ขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับที่น่าจับตามองทันที หลังจากที่นำพาภาพยนตร์ “ธี่หยด”ทั้ง 2 ภาคประสบความสำเร็จทำลายสถิติหนังไทย สำหรับ “คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา” อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายโสตฯ โรงเรียนอนุบาล เจ้าของผลงานหนังสั้นเรื่อง ขุนกระบี่ ที่กวาดรางวัลจากการประกวดหนังสั้นของคลื่นวิทยุ แฟต เรดิโอ ก้าวสู่การเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก “ขุนกระบี่ ผีระบาด” ภาพยนตร์สยองขวัญแอ็กชั่น คอมมันดี้ ที่พัฒนาโครงเรื่องมาจากหนังสั้นเรื่อง “ขุนกระบี่” กลายเป็นหนังซอมบี้ เรื่องแรกในประเทศไทย
20 ปีในชีวิตอาชีพผู้กำกับ คุ้ย ทวีวัฒน์ ล้มลุกคลุกคลาน สั่งสมประสบการณ์กว่าจะประสบความสำเร็จ วันนี้ คุ้ย ทวีวัฒน์ พร้อมผลิบานในบทบาทใหม่ กับการขึ้นแท่น CEO ค่ายหนังน้องใหม่ 13 studio ที่จะสร้างจักรวาลหนังผีไทยไปบุกตลาดโลก
“ค่าย 13 studio เริ่มจากเฮียจุ้ย พระนครฟิลม์ (ธนพล ธนารุ่งโรจน์) เขาชวนผมมาทำแร้งวัดสระเกศเปรตวัดสุทัศน์ ก็คุยกัน รู้สึกว่ามีความน่าสนใจ พอหลังจากคุยเสร็จ เฮียเขาก็ถามว่าผมอยากทำอะไรอีกไหม ผมเลยบอกว่าอยากเปิดค่ายหนังสยองขวัญ เฮียเลยบอกมาเปิดกัน มันก็เลยง่ายๆ แบบนี้เลย เราก็เลยได้เปลี่ยนบทบาทใหม่
เฮียจุ้ยแกดีมากๆ เลยนะ ทำไมผมถึงเพิ่งมาเจอแก แกเป็นนายทุนที่น่ารักมาก แกบอกผมว่าอะไรไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องทำ เอาให้ดีที่สุดแล้วค่อยทำ แกไม่รีบอะไรเลย มันถูกจริตกับคนที่ทำงานตรงนี้มาก เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรกดดัน สิ่งที่เราจะทำก็เอาให้ดีที่สุดค่อยทำ แกไม่ได้เร่งงานเราต้องทำอันนี้เพื่อวันนี้ แกบอกว่าแกมีหน้าหนังอยู่ประมาณ 13 เรื่อง ในความรู้สึกผมคือไม่เอา แต่ผมไม่ได้พูดออกไป แล้วผมก็คิดโปรเจ็กต์ไปนำเสนอ ซึ่งแกก็ไม่ได้ว่าอะไร
แกมองว่ามันเป็นแบรนด์ที่เราอยากทำ แกเข้าใจและแกสมัยใหม่ สิ่งที่แกแจ๋วที่สุดคือแกรู้ตัวเองตลอด เช่น พระนครฟิลม์ แกรู้สึกว่ามันเป็นแบรนด์ Local เป็นแบรนด์ที่ไม่สามารถเจาะกลุ่มวัยรุ่นได้แล้ว แกพูดเองเลยว่าคนข้างนอกเขามองว่าเราเชย แกรู้ตัวแล้วก็มาถามผมว่าคุ้ยจะทำยังไงได้บ้าง ผมก็บอกว่าหยุดๆไป แล้วก็เปิดบริษัทใหม่ แล้วก็ให้คุ้ยดูแล ในทุกอย่างแกรู้ตัวหมด เข้าใจทุกอย่าง ซึ่งแกยังอยากจะพัฒนา ความกดดันเลยมาอยู่ที่ผม มองหน้าแกแล้วไม่อยากให้หนังที่แกไว้วางใจเรา ทำออกมาแล้วไม่ได้เงิน อยากจะให้มันได้เงินทุกเรื่อง”
