xs
xsm
sm
md
lg

สู้สุดซอย “กรรชัย” ทุบ “ปู มัณฑนา” โบ๊ะบ๊ะหมิ่นประมาท? จวก “ฟิล์ม” อย่าโทร.หาใครดิสเครดิต ไม่ผิดจะขอโทษทำไม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หนุ่ม กรรชัย” เคลียร์ ค้อนทุบปู อย่าคิดเยอะ แค่อยากกินอาหารทะเล ไล่ “ปู มัณฑนา” ให้ถามนักกฎหมาย โบ๊ะบ๊ะหมิ่นประมาทตรงไหน กร้าวหากพิสูจน์ว่าไม่ได้หมิ่นประมาท พร้อมสู้สุดซอย ฟ้องกลับแจ้งความเท็จ ลั่นใจดีกับคนมีเหตุผลเท่านั้น บอกเรื่องปูจิ๊บๆ เรื่อง “ฟิล์ม” สำคัญกว่า เตือนคนติดคุกไม่ใช่ทนาย ปรามไม่ต้องโทร.หาใครมาดิสเครดิต เพราะเขารำคาญ ไม่ผิดจะขอโทษทำไม 

มีเรื่องให้ “พี่หน่วง” หรือ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” แห่งรายการโหนกระแสให้ขึ้นโรงขึ้นศาลได้ตลอดเวลาจริงๆ ก่อนหน้านี้ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ควง “ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช” ไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท ล่าสุดวันนี้ฝั่งของนักแสดงสาวรุ่นใหญ่ “ปู มัณฑนา หิมะทองคำ” ก็ขึ้นโรงพักแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมกับ “ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล” ฐานทำให้ถูกเกลียดชัง เสียหายแก่ชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน

ล่าสุดวันนี้ “หนุ่ม กรรชัย” ได้ออกมาเปิดใจกับเรื่องทั้งหมดในงานแถลงข่าว ทรูออนไลน์ เน็ตบ้านไฟเบอร์อันดับ 1 ณ ชั้น 3 True Branding Shop @ ICONSIAM ซึ่งก่อนที่จะมาร่วมงานนั้นเจ้าตัวได้มีการโพสต์ภาพค้อนกำลังทุบก้ามปูอยู่ แต่ไร้แคปชั่น งานนี้ทำชาวเน็ตเข้าไปเมนต์กันสะเทือน โดย หนุ่ม กรรชัย ยืนยันว่าตนไม่ได้เข้าข้างทนายแก้ว แถมยังอยู่ข้างปู มัณฑนาด้วยซ้ำ จึงได้ถามทนายแก้วแบบนั้นในรายการ

“เรื่องล่าสุดที่โพสต์ อยากกินปู ก็คือเป็นคนชอบกินอาหารทะเล ลงไปก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ก็คือแค่อยากกินปู เวลากินปูก็ต้องทุบปูก่อน แล้วก็จิ้มน้ำจิ้มเท่านั้นเอง อย่าคิดกันเยอะ ถามว่าต้องไปกินแถวทองหล่อไหม ไม่จำเป็นครับ ปูมีเยอะแยะมากมาย กินที่ไหนก็ได้ แต่ทองหล่อก็น่าจะดีนะ กินเมื่อไหร่ก็ได้ ทุกเมื่อ

คือที่เขาเข้าไปแจ้งความหมิ่นประมาท จริงๆ แล้วก็งงอยู่เหมือนกัน ต้องแยกกันก่อนนะครับเรื่องของภาพที่ลง จะลงอะไรก็เป็นสิทธิของผม แต่เรากำลังพูดถึงเรื่องราวของคุณปู มัณฑนาที่ได้มีการไปแจ้งความผมกับทนายแก้วที่สน.ทองหล่อ เรื่องนี้ต้องเรียนแบบนี้นะครับว่าเป็นสิทธิของคุณปู ที่คุณปูจะเข้าใจว่าผมไปหมิ่นประมาท หรือจะไปร่วมกับทนายแก้วหมิ่นประมาท เป็นสิทธิของคุณปูเลย แต่ต้องบอกคุณปูด้วยว่าข้อเท็จจริงที่มันเกิดขึ้น ผมก็เชื่อว่าไปถามนักกฎหมายหลายๆ ท่านคงจะรู้นะครับว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ผมจะไปสนับสนุนหรือจะไปหมิ่นประมาท เท่าที่ผมทราบมาเหมือนกับคุณปูก็พยายามที่จะไปบอกว่าผมใช้คำว่าโบ๊ะบ๊ะ หรือไปสนับสนุนให้ทนายแก้วพูดคำว่าโบ๊ะบ๊ะมันคืออะไร

