xs
xsm
sm
md
lg

“บิว-วีซ่า” เปิดใจพบรักกลางกอง เป็นละครบู๊แอ็กชั่น แต่ในกองหวานเจี๊ยบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บิว ณัฐพล” เปิดใจจีบ “วีซ่า สิมิลัน” เพราะความน่ารักสดใส ฝ่ายหญิงเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่ตนไม่ค่อยชอบทำให้เริ่มทำได้ ด้าน “วีซ่า” เผยมองฝ่ายชายเป็นคนขี้แอ็ก แถมชอบหยอดคนอื่นไปทั่ว แต่สุดท้ายคือเป็นคนเฟรนด์ลี่ เป็นความสบายใจของกันและกัน ยอมรับตรงสเปกทุกอย่าง แต่ยังไม่คิดเรื่องแต่งงาน มองเป็นยุคสมัยใหม่แล้ว บอกมีค่าใช้จ่ายและไม่จำเป็น ยังขอทำงานเก็บเงินกันก่อน 



รักเกิดกลางกองถ่ายอีกคู่แล้ว สำหรับละครเรื่อง โอม! พระยาไฟ ที่ชีวิตจริงของพระเอกหนุ่ม “บิว ณัฐพล ไรยวงค์” เกิดไปตกหลุมรักนางเอกคู่รองอย่างสาว “วีซ่า สิมิลัน เตมีวณิชย์” เข้าเต็มเปา ซึ่งทั้งคู่ก็ได้เปิดใจว่าเพิ่งมาเริ่มศึกษาดูใจกันช่วงปลายของการถ่ายทำแล้ว และจากวันนั้นถึงวันนี้ก็คบหากันได้มาเกือบปี ความหวานก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

บิว : “จุดเริ่มต้นก็คือวันนั้นเราไปถ่ายละครเรื่องโอม!พระยาไฟนี่แหละ เรามีซีนถ่ายตอนเช้า แล้วก็เบรกยาวเลย มาถ่ายอีกทีตอนกลางคืน จริงๆ ก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้คุยกันเลย คุยกันเวลาเข้าฉากอย่างเดียว แต่วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนมาก แล้วบิวได้ยินน้องวีซ่าคุยกับน้องๆ ฝึกงานว่าจะไปไหว้พระ ใครจะเอาอะไรที่เซเว่นไหม บิวก็เลยบอกว่าพี่ขอติดรถไปได้ไหม ไปส่งที่ร้านอเมซอนก็ได้ อยากหาที่เย็นๆ อยู่ น้องจะทำอะไรก็เรื่องของน้อง เดี๋ยวพี่กลับเอง น้องก็บอกว่าได้ เราก็ไปกัน

แต่ระหว่างทางมันไม่เจออเมซอนเลย (หัวเราะ) เขาก็เลยพาไปทำบุญด้วยกัน ตอนแรกบิวก็บอกว่าไม่ลงนะ เพราะเราหนีร้อนมา แต่เขาบอกว่าลงเถอะ มาแล้ว ก็เลยไป แล้วก็ปล่อยให้เขาไปทำบุญ ก็คือระหว่างขับรถเราได้พูดคุยกัน แล้วก็รู้สึกว่าน้องคนนี้น่ารักดี เราเล่นมุกอะไรไป เขาก็ตบมุกให้เรา โบ๊ะบ๊ะๆ ก็เลยรู้สึกว่าดีว่ะ น่ารักดี พอหลังจากนั้นกลับไปถ่ายละครเสร็จก็กลับบ้าน ก็เข้าไปแซวน้องในไอจี ทักไปแซวว่าดึกแล้วนะ ไม่นอนสักที นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราได้คุยกันจริงๆ จังๆ หลังจากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ ในกอง ตอนทำงานเราก็ทำงานกันจริงๆ นะ ไม่ได้สนใจ แต่พอได้พูดคุยกันจริงๆ นอกจากการทำงาน ก็รู้สึกว่าน้องเป็นคนน่ารักดี จีบซะเลย”