น้อมรับความสำเร็จของ “ธี่หยด” ทำให้ฝันเป็นจริง ได้ขึ้นแท่นผู้บริหาร ได้เป็นเจ้าของค่ายหนัง
“ผมก็กดดันแหละ ตอนที่ผมทำธี่หยดผมก็เป็นตัวเอง ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย ผมก็ยังทำแบบนั้นเหมือนเดิม เผอิญว่ามันโชคดีที่มันทำเงิน สิ่งที่ผมจะทำต่อไปจากนี้ผมก็ยังจะทำเหมือนเดิมอยู่ ผมคงจะไม่ไปเปลี่ยนอะไร ก็เลยรู้สึกว่ามันจะกดดันไปไหมที่เราเป็นตัวเอง ก็ยังงงๆ อยู่ มันก็ควรจะกดดันแหละนะ ก็อาจจะเป็นการก้าวเดินที่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกและเป็นตัวเองดีกว่า
(คนจดจำเราในนามผู้ที่ประสบความสำเร็จจากเรื่องธี่หยด อยากให้คนจดจำแบบนี้หรืออยากให้จดจำว่าเราคือผู้บริหาร?) เขาบอกว่าลูปความสำเร็จมันใช้ได้ประมาณ 10 ปี ผมขอใช้ก่อนครับ ผมจะได้ทำมาหากินได้ยาวๆ ผมไม่ติดเลยครับ ได้เลย จากจุดเริ่มต้นของผม ในภาพยนตร์ ขุนกระบี่ ผีระบาด จนวันนี้ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน บางคนก็บอกว่าผมน่าจะเข้าใจโลกมากขึ้น บางคนก็บอกผมเหมือนเดิม แต่ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำอาจจะด้วยประสบการณ์ด้วย
เรารู้สึกว่าเป็นฝันที่อยากทำ ตอนเป็นเด็กผมอยากเป็นผู้กำกับ แล้วตอนที่ผมเป็นผู้กำกับผมอยากเปิดบริษัทหนังแค่นั้นเลย ตอนเรากำกับเราเป็นตัวเองเต็มที่ แต่นี่มาเป็นผู้บริหารด้วย ก็มีหลายอย่างให้ต้องเรียนรู้ เฮียจุ้ยบอกว่าเดี๋ยวมาเรียนการบริหารนะ แกจะเป็นคนสอนให้ผมเองเลย แล้วก็ยังมีเรื่องการวางบุ๊กกิ้งหนังที่เราเองก็ต้องไปเรียนรู้”
หวังพาจักรวาลหนังผีไทยค่าย “13 studio” บุกตลาดโลก
“ไประดับโกบอลครับ ไม่ใช่แค่เอเชีย เราอยากจะไปให้ได้หมดทั่วโลก พระนครฟิลม์ยังตีตลาดต่างประเทศไม่ได้ หนังที่เป็น Culture ตลอด มันยังไม่เป็นสากลพอ จนมาเปิดบริษัทนี้ เราเริ่มไปจองบูธฮ่องกงฟิล์มมาร์เก็ต เริ่มจะทำโน่นนี่ที่จะลุยไปเปิดดีลเลอร์ที่ฉายหนังที่ต่างประเทศ หลักๆเราก็ยังมองเอเชีย อย่างมาเลเซีย เวียดนาม เพราะเป็นตลาดที่หนังไทยไปทำรายได้ไว้สูงมากๆ 100 ล้านกันหลายเรื่อง เราก็อยากจะไปตรงนั้นครับ
