xs
xsm
sm
md
lg

“นุ่น ศิรพันธ์” เผยรัก 17 ปี เปลี่ยนจากความหวานเป็นความเข้าใจ ชมสามีโรแมนติกซักชุดชั้นในให้ ดูแลใส่ใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นุ่น ศิรพันธ์” แฮปปี้รัก 17 ปี เป็นวัย 40 ที่กำลังดี ต่างฝ่ายเป็นตัวตนของตัวเองจนหาจุดลงตัวได้แล้ว ไม่ต้องทะเลาะกัน รับความหวานจืดจาง เปลี่ยนเป็นความเข้าใจและมั่นคง ชมสามี “ท็อป พิพัฒน์” โรแมนติกซักชุดชั้นในให้ ดูแลใส่ใจทุกอย่าง 

เรียกว่าเป็นคู่รักที่ไม่หวือหวาแต่มั่นคงมาก สำหรับ “นุ่น ศิรพันธ์ วัฒนจินดา” และ “ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร” ที่ถึงแม้จะตั้งใจไม่มีทายาท แต่ชีวิตคู่ก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไรไป แถมยังคอยซัปพอร์ตดูแลกันและกันในทุกเรื่อง อย่างล่าสุดที่คุณภรรยาไปสานฝันด้านงานแสดง ด้วยการไปเล่นละครเวที “เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี” คุณสามีก็สนับสนุนเต็มที่ แถมยังรับปากว่าจะดูแลธุรกิจเองไม่ต้องกังวล โดยนุ่นได้แชร์มุมมองความรักของคู่ตัวเองให้ฟัง ว่าการคบกันมานานความหวานจืดจางบ้าง แต่เปลี่ยนเป็นความเข้าใจและมั่นคง พร้อมเผยเทคนิคครองคู่ที่ทำให้ครอบครัวราบรื่นแข็งแรง

“เราก็เหมือนเป็นคู่ตาคู่ยายเนอะ(หัวเราะ) จริงๆ ก็มีตบตีกันบ้าง นุ่นเคยพูดกับพี่ท็อปว่าถ้าไม่ได้ทำงานด้วยกันชีวิตครอบครัวเราจะดีกว่านี้นะ คือเวลาทำงานเราจะพูดด้วยข้อเท็จจริงมากกว่าความรู้สึก เพราะเราก็เป็นสาย Emotional ทั้งคู่ แต่ถ้าเราใช้ Emotional ทำงาน ชีวิตครอบครัวไม่ราบรื่นแน่ๆ ดังนั้นเวลาทำงานเราผ่านวิธีการในการหาวิธี จนสุดท้ายนุ่นบอกเลยว่าพี่ท็อปคือซีอีโอแบบไม่มีข้อโต้แย้ง อยากทำอะไรให้บอก แล้วเดี๋ยวนุ่นจะเป็นคนจัดการให้ นุ่นคิดว่าถ้าเราวางบทบาทกันแบบนี้ ชีวิตคู่ครอบครัวเราจะราบรื่น เพราะบางทีเราก็อดไม่ได้ที่เราจะเห็นต่าง แล้วเวลาตีกันมันไม่มีใครชนะ เพราะปลายทางทุกคนอยากให้งานออกมาดี เราเดินมาทำงานแล้วก็เดินกลับบ้านพร้อมกัน ก็ไม่อยากกลับบ้านแล้วต้องทะเลาะกัน

ช่วงปีที่แล้วเราหาการแก้ปัญหานี้ ก็เลยรู้สึกว่ามันลงตัว แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ นุ่นจะพูดเสมอเวลาเราทะเลาะกัน ว่านุ่นไม่ใช่ศัตรูพี่ท็อปนะ ทั้งหมดในโลกนี้คนที่หวังดีกับพี่ท็อปที่สุด นอกจากป๊ากับม๊าก็คือนุ่น ถ้าเกิดมันจะต้องทะเลาะกันนุ่นเลือกครอบครัว ดังนั้นบางเรื่องไม่ต้องถามว่านุ่นเห็นว่ายังไง แค่บอกมาว่าอยากให้เป็นยังไง แล้วเดี๋ยวนุ่นจะทำให้ นุ่นรู้สึกว่าคู่เราดีลแบบนี้แล้วลงตัว แล้วหลังจากนั้นชีวิตคู่ดีมาก ตื่นเช้ามาพี่ท็อปทำกับข้าวให้กิน เราก็ล้างจานไป(ยิ้ม)”

ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากงาน ไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตคู่เลย
“ไม่มีค่ะ ไม่น่าเชื่อเนอะ อาจจะเป็นด้วยเราทะเลาะกันตั้งแต่ก่อนแต่งงาน แล้วพอแต่งงานปุ๊บมันเหมือนกับทุกอย่างเคลียร์ไปหมดแล้ว แต่ละคนเป็นตัวตนของตัวเองจนหาจุดลงตัว ตอนนี้ในความเป็นชีวิตคู่ก็แทบจะไม่มีอะไรต้องปรับ เรารู้จักกันมา 8 ปี แต่งงานมาก็เกือบ 9 ปี เท่ากับใช้ชีวิตด้วยกันมา 17 ปีแล้ว ความรู้สึกมันเป็นเหมือนเพื่อน อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่สุดท้ายเราไม่ได้คิดร้ายต่อกัน”

สามีหวานด้วยการกระทำ ไม่ใช่คำพูด
“ส่วนมากของพี่ท็อปจะเป็นการกระทำ นุ่นชอบมากเวลาตื่นเช้าแล้วเขาซักผ้า นุ่นตื่นสายเพราะว่าเป็นคนเคลียร์งานจนดึก นี่คือความโรแมนติกของเรา เขาซักทุกอย่างให้เราหมดเลย ชุดชั้นในต่างๆ พี่ท็อปเป็นคนน่ารักค่ะ นุ่นว่าโมเมนต์ของผู้ชายในวัยนี้ไม่ต้องหวาน ไม่มีดอกไม้ แต่มันคือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

อย่างช่วงนี้เขารู้ว่านุ่นซ้อมละครเวทีก็จะต้องใช้เสียงและพลังเยอะมาก แล้วเราเป็นคนหิวง่าย เขาก็จะใส่อะโวคาโดอยู่ในสลัดเป็นอาหารมื้อเช้าให้เรา เพื่อให้มีพลังงานและอิ่มทอง แล้วก็จะเตรียมน้ำที่เป็นอุณหภูมิปกติให้ทั้งๆ ที่เราชอบกินน้ำเย็น อะไรเหล่านี้มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เรารู้สึกขอบคุณ

ถามว่าแบ่งงานบ้านกันยังไง คือไม่ต้องพูดค่ะ เหมือนเขารู้ว่าถ้าช่วงนี้นุ่นยุ่งเขาก็จะทำ ถามว่าเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มเลยไหม คือตั้งแต่ย้ายออกมาอยู่กันเองที่คอนโดฯ เขาก็ดูแล คู่เราจะไม่ได้มาบอกว่าเธอต้องทำอันนั้น เดี๋ยวฉันจะทำอันนี้ ช่วงไหนถ้าใครทำได้ก็ทำ ช่วงไหนถ้าใครยุ่งอีกคนก็เป็นคนทำ เขาเหมือนเป็นคนที่เราไม่ต้องบอก

อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่มีลูก ภาระบางอย่างของคู่เรามันอาจจะไม่เหมือนคู่อื่น แต่ละคู่ความหวานไม่เหมือนกันเนอะ แต่คู่นุ่นมันมีแค่งาน แล้วก็มีแค่กันสองคน แล้วก็มีพ่อแม่ของแต่ละคน สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกก็คือพี่ท็อปเป็นอภิชาตบุตรมากๆ วันเสาร์เราจะแยกบ้านกัน นุ่นก็จะไปเอนเตอร์เทนพ่อแม่นุ่น พี่ท็อปก็จะไปเอนเตอร์เทนพ่อแม่เขา แล้วเขาก็จะบอกว่าแค่นี้ไม่ได้นุ่น เพราะมันจะต้องมีวันที่พ่อแม่เรามาเจอกัน”

เป็นความโชคดีของซึ่งกันและกัน ที่ได้มาเป็นคู่ชีวิต
“นุ่นว่ามันดีที่เราก็ไม่ยอมแพ้ เพราะเราก็มีเรื่องที่ไม่ได้น่ารัก เขาก็มีเรื่องที่ไม่น่ารัก ยอมรับข้อเสียกันและกัน มันก็มีบางวันที่แบบทำไมวันนี้เธอปรี๊ดปร๊าดจัง หรือถ้าช่วงไหนที่หงุดหงิดมากๆ นุ่นก็จะบอกเขาไว้ก่อนเลย แล้วพี่ท็อปเขาน่ารัก ตรงที่นุ่นจะเครียดและนอนดึก แล้วก็จะกินขนมตอนเที่ยงคืนทุกวันเลย เขาก็ไม่ห้าม แต่จะหาซื้อขนมถุงเอาไว้ในตู้เสบียง แต่เขาเริ่มเห็นว่าเรากินเยอะก็จะเริ่มลดขนาดถุงลง จากถุงใหญ่ก็เป็นถุงเล็ก แล้วก็บอกให้เรากินเท่านี้แหละ