ผมน่ะยืนอยู่ข้างคุณปูด้วยซ้ำนะ ผมถามทนายแก้วให้ในรายการว่าแก้ว มันมีคนมาบอกว่าคุณไม่คืนเงินไปคืนเขาทั้งหมด คุณคืนไปแค่แสนเดียว คุณเหลือ 5 หมื่นทำไม แก้วเขาก็บอกว่ามันเป็นเพราะอย่างนี้ครับ ผมทำงานไปแล้ว เท่าที่จำได้นะ หลังจากนั้นผมก็บอกว่าอ้าว คุณเป็นทนายความ คุณไม่โบ๊ะบ๊ะเลย เท่าที่ทราบมาเขาบอกคุณไม่โบ๊ะบ๊ะ คุณต้องโบ๊ะบ๊ะ คุณต้องเร่งรีบ คุณต้องจัดการให้มันเร็วหน่อยอะไรแบบนี้ แก้วเขาก็บอกว่าไม่ได้หรอกครับ จะให้เขาไปโน่นไปนี่ไปด่าคน ผมทำไม่ได้”

ฝากให้คิดว่าดูข้อกฎหมายดีๆ เพราะคนที่จะติดคุกไม่ใช่ทนายความ แต่คนคนที่แจ้งข้อกล่าวหา
“ถามว่าผมผิดตรงไหน ถ้าเกิดว่าผมจะผิดในการตั้งคำถามในฐานะคนเป็นสื่อ ว่าทำไมคุณถึงไม่เอาเงินไปใช้เขา คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ผิดหมดนะ เพราะคุณเป็นสื่อ คุณต้องตั้งคำถามเหมือนกัน อย่างคุณมาถามผมอย่างนี้ ผมก็ต้องตอบว่ามันมีข้อเท็จจริงอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมก็ตอบไป ถึงเวลาเราตอบเสร็จกลายเป็นคุณไปแจ้งความ มันแฟร์กับทางสื่อทุกคนไหมล่ะ ผมว่ามันไม่แฟร์ เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นไรครับ เป็นสิทธิของคุณปู แต่สุดท้ายถ้าเกิดว่ามันถูกพิสูจน์ไปแล้วนะครับว่าผมไม่ได้หมิ่นประมาทคุณ เรื่องนี้ผมก็ไม่ได้ปล่อยผ่านนะครับ ผมจะใจดีกับคนที่มีเหตุและผล แต่ถ้าคนไม่มีเหตุและผล ผมไม่ใจดีด้วยนะครับ ผมก็คงจะต้องมีการดำเนินคดีกลับ ในข้อหาที่คุณไปแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา

คุณลองไปเปิดข้อกฎหมายดูดีนะๆ ครับ หรือไปถามทางทนายของคุณดูนะครับ คือคุณต้องเข้าใจอย่างนึงนะว่าในบางครั้งคุณได้รับการปรึกษาจากใครมาผมไม่ทราบ แต่เวลาติดคุกเนี่ย ผมบอกเลยนะว่าทนายไม่ได้ติดนะ คือตัวความต่างหากที่เป็นคนจะติด เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรคุณคิดให้ดีๆ นะครับ”

บอกถ้าอยากมาออกรายการก็แค่บอกมา แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว
“คือต้องบอกอย่างนี้นะครับว่าโหนกระแสส่วนใหญ่มักจะถูกกล่าวอ้างอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เอะอะอะไรก็ต้องโหนกระแส คือผมก็ต้องขอบคุณทุกๆ คนนะครับ (ยกมือไหว้) ขอบคุณจริงๆ ที่ทุกคนคาดหวังกับรายการโหนกระแส คาดหวังกับผม แต่ผมเองได้มีการพูดไปหลายๆ ครั้งแล้วว่า โหนกระแสไม่ได้เป็นผู้ถือกฎหมายนะครับ เราไม่ใช่ศาล เราไม่ใช่ตำรวจ เราเป็นแค่กระบอกเสียง แต่กระบอกเสียงก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องนำเสนอหรือต้องพูดให้กับเรื่องราวทุกเรื่องราวของสังคม เพราะเรามีรายการอยู่แค่ 1 รายการ มีพิธีกรอยู่คนเดียว แล้วออกรายการอาทิตย์ละ 5 วัน มันก็มีเรื่องราวที่คนร้องเยอะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจในมุมของจุดยืนของรายการด้วย

