ ไม่เคยทีมแตก ถามได้เลย ทุกคนเชื่อฟังกัน ฟังแล้วก็ปรับใช้ ปรับทำให้มันเข้ากับทีมเราได้ ฉะนั้นถ้าเกิดยื่นอะไรไปให้ใครเหมือนยื่นหอกไปให้เขา มันเหนื่อยนะที่จะเป็นอย่างนี้ได้ แล้วคุณต้องหาคนที่ผมเคยมีมา 30 ปี มันหาที่ไหน”
ขอบคุณจากใจ 30 กว่าปีเป็นการเดินทางที่ยาวไกล
“สุดท้ายก็ขอบคุณจากใจเลยนะครับ ขอบคุณแฟนหนัง คนดู เพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมทีมกันมา 30 กว่าปีเป็นการเดินทางที่ยาวไกลมาก การที่จะเดินทางให้ยาวไกลอย่างนี้ แล้วต้องอดทน อดกลั้น คุณทำงานกับคนที่เก่งๆ เกิดมาเป็นนักพากย์ได้เก่งทุกคน ถ้าไม่เก่งเป็นนักพากย์ไม่ได้ พระเจ้าให้พรสวรรค์คุณมาแล้วคุณเก่งหมดการทำงานกับคนที่เก่ง และคุณดูแลคนที่เก่งให้เข้าขากับคุณเนี่ย คุณต้องใช้กุศโลบาย ใช้วิธีพูดแบบตะล่อมจิตใจเขาว่าอย่างนี้มันดีนะ บทเขามาแล้วแต่มันมีคำที่ดีกว่าคุณก็ลองดูสิ คือทุกอย่างต้องใช้ความอดทนมากๆ บางทีเราก็เหนื่อยนะ เพราะเราก็ต้องพากย์ด้วยไง แล้วต้องไปนั่งดูเขาอีก มันเหนื่อยมากๆ
เพราะฉะนั้นเมื่อผลของความเหนื่อยยากมาถึงวันนี้ได้ ผมเหนื่อยผมก็ภูมิใจ ดีใจ และขอบคุณคนดูหนังที่รักเรา เรามีผิดบ้าง พลั้งบ้างอะไรก็ถือว่าเราตั้งใจให้มันเป็นอย่างนั้น คนเราทำงาน 30 ปีกับหนังที่มันเปลี่ยนแปลงทุกวัน วันนี้บู๊ วันนี้รัก วันนี้เศร้า วันนี้ซึ้ง เราต้องปรับอารมณ์ทุกวัน แล้วทำยังไงให้ทุกเรื่องมันมีมาตรฐานของเรา มันเหนื่อยยาก เลือดตาแทบกระเด็นเลยพูดง่ายๆทุกคนบอกว่าทำงานห้องพากย์สบายๆ มีเพื่อนร่วมทีมดีๆ สบายอยู่แล้ว คุณลองมาทำงานกับคนที่เก่งๆ ดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าการที่เขาจะต้องทำตามที่คุณบอก คุณต้องพูดยังไง ต้องมทุรสวาจา ทุกอย่างต้องพร้อมหมด
ผมขอโทษทุกครั้งที่ผมเทคเพื่อน เทคน้อง เทคทุกคน 30 ปีเนี่ยผมขอโทษมาเป็นแสนคำได้มั้ง ขอโทษตลอด เพิ่มตรงนั้นได้ไหม ลองเปลี่ยนอันนี้ดูไหม ทำไปต้องคิดไป คิดทุกเม็ดเพื่อให้คนดูหนังแล้วเข้าใจ ดูหนังแล้วรู้เรื่อง มันต้องเหนื่อยคิด เหนื่อยสมอง เหนื่อยทุกอย่างกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เหมือนระบายความในใจยังไงไม่รู้นะ (หัวเราะ) สุดท้ายก็ขอบคุณอีกครั้ง ขอบคุณทั้งคนดู ขอบคุณทั้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมงานกันมา ขอบคุณจริงๆ ที่ได้มีวันนี้ ขอบคุณจากใจพันธมิตรครับ”
