“จ๋า ยศสินี” รับว่าง รับจ้างเป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ ผลิตซีรีส์วายเรื่องแรก ป้อนช่อง GMM25 หลังงานช่อง 3 ถูกเลื่อนไปเปิดกลางปี 68 ไม่มีดรามา บอกกล่าวช่อง 3 แล้ว บอกไม่มองเป็นวิกฤต แต่อัปเลเวล เพิ่มศักยภาพการทำงาน ถูกแก้งานยับ แต่ชอบมาก อะไรทำได้ก็ทำไป ที่ไหนเห็นคุณค่าคนทำงาน ก็พร้อมทำ
หลังจากผู้จัดลูกหม้อช่อง 3 หลายรายออกไปผลิตละครป้อนให้กับต่างช่อง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ล่าสุดแม้แต่ “จ๋า ยศสินี ณ นคร”ซึ่งเพิ่งทำเรตติ้งให้กับช่อง 3 เรื่อง “มาตาลดา”ก็ได้ออกมาเผยว่า ตอนนี้ได้รับจ้างเป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ผลิตซีรีส์วายเรื่อง ทำนายทายทัก (MyMagicPhophecy) ป้อนช่อง GMM25 เป็นการทำงานนอกช่อง 3 ครั้งแรก
“จริงๆ จ๋าเป็นสาววายอยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ) และจ๋าก็สนิทกับออฟ (นพณัฐ ชัยวิมล) ค่ะ ก็พูดคุยกันมาเรื่อยๆ และอย่างที่ทราบว่าช่วงนี้ก็จะว่างๆ กัน จริงๆ เมคเกอร์วายก็เป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ที่เรารับงาน แล้วจ๋าก็ได้ไปเรียนการประสานงานกองถ่ายต่างประเทศด้วย ก็เลยเหมือนว่ารับงานนะคะ ทำได้หมด ทำได้ทุกอย่าง ออฟก็เลยถามว่าพี่จะทำจริงๆ เหรอ งั้นพี่ทำซีรีส์วายให้ออฟเรื่องนึงได้ไหม มีเรื่องนึงที่ออฟอยากทำแต่ไม่มีเวลาคือเขาก็หวงๆ อยู่แหละ แต่เขาก็บอกว่าพี่ทำให้ออฟหน่อย เราก็บอกว่าไม่มีปัญหา พี่ทำให้ได้ และมันเป็นช่วงจังหวะที่งานช่องของจ๋าก็โดนเลื่อนไปเปิดประมาณกลางปีค่ะ ก็จะมีช่องว่างช่วงต้นปี และเราก็มีลูกน้องเนอะ งั้นก็จังหวะพอเหมาะพอดีลงตัว ก็เลยรับทำค่ะ
ถามว่าใช้เวลาแค่ครึ่งปี ทำทันไหม เรามาจากสายละครเนอะ มันยาว ทำงานกันเป็นปีใช่ไหมคะ แต่ซีรีส์วายจริงๆ แล้วเป็นบทสั้นๆ ก็เลยทำงานกันไม่นานมาก ถือว่าเป็นการอัปเวลพวกเราด้วย ไปอัปเวลคนทำงานทั้งตัวจ๋าและตัวเด็กๆ เองด้วย แทนที่จะมองว่าเป็นวิกฤต เราก็ถือว่าเป็นโอกาสในการที่เราจะได้เพิ่มศักยภาพการทำงานของเราไปด้วยค่ะ”
รับโดนแก้งานยับ แต่ชอบมาก อะไรทำได้ก็ทำไป
“ยากตรงที่วิธีการเล่าเรื่องมันคนละแบบกับที่เราเคยทำ แต่จ๋าชอบมากเลยนะ จ๋าโดนแก้งานยับเลย แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอีกโฟกัสนึงได้เรียนรู้ตั้งแต่บท ตั้งแต่การประชุม ก็สดชื่นขึ้นมาในการทำงานค่ะ
มันก็ไม่ขัดกับสิ่งที่เคยทำมาค่ะ จ๋ารู้สึกว่า ณ วันนี้มันไม่ต้องไปมองว่าอะไรขัดแล้วแหละ อะไรทำได้เราทำไปเถอะ อะไรที่เป็นงานแล้วมันทำให้เราเก่งขึ้น กว้างขึ้น ลึกขึ้น ทำไปเถอะ ไม่ต้องไปคิดว่ามันจะมาขัด เราโตแล้วทำงานมาเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย คอมเมนต์อะไรมาก็ทำตามนั้นไปค่ะ