เพราะฉะนั้นในเรื่องของคุณปูมาพูดบอกว่าโหนกระแสไม่ได้นำเสนอ โอ้โห ผมไม่อยากนำเสนอเหรอ ผมอยากนำเสนอจะตาย คุณปูก็บอกมาสิว่าคุณปูอยากมาออก ผมก็อยากให้มาออก ผมก็ได้เรตติ้ง คุณเป็นตัวเรตติ้งอยู่แล้ว ทำไมใครจะไม่อยากได้ แต่ผมไม่ทราบว่าคุณอยากจะมา ถ้าผมรู้ว่าคุณอยากจะมาผมเชิญคุณอยู่แล้ว แต่วันนี้มันผ่านจุดนั้นไปแล้ว วันนี้มันเป็นเรื่องของคดีความแล้ว เพราะฉะนั้นคงย้อนกลับมาไม่ได้”

บอกไปทำให้เสียชื่อเสียงตรงไหน คำว่าโบ๊ะบ๊ะเป็นการพูดกับ “ทนายแก้ว” ด้วยซ้ำ
“เรื่องการคืนเงินไม่เคยติดต่อไป เพราะอยู่ดีๆ เขามีการโพสต์ถึงคนใดคนนึง ผมก็ไม่รู้ด้วย ตอนหลังถึงเพิ่งมารู้ว่าเป็นทนายแก้ว ผมก็เลยถามทนายแก้วว่าเกิดอะไรขึ้นในรายการ เขาก็เล่าให้ฟังแบบนี้ ผมก็ยังพูดในรายการว่าถ้าคุณปูพร้อมคุณก็มาออกได้ จะได้มาเจอกัน จะได้คุยให้มันจบกันไป เห็นว่าอยากจะมาออกก็มาได้ ผมก็พูด ผมจะไปนั่งหมิ่นประมาทคุณเรื่องอะไร คุณไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผม และผมก็ไม่ได้ไปจงเกลียดจงชังอะไรคุณ และเราก็เคยรู้จักกันมาก่อน มันไม่ใช่เหตุผลครับ แต่มันก็เป็นสิทธิของคุณปูที่คุณปูจะเข้าใจแบบนั้น หรือฟังใครมาก็เป็นสิทธิของคุณปู

ผมทำให้เขาเสียชื่อเสียงตรงไหนผมยังคิดไม่ออกเลย ถ้าบอกว่าหมิ่นประมาททำให้คนเกลียดชัง ตรงไหนล่ะ คำว่าโบ๊ะบ๊ะ คำที่ผมบอกว่าแก้ว คุณรับเงินเขามา ทำไมคุณไม่จัดการให้เขา คุณไม่โบ๊ะบ๊ะให้เขาเลย คำว่าโบ๊ะบ๊ะคืออะไร คือทำไมคุณไม่รีบจัดการ จังหวะคุณมันไม่ได้เหรอ คุณต้องรีบทำให้เขาสิ หมิ่นประมาทตรงไหน ถ้าผมเข้าข้างทนายแก้ว ผมจะไม่ถามแบบนั้นทนายแก้วหรอก ถ้าผมเป็นแก้ว ผมโดนถามแบบนั้น ผมอายนะ คุณไม่คืนเงินเขาเหรอ ธรรมดาเขาบอกทนายคนอื่นพันเดียวเอง คุณไปเรียกเขาแบบนี้คุณเกินไปหรือเปล่า นี่ผมเข้าข้างทนายแก้วเหรอ”

บอกถ้าหมายมาก็พร้อมฟ้องกลับทันที
“กับทนายแก้วผมก็ใช้มาตรฐานความเป็นโหนกระแสเหมือนกัน แต่มันอาจจะเป็นสไตล์ของผมที่ถาม แต่ผมก็ต้องการให้ได้รู้ข้อเท็จจริงว่าตกลงแก้วเอาเงินเขามาแล้วไม่คืนเขาจริงไหม แต่ถ้าคุณปูรู้สึกว่าเขาเสียหายกับคำตอบของทนายแก้ว มันเป็นสิทธิของเขาไงครับ แต่ผมก็มองว่าทนายแก้วเขาก็มีสิทธิชี้แจง เพราะในวันที่มีการโพสต์ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่ทนายแก้วเขาก็เสียหายนะในมุมของเขา ว่าในเมื่อผมรับงานมาแล้ว แล้วคุณมาเลิกไม่ให้ผมทำ ผมก็คืนเงินจำนวนนี้ไป แต่อีกส่วนนึงผมก็เก็บไว้ ส่วนคุณปูจะเอาคืนหรือไม่เอาคืนเรื่องของเงินก็เป็นสิทธิของคุณปู แต่ตัวผมเองไม่เกี่ยว ผมเป็นแค่สื่อและถามให้แค่นั้นเอง