ที่เราทำอยู่มันคือการสร้างแบรนด์ใหม่ คนที่ยังรักและชื่นชอบงานพระนครฟิลม์ ก็ยังชื่นชอบกันได้ต่อไป เพราะแบรนด์นั้นก็ยังอยู่ แต่ 13 Studio เป็นแบรนด์ใหม่ที่เราจะเจาะตลาดหนังสยองขวัญล้วนๆ เราจะทำหนังสยองขวัญอย่างเดียว และออกนอกปนะเทศ การตัดสินใจและการครีเอตงานมันจะอยู่กับพวกเราและทีมงานที่จะช่วยกันคิดช่วยกันทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เราไม่รีบ ไปช้าๆ ค่อยๆ เดินแบบเจียมเนื้อเจียมตัว”
เตรียมปฎิวัติหนังผีไทยก้าวสู่ความเป็นสากล ลดมุกตลกสไตล์ไทยๆ ในหนัง เปลี่ยนเป็นการใส่มุกตลกที่เป็นสากล ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
“จริงอยู่ที่เราอยากไปทั่วโลก แต่ในเรื่องการตลาดเรามองที่คนไทยก่อนอยู่แล้ว เพียงแค่สิ่งที่เราจะเล่ามันต้องเป็นภาษาสากลเพื่อที่จะไปต่อต่างประเทศได้ เช่น มุกตลก คำพูด อาจจะต้องมีลดน้อยลงแน่ๆ เพราะถ้ามันมีทั้งเรื่องมันไม่สามารถไปต่อต่างประเทศได้แน่ๆ เพราะความสากลมันน้อย และมันต้องค่อยๆ แอบใส่วัฒนธรรมเข้าไปในการสร้างมุกตลกที่เป็นสากล ที่สามารถเข้าใจกันได้ทั้งหมดเลย นี่คือเมนหลักที่เราอยากจะให้มันเป็น ผมเชื่อว่าถ้าปรับเป็นสากลคนไทยก็สามารถรับรู้ได้ เข้าใจได้ เราขายความคิดสร้างสรรค์
13 studio เราเป็นค่ายหนังสยองขวัญที่ขายไอเดียที่มีความแปลกใหม่และเน้นความสนุกสนาน เรามองว่า สิ่งที่เราอยากให้แบรนด์เราชัดเจนและเป็นจุดแข็งมากที่สุด ก็คือสิ่งที่เราชอบนั่นก็คือหนังสยองขวัญ ก็เลยอยากเปิดบริษัทที่ทำหนังสยองขวัญอย่างเดียว เพราะจริงๆ แล้วหนังสยองขวัญ ไม่จำเป็นต้องระเบิดตึกหลายๆ ตึก ไม่จำเป็นต้องมีไดโนเสาร์ เขาวัดกันที่ไอเดีย และก็บีทในการเล่าเรื่องสยองขวัญ ผมรู้สึกว่าถ้าอย่างนี้เราสามารถขึ้นไปต่อยได้แหละ น้ำหนักเราน่าจะเท่ากันแล้ว เลยมีความรู้สึกน่าสนใจเหมือนกัน
ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เราจะต้องขยันคือเราต้องขยันคิด ขยันหาไอเดียใหม่ๆ ผมพยายามดูทุกอย่าง แม้กระทั่งการ์ตูนเพื่อศึกษาเทรนด์สยองขวัญว่าเทรนด์ต่อไปมันจะเป็นอะไรที่เราจะเอาไปเล่าเรื่องใหม่ๆ ได้ จริงๆ แล้วหนังสยองขวัญเป็นการขายไอเดียจัดๆ เลย อยู่ที่วิธีการเล่าเรื่อง สิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับมันก็คือตัวคอนเทนต์ต้องดูสด แปลกใหม่ มันไม่ใช่หุ้นที่เราอ่านหนังสือวันนี้แล้วไปซื้อได้เลย หนังมันต้องใช้เวลาคิดและคำนวณว่าถ้าทำแล้วเอาไปฉายปีหน้ามันจะยังได้อยู่ไหม ความสดใหม่คือสิ่งที่ยากที่สุด”