นุ่นเคยแอบถามเขาว่าตอนนี้อ้วนขึ้นเธอว่าอะไรไหม เขาก็บอกว่าขอให้ตัวเองไม่ปวดท้องก็พอ แต่หลังๆ เราคงบ่นให้เขาได้ยินว่าเวลาออกกล้องรู้สึกตัวบวมขึ้น พอเราจะเดินไปเปิดตู้หยิบขนมกิน เขาก็จะพูดลอยๆ ขึ้นมาว่าพรุ่งนี้ตัวเองออกกล้องนะ ทีนี้ก็อยู่ที่เราแล้วว่าจะกินหรือเปล่า แต่เราก็กินค่ะ (หัวเราะ)”

ยอมรับอยู่ด้วยกันนานๆ ความรักก็มีจืดจางเหมือนคู่อื่น เปลี่ยนจากความหวาน เป็นความเข้าใจแทน
“คู่เราก็เป็นนะคะ แต่นุ่นว่ามันเป็นเหมือนการเปลี่ยนความสัมพันธ์จากคู่รักเป็นเหมือนเพื่อน ตอนนี้เหมือนเป็นการปรับทุกข์ เคยมีเพื่อนที่เราปรับทุกข์ไหม เพื่อนคนนั้นสำหรับนุ่นก็คือสามีเราค่ะ อย่างคุณพ่อของนุ่นกับพี่ท็อปต่างคนก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพเพราะว่าอายุมากขึ้น ป่ะป๊ามีปัญหาเรื่องทางเดินหายใจ พี่ท็อปก็จะเป็นห่วง บางทีเขาก็มาปรับทุกข์กับเรา เราเองก็ห่วงสุขภาพคุณพ่อเราเรื่องความจำ เราก็ปรับทุกข์กับเขา มันก็จะเป็นฟีลแบบนี้มากกว่า ไม่มีซีนโรแมนติก

เดี๋ยวนี้เวลาเดินแทบจะไม่จับมือกันเลย แต่เรารู้สึกว่ามันก็เป็นความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนเดิม นุ่นอาจจะโชคดีตรงที่ข้อที่นุ่นไม่อยากกังวล พี่ท็อปก็ไม่ทำให้เรารู้สึกกังวล อย่างเช่นเขาไม่ทำให้เรารู้สึกว่าถ้าเราตัวหนาขนาดนี้ แล้วเราต้องลดหุ่นเพื่อให้เขายังรัก หรือตั้งแต่คบกันมาไม่เคยรู้สึกว่าต้องแอบส่องโทรศัพท์ อันนี้มันเป็นเรื่องพื้นฐานของชีวิตคู่ ที่นุ่นรู้สึกว่าเรื่องอื่นเธอปรี๊ดปร๊าดได้ แต่เรื่องที่มันเป็นพื้นฐานของครอบครัวเรารู้สึกว่าเราสบายใจ

ฉะนั้นถ้าถามว่าความรักมันจืดจางไหม นุ่นว่ามันแค่เปลี่ยนรูปแบบจากความสวีตมาเป็นความเข้าใจมากกว่า เราอยู่ด้วยกันและแน่นแฟ้นด้วยซ้ำ เพราะว่ามันเป็นเหมือนพาร์ตเนอร์ สำหรับเราคือโคตรมั่นคง หมายถึง ณ โมเมนต์นี้นะคะ เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตข้างหน้ามันจะมีอุบัติเหตุในชีวิตคู่หรือเปล่า แต่วันนี้เรารู้สึกสบายใจมากๆ แล้วก็รู้จังหวะการใช้ชีวิตด้วยกัน เขาสามารถทำอะไรก็ได้ เราก็สามารถทำอะไรก็ได้ แล้วก็แชร์และรับผิดชอบด้วยกัน นุ่นว่ามันเป็นวัย 40 ที่กำลังดีค่ะ ซึ่งน่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกจะได้ไม่ต้องทะเลาะและร้องไห้กันมาก แต่ก็นั่นแหละบางทีมันก็ต้องรอให้อายุมากขึ้นถึงจะตกตะกอน”














กำลังโหลดความคิดเห็น