ก็ถ้ามีหมายมา ผมก็ฟ้องกลับเท่านั้นเอง ถามว่าเตรียมรับมือยังไง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรับมืออะไรเลยครับ ว่าไปตามข้อเท็จจริงเลย และผมเชื่อว่าประชาชนคนไทยก็เห็นอยู่แล้ว คนที่ดูรายการเห็นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องนักกฎหมายด้วย คือเห็นอยู่ก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร ผมไม่ได้ไปพูดนะว่าคุณปูเขาอย่างนั้นอย่างนี้ คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ทำไมถึงบังคับทนายแก้ว ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้พูดแบบนั้นนะ คุณไปดูซะใหม่ครับ คดีนี้ก็จะฟ้องกลับข้อหากลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทางอาญา สำหรับผม ผมมองแบบนั้น

ถามว่ากับคุณปูรู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือเคยร่วมงานกันไหม ผมไม่ได้สนิทกับคุณปูนะครับ แต่เคยรู้จักอาจจะผ่านๆ แต่เห็นเขาบอกเขาเป็นดาราดัง แต่ผมไม่ดังไง ผมก็เลยอาจจะเอื้อมไม่ถึง ก็ไม่รู้ ตอนนี้มันเกินการไกล่เกลี่ยไปแล้วครับ และผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไกล่เกลี่ยกับคุณด้วย ในเมื่อคุณมาแจ้งความผม บอกว่าผมไปหมิ่นประมาทคุณ ก็ว่าไปตามสิทธิของคุณเท่านั้นเอง ผมก็ว่าไปตามสิทธิของผม แล้วเดี๋ยวก็ไปดูกันว่าข้อเท็จจริงมันเกิดอะไรขึ้น คือสุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าตำรวจเองก็น่าจะมีดุลยพินิจว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นคืออะไร”

เผยเรื่อง “ปู” แค่ขี้ผง ไม่ได้สนใจ แต่กับ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตนให้ความสนใจมาก
คือเรื่องของคุณปู ผมถือว่าผมพูดจบแล้วนะ ก็ถือว่าเป็นไปตามนั้น ก็มาพูดถึงเรื่องของคุณฟิล์ม เรื่องนี้ผมให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องของคุณปู ผมว่าเรื่องของคุณปูเนี่ยขี้ผง ผมไม่ได้สนใจ แต่เรื่องของคุณฟิล์มเนี่ย ผมสนใจ เพราะจริงๆ แล้วผมก็อยากให้คุณฟิล์มลองกลับไปคิดทบทวนให้มันดีๆ เพราะว่าถ้าทุกคนในประเทศไทยยังจำกันได้นะครับ ผมเป็นคนเปิดคลิปๆ นึงขึ้นมา ในนั้นมันมีชื่อของหนุ่ม กรรชัยปรากฎอยู่ ก็คือรายการโหนกระแสจะเอาทางฝั่งของบอสพอล (วรัตน์พล วรัทย์วรกุล) มาออกรายการ แล้วพี่หนุ่มเขาจะเขียนให้ คุณกฤษอนงค์จะเขียนให้ หาทางลงให้สวยๆ เลย และมีเสียงผู้ชายคนนึงบอกว่าตอนนี้พี่หนุ่มเขายังไม่สามารถจะคุยด้วยได้หรอก เพราะทางโน้นเขาอยากจะคุยกับพี่หนุ่ม ผู้ชายคนนั้นก็เลยบอกว่าเนี่ยแหละครับเดี๋ยวผมจัดการให้ ก็คือโน่นนี่ต่างๆ นานา คือจัดการเป็นธุระให้เรียบร้อย และสุดท้ายมีการบอกอีกว่า 20 ล้านครับ

คือคนไทยไม่ได้โง่นะครับ คนไทยกินข้าว และผมมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนได้ยิน ผมใช้คำว่าวิญญูชนที่ฟังจะเข้าใจเลยว่าสิ่งที่เขากำลังพูดถึงมันคืออะไร และในนั้นมันคือผม ผมย้อนถามกลับไปว่าวันนั้นทำไมผมถึงเปิดคลิปนี้ ผมมีเหตุผลครับ วันนั้นผมกำลังดำเนินรายการเรื่องราวของดิไอคอนอยู่ ผมถามว่าถ้าคลิปนี้ตกอยู่ในมือของคู่กรณีของผม หรือคนอื่นๆ ที่ต้องการจะทำร้ายผม หรือทำลายผม เขาเปิดมาแล้วบอกว่าอ้าว หนุ่ม กรรชัยกับนักร้องดังคนนี้มันร่วมมือกัน แล้วไปเรียกเงินเขาเนี่ย ผมเสียไหมครับ ลูกผมจะมองหน้าเพื่อน มองหน้าพ่อแม่เพื่อนเขายังไง มันกลายเป็นพ่อเขาไปเรียกรับเงินจากชาวบ้าน มันไม่เป็นธรรมครับ”