สูตรในการทำหนังให้ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบันคือตัวงานดีต้องมาอันดับ 1 รีวิวไม่หลอกคนดู
“หนังที่ประสบความสำเร็จยังไม่มีสูตรสำเร็จนะ มีหลายๆ คนที่พยายามจะหาสูตรนี้ แต่ก็หาไม่ได้ สูตรเดียวที่คิดได้คือตัวงานต้องดี ตัวงานต้องสุดทาง ตัวงานต้องตอบโจทย์ก่อนแล้วมันถึงจะไปได้ คือมันอาจจะมีหนังบางเรื่องที่การพีอาร์ดี มีสื่อโซเชียลครบวงจรทุกอย่างแต่ก็ไม่รอดก็มีด้วยตัวงานของมัน ผมเชื่อว่าตัวงานต้องมาอันดับหนึ่ง
ตอนที่เราทำเราก็วิตกและกังวลตลอดว่ามันจะประสบความสำเร็จไหม เราก็ตื่นเต้นไปกับมัน บางแว๊บก็คิดว่ามันจะเป็นจุดจบของเราหรือเปล่า สิ่งที่คนคาดหวังเราจะทำมันพังหรือเปล่านะ มันไม่มีสูตรอะไรเลยจริงๆ คือใช้ความสด ใช้จังหวะ ใช้ความรู้สึกล้วนๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็จะจบกันที่บทไปแล้ว บทมันจะเป็นตัวบอกประมาณนึงว่าจังหวะการเล่าเรื่องมันน่าจะโอเค เพียงแค่มันจะตอบโจทย์คนในตอนนั้นรึเปล่าก็อีกเรื่องนึง
เดี๋ยวนี้เราน่าจะใช้หน้าหนังมาตีหัวคนดูไม่ได้แล้ว มันมีทั้งหลายโซเชียล มีทั้งติ๊กต๊อก มีทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี ทุกคนพร้อมที่จะสปอย ทุกคนที่อยากจะดูหนังวันแรกแล้วพร้อมที่จะรีวิว คนเราน่าจะเชื่อในเฟิร์สในการดูของคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักวิจารณ์แล้ว ว่าสนุกไม่สนุก คุ้มเงินไม่คุ้มเงิน ผมว่าปากต่อปากก็มีส่วนที่จะทำ เหมือนถ้าหน้าหนังตีหัวเข้าบ้าน เหมือนหลอกคนดู แล้วคิดว่ากว่าที่มันจะกระจายข่าวว่าหนังดีไม่ดีสัก 4-5 วัน มันก็ฟาดเรียบแล้ว ประเด็นนี้น่าจะน้อย
ถ้ามานั่งศึกษาเรื่องของตลาด ปีนี้เหมือนหนังเปิดเยอะ แต่การคาดการณ์มันอาจจะยังไม่ฟู่ฟ่าเหมือน 2 ปีที่แล้ว มันจะมีหนังที่ได้และไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นหนังที่ได้ก็อาจจะเป็นหนังที่มีฟอร์ม มีทรงหน่อย และตอบโจทย์คนที่อยากดู การเติบโตมันคงมีแหละ เพราะหนังมันมีเยอะกว่า และมันก็จะมีหนังที่ได้เลยกับไม่ได้ก็มี ก็น่าตื่นเต้นอยู่”
13 studio พร้อมปล่อยหนัง 7 เรื่อง 7 รส+1
