xs
xsm
sm
md
lg

แล้วแต่จะคิดเป็นคนเลว! “แน็ก” ฟาดจุก ไม่ได้อยากมีพี่น้อง ตั้งแต่หาว่าเกาะหลานกิน! จ่อฟ้องอดีตผจก. เพราะหมั่นไส้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เดือดทุกดอก “แน็ก ชาลี” โต้ผิดสัญญาอดีตผู้จัดการ เปลี่ยนจากเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเดือน รับอาจฟ้องเพราะหมั่นไส้ ปัดทวงเปียโนคืนจาก “อาเธอร์” แปลกมากถูกแฉไม่เคยให้เงินหลานสักบาท สวนกลับพี่สาวได้เงินเดือนสูง 6 หลักจะลาออกจากงานมาดูแลตนทำไม ให้นึกให้ดีๆ ตอนนั้นอาศัยอยู่บ้านตน ไม่มีงานทำ ลั่นเคยปล่อยผ่าน แต่วันนี้พร้อมสู้กลับ เพราะเบื่อ มองเป็นคนเลวก็แล้วแต่จะคิด แจงหาเงินร่วมกับ “กามิน” ได้สูงจริง แต่ไม่ถึง 150 ล้าน แบ่งแฟร์ๆ เสมอภาค 

ออกมาเคลียร์ทุกประเด็นในรายการแฉ เมื่อคืนที่ผ่านมา (24 ม.ค.68) สำหรับ “แน็ก ชาลี ไตรรัตน์” กับสารพัดดรามา ทั้งเรื่องแตกหัก “พี่ปู” อดีตผู้จัดการ เปลี่ยนจากเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเดือนแทน ปัญหาในครอบครัว ที่ถูกพี่น้องออกมารุมแหกพฤติกรรมหลายอย่าง ไม่เคยให้เงินหลานแม้แต่สักบาท ทวงยันเปียโน จนกลายเป็นประเด็นเดือด ถูกวิจารณ์หนัก

“ตอนนี้โสด ปัญหามากมายเต็มไปหมด แต่อยากทำความสุขให้เพื่อนๆ ผมดันน้องๆ หลายคน จิ้นคนโน้นคนนี้ เรามีความสุข ปกติชีวิตผมจริงจังกับใครก็อย่างที่เห็น ผมพูดออกตัวแรงตลอด แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นทุกอย่าง รอบนี้ก็อยากให้ทุกอย่างชัวร์ก่อน

ที่สำคัญชีวิตตอนนี้ของผมไม่ได้พร้อมมีใคร พูดตรงๆ เลย ไม่ได้ทำงานอย่างเดียว ปัญหาผมไม่ได้เยอะ แต่เพิ่งไม่นาน ผมจะตามใจทุกคนไม่ได้ คบคนโน้นคบคนนี้ตามที่ทุกคนบอก ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของตัวผมเอง ผมต้องได้มีเวลาใช้การเรียนรู้ โอกาส ได้มีเวลาผูกพันกับใคร ผมรู้สึกว่ามันใช่ และไม่มีปัญหาอะไรติดค้างกับตัวผม ผมถึงพร้อมที่จะมีคนอื่นจริงๆ ไม่งั้นจะเป็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ผมไม่พร้อม ผมเห็นปัญหาในตัวผมอยู่ในทุกๆ วันนี้ นอนหลับยากอยู่แล้ว แต่ใช้วิธีทำงานตอนเช้า ทำเพลงกะดึก วนอย่างนี้

กระแสที่ตีกลับ หลังเลิก “กามิน”
“ผมก็พอทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะตัวผมเองผ่านเรื่องราวและอยู่ในจุดที่ผมอยู่มากกว่าคนอื่นเยอะ เพราะนี่คือจุดที่ผมทำและสร้างขึ้นมา และทำด้วยตัวผมคนเดียว จนทุกคนได้เห็นหลายๆ อย่างและผ่านมาถึงวันนี้ จริงๆ ไม่ได้อยากพูดอะไรมาก แต่ถามมาแบบนี้ (หัวเราะ)