บอกเป็นฝ่ายออกมาขอโทษและยอมรับผิดเอง แต่กลับมาแจ้งความตน
“ผมเองในฐานะที่มีส่วนได้เสีย ผมก็จำเป็นที่จะต้องเปิดคลิปนั้นขึ้นมา และวันนั้นผมไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยว่าเป็นใคร ผมดูดเสียง ผมไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยว่าเป็นนักร้องท่านหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ววันนั้นจำกันได้ใช่ไหมครับ พอผมเปิดคลิปนั้นไป ไม่เกิน 2-3 ชม. คุณฟิล์มเองเป็นคนวิ่งไปที่ช่อง 8 เอง แล้วไปขอสัมภาษณ์ที่ช่อง 8 กับอาจารย์ยิ่งศักดิ์ (ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์) และออกมาแถลงข่าว คุณได้ยินใช่ไหมว่าคุณฟิล์มพูดว่าอะไร คุณฟิล์มบอกว่าผมต้องขอโทษพี่หนุ่มด้วยครับ ที่ผมเอาชื่อพี่หนุ่มไปพูด ทุกคนได้ยินหมดนะครับ

ผมถามว่าวันนั้นขอโทษ ถ้าคุณไม่ผิดคุณขอโทษผมทำไม ผมถามกลับไปนะคุณฟิล์ม คุณขอโทษผมทำไมถ้าคุณไม่ได้ผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องว่าคุณไปตบทรัพย์ หรือคุณจะบอกว่าเป็นงานอีเวนต์อะไรก็แล้วแต่ อีเวนต์ก็ได้ แต่คุณมีสิทธิอะไรที่เอาชื่อผมไปโกหกคนอื่น หรือไปบอกคนอื่นว่ากรรชัยเรียก 20 ล้าน แล้วคุณออกมาขอโทษผมด้วยเรื่องนี้ คล้อยหลังไปแค่ 2 เดือนกว่า คุณไปแจ้งความผมที่ห้วยขวาง ผมยังไม่เห็นหรอกครับว่าคุณแจ้งอะไรผมบ้าง แต่คุณก็ออกข่าวว่าไปแจ้งความผมว่าทำให้คุณเสื่อมเสียชื่อเสียง

ผมถามว่าในวันนั้นคุณขอโทษผมแล้ว แล้วคุณไปแจ้งความผมทำไม คุณต้องการอะไร คุณมีเจตนาอะไรที่จะทำร้ายผมเหรอ หรือกลั่นแกล้งผมเหรอ ให้ผมได้รับโทษทางอาญา ให้ผมได้ติดคุกเหรอ หรือยังไง หรือแก้เกี้ยวอะไรก็แล้วแต่ แต่คุณกลับไปดูนะครับเรื่องราวของข้อกฎหมาย คุณไปดูมาตรา 173 , 174 ดูก็แล้วกันนะครับว่ามันเข้าในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่หรือเปล่า ผมไม่รู้หรอกว่าทนายความหรือใครก็ตามแต่ หรือจะมีคนอื่นที่บอกคุณว่าให้คุณทำแบบนี้ ผมพูดเหมือนกับคุณปูเลยครับว่า เวลามีเรื่องทนายความไม่ได้ติดคุกนะครับ คนที่ติดคุกคือคุณนะครับ ถ้าเกิดผมเอาเรื่องคุณ คุณลองดูแล้วกัน แต่เรื่องนี้ผมบอกเลยว่าผมก็สุดซอยเหมือนกัน“