วีซ่า : “เขาก็ไม่ได้พูดออกมาหรอกค่ะว่าจะจีบ คือจริงๆ พี่บิวเป็นคนสนุก เป็นคนขี้เล่น แล้วซ่าก็เป็นคนขี้เล่นเหมือนกัน มันไม่ได้มีจุดที่ว่าจะจีบนะ เหมือนเราค่อยๆ เรียนรู้กันมากกว่า

บิว : “หมาหยอกไก่ เราก็จีบๆ แซวๆ อยู่ในกอง พอได้คุยกันในไลน์ พอเริ่มไลน์ก็เริ่มจริงจัง ซึ่งตอนนั้นก็ถ่ายทำกันท้ายๆ เรื่องแล้ว”

บอกยังเถียงกันเรื่องวันครบรอบว่าจะเป็นวันไหน
บิว : “ถามว่าทำไมถึงตัดสินใจคบกัน จริงๆ ไม่ได้คิดอะไรเลยครับ เพราะผมก็โสดด้วยตอนนั้น น้องก็โสด แต่พอคุยกันไปแล้วก็สนุก ก็คุยกันไปเรื่อยๆ แล้วก็คบกันแค่นั้นครับ ใช้ความรู้สึกมากกว่า จริงๆ ไม่ได้มีพูดด้วยว่าคบกันนะ ก็อยู่กันไปเรื่อยๆ แต่เรื่องครบรอบนี่แหละกำลังเป็นประเด็น ล่าสุดเมื่อ 2-3 วันที่แล้วนั่งๆ อยู่น้องก็ถามขึ้นมาว่าเรามีวันครบรอบไหม บิวก็นั่งนึกว่ามันวันไหนนะ แต่บิวจำได้ว่ามันวันที่ 25 หรืออะไรนี่แหละ ก็พูดๆ ไป (หัวเราะ) แต่น้องเขามีหลักฐาน คือมีถ่ายรูปไว้ก็ย้อนไปดูวันที่ได้ เขาก็เลื่อนดู”

วีซ่า : “จริงๆ เป็นวันที่ 11 มิ.ย. แต่เขาบอกว่าเป็นวันเกิดพี่ได้ไหม คือวันที่ 12 มิ.ย. คือมันเดือนเดียวกับเดือนเกิดเขา ก็จะได้ของขวัญทีเดียว”

บิว : “โชคสองชั้นเลย ก็เพิ่งตกลงกันได้เมื่อ 2-3 วันนี้เอง เราก็ผู้ชาย รายละเอียดอาจจะน้อยกว่าผู้หญิงเนอะ ซึ่งตอนนี้คบกันมาก็เกือบครบปีแล้วครับอีก 2-3 เดือน

บอกมีของขวัญวาเลนไทน์ให้กันล่วงหน้าไปแล้ว
บิว : “วาเลนไทน์นี้ผมว่าจะซื้อบ้าน ซื้อรถให้น้องเขา เป็นโมเดลๆ ให้โมเดลไปก่อนว่าอนาคตเราจะมีอย่างนี้นะ (หัวเราะ) ก็คงไม่ยิ่งใหญ่อะไรหรอกครับ ผมว่าก็แค่พาไปกินข้าว คิดว่าน้องก็คงโอเคแล้วล่ะ”

วีซ่า : “หนูไม่คาดหวังเลยค่ะ อันนี้พูดแบบตรงๆ เพราะหนูรู้สึกว่าจริงๆ แล้วทุกวันการที่มีเขาอยู่ มันก็พิเศษแล้ว มันไม่จำเป็นต้องมีเทศกาลอะไร

บิว : “ไม่หรอก เพราะเมื่อ 2-3 วันก่อนเขาเพิ่งซื้อของเซอร์ไพรส์ของขวัญให้ผม เป็นแคนวาสโปสเตอร์เรื่องโอม!พระยาไฟนี่แหละ เพราะบิวเคยพูดกับน้องว่าน่าจะมีโปสเตอร์มาติดฝาผนังเนอะ แล้วเขาก็ซื้อมาให้เรา เขาบอกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักกัน ตอนแรกบิวเห็นใส่กรอบมาก็นึกว่าต้องเป็นรูปคู่แหละ แต่เปิดมาเป็นโอม!พระยาไฟ (หัวเราะ) ของผมก็มีให้เซอร์ไพรส์น้องไปแล้ว น่ารักด้วย รอดูรูปได้เลย