“อาเธอร์” เป็นหลานที่เคยรักมาก แปลกมากถูกแฉไม่เคยให้เงินแม้แต่บาทเดียว ถามกลับคิดว่าผมเป็นแบบนั้นไหม?
“คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นไหม สิ่งที่ผมต้องมายอมรับในหลายๆ เดือน ต้องมาอยู่กับสิ่งที่ว่าผมไม่เคยให้อะไรหลานผมเลย แม้แต่บาทเดียว ผมก็แปลกเหมือนกันว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ แต่ผมก็เฉยๆ ผมก็รู้เหตุผลที่เขาคิดอะไรกันอยู่ในหัว เรื่องเปียโน วันที่ผมไม่มีเงิน ผมมีเงินน้อยมาก ผมกล้าซื้อของเล่นให้หลานผมโดยที่ผมไม่เหลือเงินก็กล้าซื้อ”จำได้ไหม ที่ผมพาหลานเข้าครั้งแรก พยายามทำให้เขาเป็นคนน่ารัก มีคนรัก เรื่องไม่เคยแบ่งเงินให้หลาน

ผิดพลาดอย่างเดียว ชอบสร้างภาพให้คนใกล้ตัวดูเป็นคนน่ารัก
ชีวิตผมมีข้อผิดพลาดอย่างเดียวที่ผมไม่น่าทำมันเลย ผมพูดตรงๆ มาถึงวันนี้แล้ว ผมชอบสร้างภาพให้คนใกล้ตัวผมดูน่ารัก ชอบทำให้ดูดี ไม่ชอบทำให้ภาพผมให้คนแล้วมาถ่ายรูป ชีวิตนี้ผมให้ของคนและทำอะไรเยอะมากนะ ผมไม่เคยถ่ายรูป ผมให้บ้านให้เงินคุณแม่ผม ผมไม่เคยถ่ายรูป ผมให้เงินวันเกิดหลานผมไม่เคยถ่ายรูป ผมให้รถที่เขาใช้อยู่ทุกวันนี้วันเกิด ผมก็ไม่เคยถ่ายรูป ผมให้ทุกอย่างที่ผมให้ได้แล้ว แต่สิ่งที่ผมต้องมาเจอผมไม่เคยให้อะไรแม้แต่ชิ้นเดียว แม้แต่บาทเดียว แปลกดีไหม

ถามว่ารู้สึกยังไง ผมรู้เหตุผลอยู่ว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมก็ถือว่าเป็นหลานที่ผมเคยรักมาก เพราะผมมั่นใจว่าผมก็เป็นคนเลี้ยงมาระดับนึง รับส่งที่โรงเรียนเอง พาซื้อของเท่าที่จะซื้อให้ได้ ให้โอกาสสอน ให้แสดง ให้น่ารัก แม้แต่วันเกิดผมให้ของเขา ผมพูดในมุมตลกนะ เวลาผมให้ของขวัญวันเกิดคน ผมชอบบอกว่าผมไม่ได้ให้

ความซวยของผมคือผมใช้วิธีถ่ายข้าวมันไก่ น่ารักๆ เราไม่อยากให้เด็กรู้สึกว่าวันเกิดต้องให้ของใหญ่โต ต้องได้เงินเป็นก้อน ผมเลยอยากทำให้หลานดูน่ารัก เอาข้าวมันไก่ให้หลาน แล้วถ่ายวิดีโอ เชื่อไหมวันนี้มันย้อนมาหาผม ผมโดนด่าว่ามีปัญญาให้แค่นี้กับหลาน คือข้าวมันไก่ โอ้โห ผมไม่ได้ชอบถ่ายรูปหรืออวดอะไรมากมาย ทำบุญไม่เคยถ่ายรูป แม้แต่กับแฟนผม ผมให้เงินสดวันเกิดก็ไม่เคยออกมาป่าวประกาศอะไร ผมไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ต้องให้ของแบบนี้กัน ผมติดนิสัยให้ทุกวันสำคัญที่สุด”