เลอะเทอะส่ายหัวบอกไม่ขอเป็นพี่น้อง ลั่นไม่ใช่พี่น้องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ผมพูดแรงตรงไหนล่ะ ไอ้การที่อยู่ดีๆ คุณเอาชื่อผมไปบอกคนอื่นว่าผมเรียกเงิน 20 ล้าน ไม่แรงเหรอ (เขาบอกไม่ขอเป็นพี่น้องด้วยแล้ว?) เขาเป็นพี่น้องกับผมยังไง ก็ในเมื่อเขาไม่ใช่น้องผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมก็ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่น้องผม แล้วคุณจะมาพูดอะไรว่าไม่เป็นพี่น้อง ส่ายหัว เลอะเทอะ ไม่มี ผมไม่ได้มีน้องคนนี้อยู่แล้ว ก็เป็นแค่คนรู้จักคนนึง เคยร่วมงานกันมาแล้วก็แยกย้ายกันไป เขาก็เรียกผมพี่ ผมก็เรียกเขาเออฟิล์ม แต่วันนี้พอมีเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่เรียกผมพี่ก็เท่านั้นเอง เรียกไอ้ก็ได้ไม่แปลก

ตอนนี้ยังไม่ได้ได้รับหมายครับ ผมรออยู่ครับ จริงๆ แล้วอาจจะไม่จำเป็นต้องหมายไปถึงบ้านด้วยก็ได้ครับ วันไหนถ้าผมว่างผมจะเดินทางไปที่สน.ห้วยขวาง ผมจะไปขอพนักงานสอบสวนดูว่ามีการแจ้งความผมยังไงหรือเปล่า ถ้าได้มีการแจ้งความดำเนินคดีผมยังไงก็แล้วแต่ ผมก็สวนตรงนั้นเลยเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องรอให้หมายมาถึงหรอก เดี๋ยววันไหนว่างๆ ผมจะไปดู”

ฝากถาม “ทนายประมาณ” ที่พูดว่า “จั_ไร” นั้น นักกฎหมายพูดได้เหรอ
“อีกเรื่องนึงไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องคุณฟิล์มแล้ว อันนี้กราบนะครับ ผมยกมือไหว้เลย (ยกมือไหว้) ขออนุญาตนะครับอาจารย์ประมาณครับ ผมก็ในฐานะที่รู้จักอาจารย์ประมาณมาก็พอสมควร และเคารพท่านนะครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามท่านนิดนึงครับ วันนั้นเห็นท่านเองพาคุณฟิล์มไปแจ้งความที่ห้วยขวาง เห็นอาจารย์พูดคำว่าจั_ไร ผมขออนุญาตถามอาจารย์ผ่านทางนี้นะครับว่านักกฎหมายพูดคำนี้ไม่ผิดเหรอครับ หรือว่าเป็นทนายความแล้วด่าคู่ความว่าจั_ไรได้

ถ้าเกิดว่าอาจารย์ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายอาวุโส ถ้าหากว่าสามารถที่จะด่าแบบนั้นได้ ดีครับจะได้เป็นบรรทัดฐานที่ทำให้นักกฎหมายคนอื่นๆ เขาออกมาแล้วก็ใช้คำพูดแบบนี้ได้ อันนี้อยากเรียนถามจริงๆ ด้วยความโง่เขลาของผม ผมอยากทราบ เพราะผมไม่ใช่นักกฎหมาย ผมเลยอยากรู้ อันนี้ฝากเรียนถามท่านด้วย ผมอยากรู้ว่าผิดหรือเปล่า เพราะเป็นถึงนักกฎหมายอาวุโสน่าจะรู้ครับ อย่างน้อยก็ให้ข้อมูลสักนิดนึง”

บอกกับ “ทนายธรรมราช สาระปัญญา” แค่แซะกันเป็นสีสัน
ทนายธรรมราชน่ะเหรอครับเรื่องกระสือ (หัวเราะ) คือจริงๆ ต้องบอกแบบนี้นะ ผมก็อยากพูดเรื่องนี้เหมือนกัน ทนายธรรมราชกับผมเนี่ยจริงๆ แล้วไม่มีอะไรกันเลย ผมมองว่าเป็นสีสัน ทนายธรรมราชเอาตรงๆ ผมก็รู้สึกว่าแกเป็นคนน่ารักนะ เวลาผมเข้าไปอำแก ไปแซะแก ไปว่าแก แกก็อำผมกลับ แซะผมกลับก็ว่ากันไป ผมว่าเป็นสีสัน แล้วแกก็ไม่บล็อกผมนะ ผมก็ไม่บล็อกแกนะ แต่มันก็ดูขำๆ แล้วแกก็ไม่ได้เกินเลยกับผมด้วย