วีซ่า : “เซอร์ไพรส์ตั้งแต่เดือนที่แล้ว”

บิว : “เป็นจังหวะไปทำงานพอดี ก็เลยหาของขวัญให้”

บอกมองเป็นผู้ชายขี้แอ็ก แต่ก็ตรงสเปก
วีซ่า : “ถามว่าก่อนหน้านี้มองเขาเป็นผู้ชายยังไง หนูมองว่าขี้แอ็ก ตอนที่เจอวันแรกรู้สึกว่าแอ็กทำไม”

บิว : “ไอ้เรามันก็เท่ซะด้วย”

วีซ่า : “คือหนูไม่เคยเจอ ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน ขนาดมาที่ช่องก็ยังไม่เคยเจอ แล้วหนูก็เป็นคนที่เข้าหาคนอื่นไม่เก่ง ถ้าไม่ได้สนิทก็จะไม่ค่อยพูด แล้วมีวันนึงเห็นเขานั่งแต่งหน้าอยู่ เราก็นั่งหันหลังชนกันด้วยนะ หนูก็ถามว่าพี่บิวเคยถ่ายหนังใช่ไหมคะ เขาก็ตอบว่าครับ แล้วหนูก็ถามต่อว่าเรื่องนี้ใช่ไหมคะ เขาตอบว่าใช่ เคยดูด้วยเหรอ หนูตอบว่าไม่ค่ะ แค่เสิร์จเจอเฉยๆ แล้วก็จบบทสนทนาเลย ก็คิดว่าเราจะคุยอะไรกับเขาต่อดี

บิว : “ก็แต่งหน้าอยู่ จะไปพูดโน่นพูดนี่ได้ยังไง แล้วเช้าด้วยไง เช้าๆ ก็ไม่ค่อยอยากจะคุยกับใครหรอก”

วีซ่า : “ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกัน พอไปกองหนูก็ไม่คุย หนูก็นั่งมุมของหนู เขาก็อยู่มุมของเขา คุยมากสุดก็แค่สวัสดี กินข้าวหรือยัง กลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ แค่นี้เลย”

บิว : “คือถ้าสมมติออกกอง บิวจะชอบไปนั่งมุมคนเดียว นั่งพัก อ่านบทอยู่คนเดียว แต่พอเวลาลุกไปถ่ายหน้าเซ็ตก็จะสนุกสนาน แต่ถ้าได้พักนั่งเก้าอี้เมื่อไหร่ก็ยาวเลย”

วีซ่า : “หนูก็เลยไม่กล้าอะไรกับเขา ถึงได้บอกว่ามาคุยกันจริงๆ ก็ตอนที่ใกล้ปิดกล้องนี่แหละ (หัวเราะ)​ แต่เขาจะชอบหยอด บางทีหนูนั่งแต่งหน้าอยู่ เพิ่งมาถึงกอง เขาก็แซวเลยว่าคิดถึงพี่ไหม ตอนแรกๆ ก็งงว่าอะไร (หัวเราะ)”

บิว : “เล่นมุกไง หยอดละลายพฤติกรรม”

วีซ่า : “หนูก็ยิ้มๆ แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับเขา บางทีเขาก็จะมีความเป็นพี่ชายที่แสนดี จะมีความหวังดี บางทีหนูถ่ายละครอยู่เขาก็จะมาคอยแนะนำว่าให้เพิ่มตรงนั้นตรงนี้ในซีนดีกว่าไหม เพราะบางทีมันไม่ได้มีใครที่จะมาบอกหรือสอนเราแบบนี้ทุกคน ก็เลยทำให้ค่อยๆ ได้คุยกัน ค่อยๆ ทลายกำแพงไป ก็เลยมีเรื่องให้ได้คุยกันเยอะขึ้น แต่ถามว่าพอเขาชอบมาหยอดแบบนี้ มองว่าเขาเจ้าชู้ไหม ไม่เลยค่ะ เพราะเขาน่ารักแบบนี้กับทุกคน เขาไม่ได้ขี้เล่นแค่กับหนู กับพี่ๆ ทีมงานคนอื่นหรือกับน้องๆ เขาก็เล่นละลายพฤติกรรมเหมือนกัน เขาเป็นคนสนุก อยู่กับใครก็มีความสุข หนูก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าเขามาหยอดเพื่อจะจีบหรืออะไรหรือเปล่า ไม่ได้คิดเลย