ไม่เคยทวงเปียโนจากอาเธอร์
“ถามว่าได้เอาเปียโนคืนจากอาเธอร์ไหม เรื่องนี้ตลกที่สุดสิ่งที่ผมต้องเจอ ผมเป็นคนที่ให้ของหลานได้ทุกอย่างที่ผมให้ได้ ผมชอบสนับสนุนเด็กๆ ทุกคนที่รักในดนตรี เรื่องนี้ผมเคยพูดในไลฟ์ไปด้วย แต่ไม่เข้าใจว่าพี่ๆ เขาคิดอะไรกันอยู่ ผมไม่เคยทวงเปียโนหรือของหลานแม้แต่อย่างเดียว สิ่งที่ผมทำตอนนั้นคือผมไปที่บ้านแล้วเป็นเปียโนที่หลานไปเล่น เปียโนถูกตั้งอยู่ และเขียนโน่นนี่ ถูกตัดสายไฟ ซึ่งหลานผมไม่เล่น ผมถามว่าให้น้าเอาไปซ่อมไหม ถ้าซ่อมจะเอาไปซ่อมให้ แต่หลานไม่เล่น แล้วตัวพี่สาวผมบอกว่ารกบ้าน ผมเลยเอากลับมา ผมบอกว่าของอีกหลายอย่างที่อยู่กับคุณ ผมไม่เคยทวงแม้แต่อย่างเดียว ใครยืมของไป ผมจะใช้ก็ไม่เคยขอคืน ผมจะใช้วิธีซื้อใหม่ อย่างทุกอย่างที่ซื้อ อย่างมอเตอร์ไซค์ ผมชอบซื้อมอเตอร์ไซค์คันเล็กก่อนเพื่อให้หลานได้ขี่ก่อน ให้เด็กแถวบ้านได้ขี่ก่อน ผมเป็นคนชอบซื้อของเยอะ ผมชอบทำสิ่งเล็กๆ ให้เด็กได้เล่น ผมมีความสุขที่ได้เห็นเด็กเล่นโน่นเล่นนี่”

มั่นใจอดทนมากๆ แม้ถูกยัดเยียดให้รับ!
“ถามว่าคนมองไม่ดีแล้วแฮปปี้ไหม จริงๆ ก็เป็นคนที่คิดว่าอยากออกมาแก้ไข แต่บางทีก็ไม่อยากออกมาพูด เพราะชีวิตผมมีน้องๆ หลายคนที่รู้สึกว่าอยากทำเพลงด้วย อยากร่วมเดินทางกับสิ่งที่ผมทำอยู่ด้วย ผมไม่อยากให้มีผลกระทบไปกับคนใกล้ตัวผม ผมเลยรู้สึกว่าเรื่องอะไรบางอย่างเราทนได้ ก็จะทนให้มากที่สุด

คำว่าอย่าไปด่าคนอื่น ให้มาด่าผม มันทำให้ผมก็เป็นคนอดทนมากระดับนึง ก็ถือว่าอดทนมากๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรเรารับแทน เราก็พร้อมรับแทน เรื่องอะไรที่เราไม่ได้ทำ คนยัดเยียดให้เรา เราก็ต้องบอกว่าเราเป็นคนทำ เรื่องอะไรไม่ดีก็ต้องรับ ผมไม่ใช่คนดี 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว”

แจงจากแน็กปล่อยผ่าน อะไรๆ ก็ช่างมัน ทำไมอยู่ดีๆ วันนี้พร้อมสู้ทุกคน ลั่นจุดเปลี่ยนคือเบื่อ พร้อมเสียเวลาสู้กลับ
“ผมเบื่อแล้วครับ หลายอย่าง เหมือนที่โดนด่าอยู่ทุกวันนี้ ผมยังงงว่าสรุปผมเป็นคนแย่ขนาดนั้นไหม ผมโดนโกงเงิน โกงทำบ้านค่าก่อสร้างมากมาย เหตุผลจริงๆ ของผมมีแค่ว่าทำไมผมไม่แจ้งความ ไม่ไปตาม เพราะอะไร เพราะผมรู้ว่าถ้าผมไปตาม สิ่งที่คนพวกนั้นต้องทำ คือเขาต้องไปหลอกคนอื่นเพื่อเอาเงินมาให้ผม ค่าบ้านโดนโกงเยอะมาก แต่คนกลับมาด่าผมว่าตอแหล พูดโม้ เป็นคนอื่นต้องไปแจ้ง ชีวิตผมเป็นแบบนี้จริงๆ ผมไม่อยากให้คนอื่นมาเดือดร้อนแทนเรา”

