xs
xsm
sm
md
lg

“ปีใหม่” ทำ “ป๋าเต็ด” น้ำตาร่วงกับคำตอบ เชื่อในแม่ “แอฟ ทักษอร” แม้จะไม่ถูกตลอดแต่ให้ชีวิตอิสระ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ขึ้นแท่นเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง สำหรับ “แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ”ที่ได้รับคำชมมาตลอดว่าแม่แอฟดูแลปลูกฝังลูกสาว “ปีใหม่ เอวาริณ เตชะณรงค์” ได้เป็นอย่างดี ในรายการ ป๋าเต็ดทอล์ก แม่แอฟ ได้มาเล่าประสบการณ์ชีวิตการเป็นคุณแม่มาตลอด 10 ปีของตัวเองว่าผ่านอะไรมาบ้าง

แอฟ : “เร๊วเร็ว การเป็นคุณแม่เหมือนจะง่ายก็ง่ายเหมือนจะยากก็ยาก สำคัญที่สุดคือพลัง พลังทุกอย่างเลยที่เราอยากจะให้เขาเอาจากเราไปให้ได้มากที่สุด พลังกาย พลังใจ พลังสมอง ทุกอย่างที่เราจะส่งให้เขาได้ ทุกอย่างมันเป็นไปตามอัตโนมัติ ตัวแอฟเป็นคนพลังอ่อน แล้วลูกก็เป็นคนพลังแรงมาก แต่สุดท้ายเราต้องมีพลังให้เขาเสมอ เราต้องให้เขาก่อน

แล้วก็ยังมีเรื่องของความเสียสละ ความเห็นแก่ตัว มันต้องสละ ซึ่งแอฟเองไม่เคยสละตรงนั้นมาก่อนเลย ด้วยเราโตมาในแบบคุณพ่อคุณแม่มีแล้วทุกอย่าง ท่านดูแลตัวเองของท่านไป แอฟก็สบายไม่เคยต้องมารู้สึกว่าตัวเองจะต้องสละอันนี้เพื่ออันนั้น หรือสละอันนี้ให้น้อง ทุกคนมีชีวิตสบายใจเส้นทางของตัวเอง ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะต้องสละอะไร พอมีอาชีพนักแสดงเราอยู่ในจุดที่ทุกคนซัปพอร์ต อุ้มชูเรา ไม่จำเป็นจะต้อง… แต่พอมีลูก ทุกอย่างคือเพื่อเขา ให้เขามีความสุข เพื่อให้เขาได้เรียนรู้

“ปีใหม่” ยอมรับต่อรอง เถียง “แม่แอฟ” เก่ง
ปีใหม่ : “หนูต่อรองเก่งมากค่ะ ชนะตลอด หนูจะเป็นคนที่ไม่รู้สึกตัวเองเลย ถ้าพูดอะไรมาหนูเถียงกลับได้เลย แบบไม่รู้ตัวว่าฉันพูดอะไรนะ แต่บางครั้งหนูก็รู้ตัวว่าไม่ควรทำ บางครั้งก็จะพูดไปแบบไม่รู้ตัว แล้วก็ขอโทษค่ะ ไม่ได้พูดค่ะ หนูเป็นคนที่รีแอ็กเร็วมาก แต่คุณแม่จะช้ากว่า ต้องคิดนานๆ ก่อนว่าฉันจะพูดอะไร แต่สุดท้ายผลเราจะคิดคล้ายๆ เหมือนๆกัน”

แอฟ : “พยายามสอนเขาว่าไม่ว่าอะไรเราก็จะผ่านกันไปได้ กับปีใหม่เราก็คุยเรื่องนี้กันได้ เราไม่มีเรื่องอะไรที่ปิดบังกัน เราอยู่กันด้วยความจริง”