“7 เรื่องที่เราเตรียมโปรเจกต์ไว้แล้วก็มีหลากหลาย 7 เรื่องใช้เวลาทั้งหมด 3-4 ปีได้ ก็จะมี 'สแคร์รั่ว มูฟวี่' จะมาแรงสุด เพราะจะเป็นการล้อเลียนหนังดังๆ ของไทยตั้งแต่ต้นปีที่แล้วจนถึงปีนี้ เราล้อตั้งแต่หลานม่า วิมานหนาม วัยหนุ่ม ธี่หยด ทุกอย่างจะอยู่ในเรื่องเดียวกัน เดี๋ยวดูเรื่องย่อจะรั่วมาก แต่อันนี้ตลาดต่างประเทศไปยากแน่นอน แต่เรารู้สึกว่ามันสนุกมาก เราอยากทำ
'First Camping' จะเป็นหนังเด็ก การเข้าค่ายครั้งแรกแล้วเจอผี อันนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนเราดูเรื่อง It, Stranger Things, The Black Phone ผีจริงๆ ดุจริงๆ สนุกและกวนประสาทจริงๆ เป็นเด็กเกรียน กาวๆ หน่อย เรื่องนี้ก็จะเป็นอีกช่องนึงที่แตกต่าง
'กฤษดา พาราไดซ์' ถ้าได้ดูพี่นาคมาก็จะรู้ว่าผู้กำกับขายสไตล์ จะมีเซอร์วิส มีดาราตัวจี๊ดๆ ที่เราจะเห็นแฟนคลับมาเยอะๆ คือหนังเรื่องนี้เลย มีทั้งน้องโฟร์ท น้องยอร์ช แล้วก็มีความตลก เฮฮา สไตล์ พี่ไมค์ ภณธฤต รับรองว่าน่าจะตอบโจทย์ หนังเรื่องนี้น่ากลัวนะ มันจะเล่าถึงการที่เด็กคนนึงสูญหายในสวนสนุก แล้วเด็กกลุ่มนึงต้องไปตามหาเด็กคนนี้ แล้วเจออาถรรพ์บางอย่าง ความน่ากลัวบางอย่างที่เกิดขึ้น
'Attack วิญญาณเลขที่13' ก็จะพูดถึงวัยรุ่น วัยรุ่นนี้เราจะให้รีมายด์ ให้นึกถึงเรื่องทองสุก 13 เรื่องนี้จะเป็นวัยรุ่นเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิง เล่าเรื่องของการบูลลี่ แต่เราก็เล่ามุมกลับ เดี๋ยวภาพหนังก็น่าจะหลอกคนดู คิดว่าคนที่โดนบูลลี่แล้วกลายเป็นผี แล้วกลับมาเอาคืน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ เราเล่าว่าคนบูลลี่ดันมาตาย แล้วเป็นผีจะบูลลี่ขนาดไหน หนักกว่าเดิม คือจะเล่ามุมกลับ
'สมิงที่เสิงสาง' ก็จะเป็นการต่อยอดเหมือนคนดู ธี่หยด 2 อยากดูอะไร ก็จะอยู่สมิงที่เสิงสางทั้งหมดเลย ความบันเทิงเถิดเทิงเต็มเหนี่ยวมันจะแตกต่างกับธี่หยด เพราะสมิงที่เสิงสางเราจะเล่าในเชิงของประวัติศาสตร์เป็นเหตุการณ์เรื่องคอมมิวนิสต์ มันเกี่ยวกับเรื่องพลทหารกลุ่มหนึ่งที่จะต้องเข้าไปในป่าเพื่อที่จะเข้าไปฉกชิงคนสำคัญคนนึงที่โดนคอมมิวนิสต์จับตัวไว้ แต่เหตุการณ์มันกลับตาลปัตร ไม่ใช่อย่างที่คิด แล้วมันดันมีเสือสมิง เป็นแอ็กชั่น สยองขวัญ เถิดเทิง เพราะถ้าเห็นหน้าดาราก็จะรู้สึกว่ามันเพี้ยนตั้งแต่ต้นเรามีพี่ปั๋ง ประกาศิต ในบทผู้กององอาจ เรามีกัญจน์ ภักดีวิจิตร เป็นจอมปิ้งไก่ในตำนาน เรียกว่าเป็นนายพราน เรามีพี่แฉะ องอาจ ที่จะมาลุคคล้ายๆ จ่าประพันธ์ในวัยหนุ่ม เรามีมาริโอ้ เมาเร่อมาในหน่วยรบ มันก็จะเป็นแนวเถิดเทิง