คือแกก็ไม่ได้ล้ำเส้น แกก็อยู่ในกรอบ แต่ถ้ามันเลยกรอบไปผมก็เชื่อว่าแกคงใช้กฎหมายในการจัดการผม ผมก็ใช้กฎหมายในการจัดการเขา สุดท้ายก็ไปคุยกันในชั้นศาล ศาลบอกว่าคุณผิดคุณก็ขอโทษไป ผมก็ขอโทษก็จบ หรือเขาผิดเขาขอโทษก็จบ เราไม่ได้เอาเป็นเอาตายกันนะครับกับทนายธรรมราช แต่สำหรับคนอื่นไม่ใช่ ผมว่าอะไรก็แล้วแต่ที่มันล้ำเส้นผมเกินไปผมก็ไม่ยอม”

เตือนแจ้งความ “อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ” เหมือนฟ้องคนบ้า เพราะขุดหมดแน่
“คืออันนี้เป็นส่วนของคุณอี้ก็แล้วกัน แต่ผมฝากบอกตรงนี้ก็แล้วกัน จริงๆ แล้วการที่ไปแจ้งความผม ผมเข้าใจได้ว่าเขาอาจจะมีประเด็นทำให้เขาอะไรยังไง แต่ผมบอกเลยนะเขาไปแจ้งความคุณอี้เนี่ย ผมว่าจะแย่เอานะ (หัวเราะ) เพราะอะไรรู้ไหม เพราะคุณอี้มันเป็นคนบ้า อี้ แทนคุณน่ะเป็นคนบ้า คือเวลาที่อี้เขาทำอะไรเนี่ย เขาไล่บี้ไล่ขุดตามหาข้อมูลหาข้อเท็จจริง ผมว่าอี้นี่สุดๆ นะผมบอกเลย แล้วผมว่าเหนื่อย คือไปแจ้งความเขา อยู่ๆ ไปแจ้งคนบ้า เพราะเขาบ้าในการขุดตลอดเวลาอยู่แล้ว

ไม่มีอะไรจะฝากถึงฟิล์ม ผมเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำเขารู้อยู่แก่ใจ และมีคนเขาฝากมาบอกด้วยนะฟิล์ม ไม่ต้องพยายามโทร.ไปหาเขา จะพูดดีมั้ยเนี่ย เอาเป็นผมก็ทราบมาแล้วกันว่าคุณฟิล์มพยายามโทร.หาบุคคลบางบุคคลก็แล้วกัน เพื่อที่จะดึงเขามาดิสเครดิตผม แต่คนนั้นเขาบอกเลยว่าไม่ต้องโทร.ไปหาเขาแล้ว เพราะเขารำคาญ เขาไม่รับโทรศัพท์ แล้วก็พยายามจะไปถึงเรื่องโน่นนี่นั่นมา ผมว่ามันเลอะเทอะ”

โต้ที่ “อาจารย์ประมาณ” บอกว่าตนทำให้คนเกลียด “ฟิล์ม” ทั้งประเทศ
“มันจำเป็นต้องเป็นผมพูดเหรอ คนเขาไม่ได้เกลียดกันทั้งประเทศอยู่แล้วเหรอ ทำไมต้องเป็นผมล่ะ สิ่งที่คุณทำน่ะมันเกี่ยวอะไรกับผม (หัวเราะ) ผมก็เป็นแค่คนที่ถูกพาดพิง คุณต้องเข้าใจว่าผมถูกพาดพิง ผมถูกเอาชื่อไปแอบอ้างว่าผมไปเรียกรับเงิน 20 ล้านจากพวกคุณ ผมเป็นสื่อ ผมทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ การที่ผมเปิดเรื่องนี้ถือว่าผมเองปกป้องตัวเองตามมาตรา 329 และที่สำคัญที่สุดคุณรู้หรือเปล่าว่าเรื่องนี้ทางสอบสวนกลางหรือกองปราบเองหรือทางท่านจรูญเกียรติ ปานแก้วเนี่ย ท่านก็บอกผมเองว่าหนุ่มควรจะต้องเปิด เพราะมันมีเรื่องของความผิดของคุณกฤษอนงค์รวมอยู่ในนั้นด้วย

แล้วผมก็ได้ให้ปากคำทั้งหมด และได้แจ้งความทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมไม่ได้ทำให้ใครไปเกลียดใครครับ ผมแค่ปกป้องสิทธิของผม ส่วนผมไม่สามารถไปห้ามประชาชนทั้งประเทศเขามองคุณว่าเป็นแบบไหนได้ อย่ามาโทษผมครับ คุณต้องกลับไปดูพฤติกรรมในสิ่งที่มันเกิดขึ้นก่อน ตอนนี้กองปราบก็น่าจะดำเนินการอยู่ครับ เพราะเช็กไปล่าสุดก็บอกว่ากำลังดำเนินการอยู่”