“แม่แอฟ” ส่ง “ปีใหม่” ไปเรียนรำไทย เล่นฮาร์ป วาดรูป เขียนโปรแกรม ตีเทนนิส เตะบอล เรียนภาษาจีน เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย
ปีใหม่ : “รู้สึกว่ามันลองได้ พอเราโตขึ้นเราจะมีหลายออปชั่น เราจะไปทำงานอะไร ไปทำอะไรเรามีความรู้อยู่แล้ว ซึ่งคุณแม่หนูไม่ได้ซีเรียสว่าต้องไปแข่ง ถ้าเราอยากแข่งเราก็ไปแข่งได้ ถ้าไม่อยากแข่งก็แค่เรียนไปอย่างคุณแม่ให้หนูเรียนว่ายน้ำ หนูไม่ต้องไปแข่งก็ได้ แต่ขอให้ท่าเป๊ะ ว่ายเร็ว และทำได้”

“ปีใหม่” อยากเห็นตัวเองมีอาชีพเป็นนักแสดงแบบ “แม่แอฟ”
ปีใหม่ : “หนูเห็นตัวเองเหมือนคุณแม่ หนูอยากเป็นนักแสดงเหมือนคุณแม่ อยากจะได้ลองดู หนูก็เคยได้ลองถ่ายโฆษณา ได้ลองเล่นหนังเป็นนักแสดงรับเชิญ ชอบค่ะ สนุกดี”

แอฟ : “ตรงนี้แอฟก็เห็นอะไรในตัวเขา แต่ตอนนี้อยากจะให้เขาทำทักษะอะไรที่มันไกลตัว อยากให้รู้สึกว่าเขาได้ทำอะไรที่มันยากๆ ก่อนเลยพยายามเขาไปทำโน่นนี่นั่น รู้สึกว่าเรื่องร้อง เรื่องเต้นมันเข้าทางเขา เลยรู้สึกว่าเอาไว้ทีหลัง คือแอฟจะถูกสอนมาว่าให้ทำเรื่องยากๆ ก่อน เรื่องง่ายหรือคิดว่าเราถนัดเอาไว้ทีหลัง เพราะเราจะไปได้เร็ว เรื่องเต้นเรื่องร้องเลยยังไม่ได้ให้เขาไปลอง คืออันนี้เปิดเมื่อไหร่ก็ติด

มีแว๊บที่รู้สึกว่าเราจะดีใจดีไหม เขาได้ไปเข้าแคมป์กับรัชดาลัยเธียเตอร์ ก่อนไปเราเห็นแล้วว่าเขาตื่นเต้นแบบมีความสุข เขาไม่ได้เครียด เราจะเห็นเด็กหลากหลายตรงนั้น แต่ปีตื่นเต้นแบบกะเหี้ยนกระหือรือ อยากจะไป อยากจะแสดง ตอนเขาอยู่บนเวที เราเห็นเลยว่าเขาชายด์”

ปีใหม่ : “คุณแม่ร้องไห้เลย”

แอฟ : “ที่เขาชายด์ไม่ใช่เพราะเขาเต้นเป๊ะกว่าคนอื่น หรือเขาแสดงเก่งกว่าคนอื่น ที่ชายด์คือตาเขาเป็นประกายมากๆ เขามีความสุขมากๆ ที่ได้เต้นออกมา ได้พูดบทนี้ออกมา คือเขามีความสุขจริงๆ แบบภูมิใจนำเสนอ มั่นใจ และมีความสุขกับทุกจังหวะที่เคลื่อนไหว จังหวะนั้นดีใจก็ดีใจ แต่อีกแว๊บนึงเรากำลังจะปิดประตู ทางวิชาการ ทางวิทยาศาสตร์ การเงิน อะไรแบบนี้หรือเปล่าก็บอกกับตัวเองว่ายังไงก็จะไม่ปิดประตูด้านอื่นของลูก คือเรื่องนี้มันอาจจะมองไม่เห็นในตอนนี้เพราะเขายังเล็ก แต่ยังไงแอฟก็จะเปิดประตูบานเหล่านั้น แม้มันจะไม่ใช่บุคลิกของเขาแต่จะให้เขาได้เห็นอยู่ดี มันทำไปได้ควบคู่กัน จะไม่ให้ลูกไปแค่ทางที่เขาชอบ แอฟคงไม่ทำแบบนั้น”