จริงๆ โปรเจกต์นี้คือเรารับจ้างเป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์เลย เพราะฉะนั้นเขาก็จะมีทั้งผู้กำกับแล้ว มีเรื่องมาประมาณนึงแล้ว มีนักแสดงมาแล้ว และเราก็รับโปรเจกต์นี้มาพัฒนาต่อค่ะ นักแสดงก็คือจิมมี่ (จิตรพล โพธิวิหค) กับ ซี (ทวินันท์ อนุกูลประเสริฐ) น่ารัก ใกล้เปิดตัวแล้วค่ะ”
ฉากกุ๊กกิ๊กต้องมีเหตุผล
“ฉากกุ๊กกิ๊กก็มีค่ะ แต่อย่างที่คุยกันก็คือฉากกุ๊กกิ๊กแต่ละฉากต้องมีความหมาย ไม่ได้กุ๊กกิ๊กไปผ่านๆ มันดูเป็นโรแมนติกคอมเมดี้นะ แต่โดยลายเซ็นของเมคเกอร์วายเองมันก็มีความดรามาของมันอยู่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกความกุ๊กกิ๊กที่เกิดขึ้นมันก็จะมีเหตุผลของมันด้วยค่ะ”
ไม่มองเป็นการแข่งขัน จะเอาชนะมันเหนื่อย อยากแข่งกันทำงานให้อุตสาหกรรมบันเทิงฟื้นกลับมา
“ซีรีส์วายก็ยังมีการแข่งขันที่สูงอยู่ ขนาดในจีเอ็มเอ็มเขาก็แข่งกันเองไม่รู้กี่เรื่องแล้ว (หัวเราะ) แต่จ๋าไม่ได้มองว่าเป็นการแข่งขันเลยค่ะ จ๋ารู้สึกว่าเราทำงานของเราในหนึ่งหน่วยให้ดีที่สุด ถ้าอุตสาหกรรมอยู่ได้ คนทำงานอยู่ได้ ถ้ายังหันมาแข่งกันเองเพื่อเอาชนะกัน จ๋าว่ามันจะเหนื่อยแต่ถ้าทุกวันนี้แข่งกันว่าเรามาทำงานให้ดี ให้อุตสาหกรรมมันอยู่ได้ ให้มันฟื้นกลับมาอีกครั้งนึง แล้วทุกคนกลับไปใช้ชีวิตได้
อันนั้นน่าจะเป็นเป้าหมายมากกว่าจะแข่งกันเอง เพราะฉะนั้นมีงานอะไรอยู่ในมือทำให้ดีที่สุดเลย ไม่ต้องคิดแข่งกับใคร คิดแค่ว่า ณ วันนี้ทำให้ดีที่สุด และส่งออกไปเพื่อให้อุตสาหกรรมมันแข็งแรงขึ้น แข่งกับตัวเองให้ทุกคนอยู่รอดในสถานการณ์นี้นะคะ เพราะว่าการรบกวนจากโลกข้างนอกมันก็โหดกับเรามากแล้ว”
คาดหวังและกดดัน เรื่องแรกก้าวออกจากนอกบ้านครั้งแรก ยังไม่พร้อมทำเป็นละครตัวเอง
“ก็คาดหวัง และจริงๆ ก็กดดันนะ เพราะอย่างของจิมมี่-ซีปีที่ผ่านมาของเขาก็คือ Last twilight ซึ่งมันเป็นงานมาสเตอร์พีซ และกวาดรางวัลทุกเวทีเลย ตอนแรกก็กดดันเหมือนกันว่าจะทำยังไง แล้วเราก็ใหม่สำหรับซีรีส์วายด้วย แต่ก็มานั่งคิดว่าเราก็ไม่ได้มีหน้าที่มานั่งแข่งกับงานเก่า ในฐานะผู้จัดของจ๋าคือจ๋ามีหน้าที่ที่จะทำงานต่อไปที่ดีขึ้น ส่งเด็กไปให้ไกลขึ้น ให้คนทำงานได้ทำงานที่แปลกใหม่ขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ต้องยึดกับตรงนี้ว่าในฐานะโชว์รันเนอร์ เรามีหน้าที่ส่งคนทำงานต่อไปให้ไปได้ไกลขึ้น
ถามว่าจะมีโอกาสทำซีรีส์วายของตัวเองไหม คือจ๋าช้า (หัวเราะ) คือนิสัยความอินโทรเวิร์ต จ๋าขี้เกียจยุ่งกับคนเยอะ คือส่งคนมาแล้วเราทำงานให้จะสะดวกใจกว่า (หัวเราะ) แต่ไม่ได้หมายความว่าอนาคตอาจจะไม่มีนะคะ คือทางบริษัทก็คิดว่าอยากทำ แต่ ณ วันนี้ยังไม่พร้อมค่ะ”
ข้างในไม่มีดรามา บอกกล่าวช่อง 3 แล้ว