แต่มาแอบคิดเหมือนกันว่าเขาก็คงจะคุยอย่างนี้กับคนอื่นแหละ คือเป็นช่วงหลังจากที่เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นนะคะ เพราะจริงๆ ตอนนั้นหนูก็เริ่มชอบเขาแล้วแหละ เริ่มรู้สึกว่าทำไมใจเต้น เขาทักมาทำไม ทำไมตั้งนานไม่ทัก แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นเข้าข้างตัวเองขนาดนั้น ก็คุยแบบปกติ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยได้คุยกันเยอะนะคะ บางทีอยู่กองมันไม่มีเวลามากุ๊กกิ๊กกันด้วยซ้ำ เพราะถ่ายกันวันนึง 30 กว่าซีน เบรกก็แค่ 2 เวลาเที่ยงกับเย็น พอมีเวลาว่างนิดหน่อยก็แยกย้ายพักดีกว่า

แต่พอเราได้คุยกันมากขึ้น จากตอนแรกที่เรามองว่าเขาขี้แอ็ก แต่ตอนหลังก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนเฟรนด์ลี่นะ จริงๆ เป็นคนใจดีนะ เป็นคนน่ารัก ถามว่าสเปกไหม ถ้าภายนอกคือใช่เลย ชอบคมเข้ม ผิวแทน ยิ้มสวย หนูจะไม่ค่อยแนวสายตี๋หรืออะไร ยิ่งแทนๆ ยิ่งชอบ”

บิว : “จริงๆ ผมไม่มีสเปกหรอก แค่คุยกันรู้เรื่องก็โอเคแล้ว เข้าใจเราก็พอแล้ว”

เผยยังมีสิ่งที่ต้องปรับกันอีก แต่เรื่องกินหายห่วง เพราะศึกษามาอย่างดี
บิว : “สิ่งที่ต้องปรับกันก็ยังมีนะ เป็นเรื่องปกติ ช่วงนี้เราไม่ได้ถ่ายละคร ไม่ได้ออกกองกัน เราก็มาไลฟ์ขายเสื้อ แต่บิวจะติดว่าถ้าพาร์ตทำงานบิวจะจริงจัง แต่พอมาเป็นฟีลแฟนที่ขายของด้วยกัน มันก็ควรจะดีกว่านี้ แต่กลายเป็นจริงจังเกินไป มันทำให้เสียบรรยากาศ บิวรู้ตัวนะ พี่รู้ตัวนะ (หันไปบอกวีซ่า) พี่ก็กำลังพยายามปรับอยู่เหมือนกัน

แล้วก็มีอีกหลายอย่าง คือน้องจะเป็นคนที่ชอบให้บอก คือเวลาจะไปไหนทำอะไรขอให้บอก แค่พิมพ์บอกเฉยๆ แต่เราเป็นคนที่ชอบโทร.มากกว่า คือสมมติเวลาไปทำงาน ไปถึงก็วางโทรศัพท์แล้วก็ไปทำงานเลย ไม่ได้ชอบบอกตลอด ส่วนมากเน้นโทร.มากกว่า แต่เขาเน้นพิมพ์ อันนี้คือปัญหาของผมสองคนเลยตอนนี้ จริงๆ ไม่น่าเป็นปัญหา ก็ทำให้บางทีมีปากเสียงกันก็มี คือบางทีมันนอยด์”