'home sweet home' น่าจะเพราะความสำเร็จของธี่หยด 2 home sweet home เลยเกิดขึ้นเมื่อพี่แซ็ค ศรุต เขาติดต่อผมมาว่าเขาอยากทำเกมส์ home sweet home รีเทิร์น เขาบอกให้ผมกำกับแล้วทำบท เพราะเขาดูจากธี่หยดเขารู้สึกว่าความแอ็กชั่นของเกมมา สมัยก่อนผมเคยกำกับการ์ตูนมา มากำกับเกมบ้าง ก็ได้นะ มันเป็นเกียรติประวัติ เพราะเดี๋ยวเผื่อมีลูกหลานบอกว่าพ่อเคยกำกับเกม ก็แปลกดี ครั้งนึงในชีวิต รู้สึกท้าทาย แล้วในเมื่อมันทำมาขนาดนี้ผมก็เลยคุยกับทาง Yggdrazil Group ว่า ถ้ามาขนาดนี้ผมขอไอพีมาทำเป็นหนังได้ไหม เขายินดี เขารู้สึกแฮปปี้มากว่า ถ้าเอา home sweet home มาทำเป็นหนังมันจะดีมาก เพราะจริงๆ แล้วผมแทบจะทำบททำอะไรอยู่แล้ว แล้วก็มาทำเป็นหนัง แล้วเรารู้สึกว่า home sweet home ไอพีมันทั่วโลก มันไปได้ไกลมาก
'แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์' พอผมได้เรื่องแร้งวัดสระเกศ ก็ได้ไปคุยกัน พอคุยเสร็จ ก็ให้ลองเอาไอเดียมา เขาก็มีไอเดีย แล้วผมก็พลิกใหม่ ผมรู้สึกว่าเราจะเล่าถึงโรคห่าที่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย แล้วเราเชื่อว่ามันน่าจะเป็นอาถรรพ์มากกว่าโรคร้าย วันนึงถ้าเราเห็นตัวเราเป็นเปรต อีกวันเราจะไม่มีชีวิต ผมจะตีเรื่องเปรตเป็นเรื่องอาถรรพ์ จริงๆ มันมีกำเนิดขุนกะเฬวรากด้วยในประวัติศาสตร์ ขุนกะเฬวรากคือคนคอยตัดเส้นเอ็นศพให้แร้งกินง่ายๆ แล้วเราจะเล่าเรื่องสมัยนั้นว่าสิ่งที่เราโดนอาถรรพ์ เพราะว่าเราโดนมนต์คำสาปอยู่ทั่วเมืองแล้วทำให้เราต้องไปหาศาลหลักเมืองอันแรกของเรา ซึ่งศาลหลักเมืองอันแรกของเราไม่ได้อยู่ตรงนี้ ซึ่งเราไปรีเสิร์จเรื่องประวัติก็รู้สึกสนุก แล้วมันจะเล่าในเรื่องคล้ายๆ ดาวินซี่โค้ดเลย ว่าทำไมยักษ์วัดแจ้งต้องหันหน้าไปทางนี้ สนุกครับ แปลกดี
ส่วน +1 เรื่องที่ 8 ที่ทำโปสเตอร์ไม่ทัน ซึ่งไอเดียดีมาก พอเขาขายปุ๊บ ผมตบโต๊ะว่าผมจะเอาเรื่องนี้ให้ได้ เขาเป็นผู้กำกับน่าจะเป็นรุ่นเดียวกับผม ผมติดตามเขามาตลอด เขาก็ไม่ยอมทำหนังสักที จนวันนึงผมเปิดค่ายเอง ชวนให้มาทำหนังก็เลยมา แล้วมาขายไอเดีย ไอเดียดีมาก คร่าวๆ ก่อน มันเป็น The purge ในเวอร์ชั่นวัยรุ่น ผมรู้สึกสนุกมาก แต่เรื่องนี้ยังไม่เปิดตัว ทำโปสเตอร์ไม่ทัน”