“ได้บอกกล่าวค่ะ คือจ๋ารู้สึกว่าความดรามามันอยู่ข้างนอก แต่ข้างในมันไม่มีดรามา ดรามาอยู่ข้างนอกกับคนที่พูดกันไปว่าเขาจะต้องตีกันแน่ๆ เลยอะไรอย่างนี้ แต่ข้างในไม่มีเลยนะคะ ข้างในสงบมาก เขาเข้าใจกันว่า ณ วันนี้ถ้าเรายังไม่มีงาน ถ้าคุณมีงานอะไรก็ไปทำก่อน พอถึงเวลางานทางนี้ผ่านก็กลับมาทำ มันเป็นสถานการณ์อย่างนั้นเลย แต่ว่าดรามาอยู่ข้างนอกนะ ข้างในไม่มีเลยค่ะ”
ช่องทยอยเรียกคุย แต่ยังไม่ถึงคิวตน
“เขาน่าจะกำลังเริ่มเรียกๆ เข้าไปคุยนะ แต่ยังไม่ถึงคิวจ๋า ทางจ๋ามีงานที่รอเปิดกับเขาอยู่ตอนช่วงครึ่งปีหลัง เพราะฉะนั้นคิดว่าก่อนที่จะเปิดก็น่าจะเข้าไปรับนโยบายอีกที”
เป็นผู้จัดอิสระที่ทำงานป้อนให้ช่อง 3 จนล้นมือมาตลอด แต่ตอนนี้ทุกอย่างชะลอ ที่ไหนเห็นคุณค่าคนทำงาน ตนก็พร้อมทำ
“ผู้จัดไม่เคยเซ็นสัญญากับช่องค่ะ แต่ผู้กำกับมี เพราะฉะนั้นเราผู้จัดจะอิสระมาตลอด เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมางานช่องมันล้นมือมากจริงๆ ค่ะ และพวกเราก็ไม่ได้เป็นพวกทำงานเร็วเนอะ และละครมันก็ใช้เวลา ฉะนั้นพอทำต่อๆ ก็เลยไม่ได้มีโอกาสที่จะได้รับงานที่อื่นเพราะของช่องก็ทำไม่ทันแล้ว แต่พอ ณ ตอนนี้ทุกอย่างมันชะลอเกิดขึ้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เราลองออกไปข้างนอกบ้าง หาประสบการณ์ ตรงไหนมีงานเราก็ทำ ช่องมีงานเราก็ทำ ตรงไหนมีงานที่เขาเห็นคุณค่าคนทำงาน เราก็ทำ”
ไม่มีทางรู้ทำไมรีรันละคร แต่ต้องไว้ใจผู้บริหาร ทำดีที่สุดให้กับช่อง 3
“จ๋าว่าเรื่องละครรีรันมันเป็นเรื่องของการบริหาร ซึ่งเราไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องไว้ใจทางผู้บริหารว่าเขาทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทางช่องแหละ มันไม่ใช่แค่ว่าแข่งขันอย่างเดียว ตอนนี้ในเศรษฐกิจโลกก็ต้องไปให้ได้ อยู่กันให้ได้ทุกคน ก็เข้าใจ ทุกคนก็มีความรู้สึกว่าช่องก็ทำงานตรงนี้ เรามีตรงนี้ มีตรงนั้น ถึงเวลาก็กลับมาทำช่อง แต่ทุกคนเข้าใจกัน”
กดดันทำ “มาตาลดา” ให้ช่อง 3 ไว้ดีเกินคาด
“กดดันนะคะ มันเป็นอะไรที่ไม่คาดคิด อย่างที่บอกว่ามาตาลดามันมาแบบไม่คาดฝันว่าจะมาได้ขนาดนั้น ถึงบอกว่ากดดันไปก็เท่านั้น เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่องานออกมาแล้วมันจะดีหรือไม่ดี คนจะชอบหรือไม่ชอบ ไม่มีทางรู้เลย ก็อย่างที่บอกว่าก็ทำให้ดีที่สุด เมื่อมีงานอยู่ในมือก็ทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเลยค่ะ คิดได้แค่นั้น ณ วันนี้นะ มีงานเราก็ทำ งานก็ต้องคิดเผื่อว่าจะต้องเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่แค่เมืองไทยแล้วด้วย เพราะฉะนั้นงานตอนนี้มันหนักมากอยู่แล้วสำหรับคนทำงาน กดดันเพิ่มไม่ไหวแล้ว ก็ฝากซีรีส์วายเรื่องแรกด้วยนะคะ และผลงานต่อๆ ไปด้วยค่ะ”