วีซ่า : “ใช่ๆ บางทีมันนอยด์ เพราะบางทีหนูก็ไม่ได้ว่างรับโทรศัพท์ตลอด บางทีเรานอนหรืออาบน้ำหรือทำอะไรอยู่ ก็แค่พิมพ์ไว้ก็ได้ แล้วเดี๋ยวหนูมาดูก็จะรับรู้ แต่เขาจะเป็นฟีลว่าโทร.บอกก็จบเลย แต่ถ้าสมมติหนูไม่ได้รับตอนนั้นล่ะ หนูก็จะไม่รู้ถูกไหม เขาก็จะบอกว่าแล้วทำไมต้องพิมพ์ หลังๆ ก็เอาที่สบายใจ เอาที่สะดวก สุดท้ายเดี๋ยวมันก็ปรับๆ กันไปเอง ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ ไม่ค่อยมีเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะทะเลาะกันได้ แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกันใหญ่โตนะคะ”

บิว : “แต่ผมว่าเป็นปกติของทุกคู่นะ”

วีซ่า : “แต่ถามว่าถึงตอนนี้รู้นิสัยกันมากน้อยขนาดไหน หนูว่าประมาณ 80%”

บิว : “เช่นกันครับ เพราะพี่ก็เปิดหมดทุกอย่างแล้วนะ 100 แล้วล่ะ (หันไปบอกวีซ่า) แต่ถ้าเรื่องกินนี่สั่งแทนกันได้เลย เรื่องกินนี่รู้เลย

วีซ่า : “ต้องยกให้เขาเลยค่ะ หนูแทบไม่ต้องพูดอะไรเลย”

บิว : “ผมรู้ว่าน้องชอบอะไร จริงๆ เป็นอย่างแรกก่อนที่จะคบกันเลย ก็คือดูพฤติกรรมการกินของเขาว่าเขาชอบกินอะไร กินง่ายไหม เพราะเราเป็นคนกินง่ายมาก กินง่าย อยู่ง่าย ข้าวแกงจบ ก็พยายามดู ลองสังเกต แต่น้องก็กินง่ายเหมือนกัน ส่วนมากทุกวันนี้ก็ข้าวแกง แล้วก็ทำกับข้าวกินที่บ้าน”

บอกคุณแม่ทั้งสองฝ่ายได้เจอกันแล้ว
บิว : “น้องเคยเจอคุณแม่ผม เมื่อตอนวันเกิดที่จัดมีตติ้ง วันนั้นคุณแม่ผมไปด้วย แล้วน้องผมก็ไปด้วย ซ่าก็ไปเจอแม่กับน้องผม ส่วนบิวก็เคยเจอแม่น้องซ่า”

วีซ่า : “เป็นนัดทานข้าวกันกับที่บ้านหนูค่ะ”

บิว : “แต่ยังไม่ถึงกับสองครอบครัวเจอกันนะครับ แค่ตัวบิวไปรู้จักแม่ซ่า แล้วน้องก็ไปรู้จักแม่บิว แต่ถ้าทั้งครอบครัวนี่ยังครับ เรื่องแต่งยังไม่รีบครับ ผมรู้สึกว่าเรายังไม่ได้โฟกัสเรื่องแต่งงานขนาดนั้น”

วีซ่า : “หนูกับพี่บิวคิดเหมือนกันว่าเรื่องแต่งงานไม่ได้สำคัญ เพราะจริงๆ ยุคสมัยในชีวิตปัจจุบันมันไปไกลแล้ว แต่หนูเข้าใจประเพณีนะว่าจริงๆ ควรจะมี แต่ถามว่ารีบร้อนไหมก็ยังค่ะ ขอทำงานก่อน เพราะปีนี้หนูเพิ่งจะ 27 เอง”

บิว : “ผมก็เพิ่ง 29 ยังเด็กอยู่เลย อีกอย่างแต่งงานก็มีค่าใช้จ่ายด้วย รู้สึกว่ายังไม่จำเป็น