ด้าน “เกรียงศักดิ์ เหรียญทอง”ผู้ร่วมก่อตั้งพันธมิตรเผยว่าไม่กล้าการันตีว่าทีมพันธมิตรเป็นทีมพากย์ที่ดีที่สุด เดี๋ยวมันจะดูเว่อร์ไป
“คือความเป็นพันธมิตรหนึ่งคือต้องการเอ็นเตอร์เทนคนดู ให้คนดูมีความสุข วันเปิดตัวพันธมิตรน่าจะมีอยู่ 6-7 คน แล้วก็ลาลับไปแล้ว 2 ไปเฝ้าฮ่องเต้แล้ว (หัวเราะ) คือวันนั้นที่ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาก็ยังพากย์เป็นหนังม้วนอยู่ ตอนอัดเสียงยากมาก แล้วก็เหนื่อยมาก ตั้งแต่เช้าน่าจะไปเลิกก็ร่วมๆ 5 ทุ่ม เพราะมันเป็นการเริ่มต้นของพวกเราด้วย นักพากย์อย่างเรามันอยู่ที่โอกาส ถ้าโอกาสมันให้ และตัวละครที่เรารับผิดชอบมันเข้ากับเสียงเรา คือการที่จะพากย์หนังให้คนจำเนี่ยมันยากมาก อย่างผมก็พากย์แล้วพากย์อีก เขาเรียกว่าพากย์ซ้ำซากจนคนจำได้ว่าถ้าไอ้ตัวละครตัวนี้ออกมาต้องเสียงไอ้นี่ คือถ้าผิดเสียงไปนิดนึง คนดูก็จะเอ๊ะแล้ว
ตัวละครของผมที่โดดเด่นเลยก็คืออู๋ม่งต๊ะ จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนแรกนะ มีคนอื่นพากย์มาก่อน จนกระทั่งตอนหลังผมมารับผิดชอบอู๋ม่งต๊ะ ทุกคนก็บอกว่าโอเคเลย คือไม่ได้ชมตัวเองนะ แต่คนดูเขาชม เพื่อนๆ เขาชม เขาบอกว่าดี เสียงกักขฬะดี ซึ่งพอคนดูชอบ คนเขาจำได้เราก็ปลื้มใจ เดินอกยืดๆ นิดนึง แต่เดินที่บ้านนะ ไปเดินที่อื่นคนเขาจะถีบผมเอาเพราะหมั่นไส้ (หัวเราะ)
แต่ความเป็นจริงแล้วการปิดตำนานของเราในครั้งนี้ คือทุกคนยังมีงานทำ ทุกคนยังเป็นนักพากย์ในหลายๆ สถานที่ด้วยกันที่มีบริษัทผลิตหนังออกมา ก็ยังมีนักพากย์น้องๆ ไปพากย์กันอยู่แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไปพากย์อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นพันธมิตรเราจะเหนื่อย พูดกันตรงๆ เลย บางทีเราว่าเราดีแล้วนะ แต่คนดู คนที่เขานั่งฟังเรา อย่างโต๊ะเนี่ยแค่กระแอมมานิดเดียวพวกผมก็สะดุ้งแล้ว กูผิดตรงไหนแล้ววะเนี่ย (หัวเราะ) แล้วเราก็ต้องกลับไปแก้ไขให้มันดีขึ้น
ถามว่าทีมพันธมิตรเป็นทีมพากย์ที่ดีที่สุด เราจะไปการันตีขนาดนั้นมันก็จะดูว่าเว่อร์ไป แต่ถ้าคนดูพันธมิตรแล้วเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องพันธมิตร อย่างถ้าไปเจอหนังจีนแล้วมีค่ายอื่นทำ ก็อาจจะมีพูดกันว่าอ้าวไม่ใช่พันธมิตรเหรออะไรแบบนี้ ก็อยู่กับพันธมิตรมาจนกระทั่งวันนี้ ผมกับโต๊ะเราก็เริ่มต้นกันตั้งแต่เปิดหัวม้วนเลยครับ และคนเปิดหัวม้วนก็เหลือกันอยู่แค่สองคนแล้วตอนนี้”
![](https://w3.mgronline.com/banner/ent-banner.png)