ปลูกฝังด้วยประสบการณ์เพื่อให้ลูกได้เตรียมตัวกับโลกอนาคต
แอฟ : “การสอน การปลูกฝังก็เรื่องนึง แต่การที่เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ แอฟให้เขาเรียนนั่นนี่ไม่ได้ต้องการให้เขาไปอยู่ในระดับท็อป อย่างน้อยคือเอาให้เป็น ให้มีชีวิตรอด ให้มีทักษะเยอะๆ ไว้มันก็ดีจะบอกเขาว่าเป็นปุ๊บแล้วปล่อยไปทำอย่างอื่น เหมือนเป็นการช้อปปิ้ง ช้อปเยอะๆ แล้วจะเจอสิ่งที่เราชอบแน่นอน ยังไงก็เจอ แล้วก็เลือก แล้วก็ทุ่มกับมัน อย่างล่าสุดเขาไปแข่งโคดดิ้ง”

ปีใหม่ : “หนูรู้อยู่แล้วว่าหนูคงไม่ได้ที่ 1 เพราะมันคือครั้งแรกที่ประเทศไทย แต่เกาหลีเขาแข่งกันมา 20-30 ปีแล้ว ถ้าหนูได้ที่ 1 มันจะแปลกๆ ทำใจไว้อยู่แล้วว่าฉันคงไม่ได้ แต่ที่ฉันจะได้คือประสบการณ์”

แอฟ : “ความรู้สึกจริงมันจะเกิดขึ้น ณ ประสบการณ์จริง ก็เลยต้องปล่อยให้เขาไปเจอประสบการณ์นั้น ได้ผิดหวัง ได้เสียใจ จบวันนั้นเขาก็ร้องไห้นะ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกคือเขาร้องไห้เพราะหนูทำให้หม่ามี๊ผิดหวังหรือเปล่า หม่ามี๊ต้องจ่ายเงินค่านั่นค่านี่เยอะมากตั้งแพง กว่าเราจะได้เงินกันมา หม่ามี๊ต้องเสียเวลาลางานมาแล้วหนูมาทำไม่ได้ เลยบอกลูกสบายใจได้เลยแม่รู้สึกคุ้มค่าทุกนาทีเพื่อให้ลูกได้มีประสบการณ์ แม้ลูกจะไม่ได้ถ้วยรางวัลกลับไป ประสบการณ์ของลูกนี่แหละที่คุ้มค่าที่สุด”

ทำผู้ใหญ่อย่าง “แม่แอฟ” และ “ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม” ถึงกับเสียน้ำตา กับคำตอบที่ถามว่า
ตั้งแต่ปีใหม่โตมาจนถึงทุกวันนี้ ปีใหม่เชื่อในอะไร?
ปีใหม่ : “แม่ หนูเชื่อในแม่ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต คุณแม่จะอยู่ตรงนี้ สิ่งที่คุณแม่สอนมาตลอดชีวิตหนูมันจะอยู่กับหนูตลอดไป เพราะถ้าหนูเชื่อในคุณแม่ ก็จะทำให้คุณแม่ภูมิใจว่าหนูรักคุณแม่จริง หนูเชื่อในเขา หนูเชื่อว่าคุณแม่เขาอาจจะไม่ได้ถูกตลอด แต่มันจะเป็นออปชั่นที่มีไว้ให้หนูคิดของหนู คุณแม่จะมีออปชั่นที่ดีกว่า คุณแม่ให้ทำอะไรก็ได้ มันคือชีวิตที่อิสระของหนู ถ้าคุณแม่พูดอะไรกับหนู หนูจะจำไว้และมันจะอยู่กับหนูไปตลอดชีวิต เป็นคำตอบที่ครีเอทีฟมากๆ (หัวเราะ)”

งานนี้ทำเอา แม่แอฟ และ ป๋าเต็ด ถึงกับขอทิชชู่เช็ดน้ำตา ซาบซึ้งในคำตอบที่แสดงถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของ ปีใหม่ เด็กหญิง อายุ 10 ขวบ
 





















กำลังโหลดความคิดเห็น