เผยวลี “อย่ามีเรื่องกับหนุ่มกรรชัย” ไม่จริง เพราะทุกคนมีเรื่องกับตนได้เสมอ ถ้าอยู่บนข้อเท็จจริง
“ไม่หรอกครับ จริงๆ แล้วทุกคนมีเรื่องกับผมได้หมด เพียงแต่ต้องดูบริบทของข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันเกิดอะไร และผมเองก็ว้าวมากๆ กับสิ่งที่คุณมีการไปแจ้งความผม โดยการที่คุณเองก็เคยออกมาขอโทษผมแล้ว ว้าว ว้าว ว้าว ว้าว (ยิ้ม) ถามว่าหนักใจไหมหลังตรุษจีนมาโดน 2 เลย ไม่หนักใจครับ คือตัวผมเองตั้งแต่วันแรกที่ผมก้าวเข้ามาทำรายการโหนกระแส หรือมาอยู่ในวงการข่าว ผมรู้เลยว่าผมก้าวขาข้างนึงไปบนศาลแล้ว มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ผมเชื่อว่าสื่อทุกคนรู้ เพียงแต่ว่าเขาอาจจะไม่ได้ออกมาพูดหรือเป็นประเด็นขนาดนี้ ผมเชื่อว่าทุกๆ คนโดนหมด อย่างคุณพุทธอภิวรรณ (พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวช่อง 8) ผมก็เชื่อว่ามีบ้างเรื่องคดีความ แต่แกไม่ได้ออกมาพูด แต่ผมเป็นคนปากหมา ชอบออกมาพูดเท่านั้นเอง

หลายคนห่วงความปลอดภัยของผม ผมว่าคนเหล่านี้เขาคงไม่เล่นนอกเกมอยู่แล้วแหละครับ ผมเชื่อว่าเขามีสามัญสำนึกพอ มีอะไรก็ไปเล่นกันไปในเกม มีอะไรก็ไปสู้กันในกระบวนการของข้อกฎหมาย ถ้าเขาคิดว่าผมผิดก็ไปแจ้งความ ไปฟ้องศาลเอา ผมคิดว่าผมไม่ผิด ผมก็ยื่นข้อเท็จจริงเสนอไป แล้วผมก็แจ้งความกลับ ฟ้องกลับเท่านั้นก็จบ”

ยืนยันไม่ใช่ไม่อยากทำเรื่อง “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” แต่เพราะตนถูกกันเป็นพยาน ขอให้เห็นใจ รับผิดชอบไม่ไหวหากเกิดอะไรกับช่อง 3
“ถามว่า 11 ก.พ. นี้จะไปเป็นพยานให้ทาง DSI คดีแตงโมไหม เรื่องนี้ให้ฝ่ายกฎหมายเป็นคนดูแลอยู่แล้วครับ แต่จะเดินทางไปด้วยตัวเองไหม ต้องดูก่อนว่าว่างหรือเปล่า ถ้าไม่ว่างก็ให้ฝ่ายกฎหมายไป แต่ก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือนะครับ เพราะเรื่องของคุณแตงโมผมก็ให้ความร่วมมือมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คือเรื่องคุณแตงโมนี่ย้ำอีกครั้งนึงนะครับ ความจริงต้องบอกว่าไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำ แต่ช่วงนี้ผมทำไม่ได้ ผมเป็นพยานบอกเล่าในชั้นสอบสวนของคดีคุณแตงโม ในวันที่ผมทำรายการโหนกระแสเมื่อ 3 ปีก่อน ผมทำเยอะมากๆ จริงๆ แล้วผมได้สัมภาษณ์ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตำรวจก็เลยถอดสำนวนทั้งหมดจากคลิปของโหนกระแสและส่งให้อัยการและส่งไปที่ศาล

ตัวผมเองก็โดนตำรวจเรียกไปสอบว่าใครพูดยังไง อะไรยังไง ผมก็เซ็นชื่อและเป็นพยานบอกเล่าไปแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เรื่องทุกอย่างอยู่ชั้นพิจารณาแล้ว ผมเองไม่สามารถจะมีอำนาจในการออกมาทำอะไรได้อีก จนกว่าเรื่องนี้ศาลจะมีการตัดสินไปก่อน หรือมีการรื้อฟื้นเรื่องนี้โดยศาล อันนั้นผมทำได้เต็มที่เลย แต่ตอนนี้ผมขอให้เห็นใจผมด้วย ผมรับผิดชอบไม่ไหวจริงๆ ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นกับช่อง เพราะมันเป็นเรื่องราวของการละเมิดอำนาจศาลครับ”



















กำลังโหลดความคิดเห็น