ยอมรับพอคบกันแล้วทำให้ชีวิตของแต่ละคนไปในทางที่ดีขึ้น
บิว : “เปลี่ยนครับ เพราะเขาเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่เราไม่ชอบ อย่างการทำคอนเทนต์เต้นจะได้เห็นบ่อยมากเลยช่วงนี้ เขาเป็นคนที่ชอบถ่ายเต้น ชอบถ่ายคอนเทนต์ คือบิวชอบทำกิจกรรมนะ แต่บิวไม่ชอบถ่าย ก็ได้เขานี่แหละที่มาคอยให้ ก็เลยได้มีลงโซเชียลบ้าง”

วีซ่า : “หนูจะเก็บมุมที่คนอื่นไม่ได้เห็นของเขาในแบบนั้น เพราะหน้าสื่อใครๆ ก็เห็นได้ แต่หลังสื่อมันก็เฉพาะ หนูก็เลยอยากให้คนอื่นได้เห็นเขาในมุมอื่นบ้าง อย่างเช่นเวลาไปจับปลา เขาจับตั้งแต่เด็กนะ หนูก็อยากให้คนอื่นเห็นว่านี่คือการกินง่าย อยู่ง่าย ชีวิตจริงคนเรามันก็แค่นี้ หนูรู้สึกว่าเขาสอนอะไรหนูมากขึ้นนะ”

บิว : “คือบิวเป็นเด็กต่างจังหวัด บิวก็จะเจออะไรมาเยอะมาก ผ่านอะไรในชีวิตมา ส่วนน้องเป็นเด็กในกรุงเทพฯ เขาก็อาจจะไม่เคยเจออะไรอย่างที่เราเคยเจอ เราก็คอยบอกว่าอันนี้มันทำเองได้นะ ไม่ต้องไปจ้างคนอื่นก็ได้ อันไหนทำเองได้ก็ทำ”

วีซ่า : “หรือบางอย่างเวลาหนูกลุ้มใจหรือมีเรื่องเครียด หนูก็จะชอบเก็บไว้ เขาก็จะดูออก พอหนูได้ระบายกับเขา เขาก็จะบอกว่าให้ซ่าลองเปลี่ยนวิธีคิดไหม เขาก็จะเป็นความสบายใจให้หนู”

บิว : “ผมก็แค่อยากให้เขาปล่อยวาง เพราะสมมติเขาอยู่กับเรา แล้วถ้าเขาเครียด เราก็เครียดด้วย เพราะว่าอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าเขาอารมณ์ดี เราก็สดใสด้วย”

วีซ่า : “ก็ดีค่ะ มีเขาเข้ามาก็พากันหาเงิน พากันทำอะไรที่ดีๆ หนูก็ชอบ”

บิว : “เป็นจังหวะที่ดีด้วยครับ อย่างช่วงนี้ไม่มีละคร แต่บิวก็มีงานเตะฟุตบอลไปหลายจังหวัดเลย น้องก็ได้ไปด้วย ก็ได้ไปทำงานด้วย ไปเที่ยวด้วย”

วีซ่า : “หนูขอชมอะไรเขาอย่างนึง ตั้งแต่รู้จักเขามา หนูรู้สึกว่าเขาเป็นคนขยัน พี่บิวจะชอบเล่าชีวิตให้หนูฟังว่าตอนเด็กๆ หรือระหว่างทางก่อนเขาจะมาจุดนี้ เขาผ่านอะไรมาบ้าง เหมือนเราแลกเปลี่ยนกัน คือถ้าหนูอยู่กับตัวเองก็จะรู้สึกว่าแค่ตัวเราก็ผ่านมาเยอะแล้ว แต่พอเราได้ฟังมุมมองชีวิตคนอื่นบ้าง เราก็รู้ว่าจริงๆ มันมีอะไรมากกว่านี้ และเขาสามารถที่จะจับต้องเงินที่มันอยู่ในอากาศได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอโอกาสเข้ามา แต่เขาเป็นโอกาสให้ตัวเอง และหนูก็เลยรู้สึกว่าอันนี้เป็นข้อดี และพออยู่กับเขาก็เหมือนเราได้รับสิ่งดีๆ ไปด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่พอมีเขาเข้ามาแล้วมันดี”

















กำลังโหลดความคิดเห็น