โต้กลับพี่สาวได้เงินเดือนสูง 6 หลักแล้วจะลาออกจากงานมาดูแลตนทำไม ลั่นให้นึกให้ดีๆ ตอนนั้นอาศัยอยู่บ้านตน ไม่มีงานทำนะ!
“ผมต้องบอกก่อนว่าผมงงเหมือนกันว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ไง คุณบอกผมทำงาน 6 ปี ใครเคยเห็นผมทำงาน 6 ปีบ้าง ผมทำงานเดือนนึง ผมจะมีตั้งไว้เลย 6 ปีนี่ไม่ใช่แล้ว ไม่ทราบเหมือนกันที่เขาบอกว่าเงินเดือนเขา 6 หลักแล้วต้องทิ้งงานมาดูแลน้องชาย จนน้องชายรวยเป็นร้อยล้านและไม่ได้สนใจพวกเขา โหย ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย คุณต้องนึกดีๆ นะ ตอนนั้นคุณอยู่ไหน คุณยังอาศัยบ้านผมอยู่เลย คุณไม่ได้มีงานทำนะ

ที่สำคัญผมแคร์พวกคุณมาก หลานผม ผมเลี้ยงมาเอง แต่ผมต้องมาโดนว่าผมเกาะหลาน ใช้ความน่ารักของหลานเป็นผลประโยชน์ ที่สำคัญผมถามตรงๆ เลยนะ คุยกันแบบขำๆ นะ ถ้าคุณทำงานอยู่รายได้ 6-7 หลัก คุณจะทิ้งงานมาทำในสิ่งที่ไม่ได้เงินเดือนทำไม ผมถามหน่อย ที่สำคัญเพื่อนๆ ลองนับงานผมเลย ตอนผมทำงาน ผมทำงานแค่เดือนละวันสองวัน ไม่เคยให้พี่สาวเป็นเงินเดือน มันไม่ใช่

ผมก็ไม่เชื่อว่าวันนึงต้องมาสั่งสัมภาษณ์เรื่องแบบนี้ ถามว่าได้เงิน 100 ล้านจริงไหม ชีวิตผมทำงานกี่ปีแล้ว แต่ละครั้งที่ผมกลับมาทำงาน ผมกลับมาด้วยตัวผมเองทุกครั้ง”

ทำงานกับ “กามิน” ได้ไม่ถึง 150 ล้าน แต่ก็สูง ลั่นกลับมาด้วยตัวเองทุกครั้ง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง กามินได้เงินไปแฟร์ๆ เสมอภาคกัน ทำทุกอย่างให้หมดแล้ว
ทำงานกับกามินได้ถึง 150 ล้านไหม ก็ไม่ถึง แต่ก็สูงอยู่ เพราะผมก็พยายามทำให้เต็มที่ที่สุด เท่าที่ตัวผมจะทำได้ อย่าลืมว่ามีปีไหนผมอยากทำพรีเซ็นเตอร์ ผมตั้งใจรับงาน ผมได้ของผมคนเดียวเยอะอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ผมกลับมารายการแฉ ผมกลับมาด้วยตัวเองทุกครั้งนะไม่ว่าจะเป็นตอน 10 Fight 10 ที่กลับมาทีนึง สองปีที่แล้วที่แล้วที่อยู่ดีๆ ผมชอบมาแหกปากร้องเพลงในคอนเทรนเนอร์ ผมก็กลับมาด้วยตัวผมเอง ผมทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวผมเอง จนกลับมารอบล่าสุด ผมก็สร้างตัวผมเอง และสร้างคนๆ นึงขึ้นมาด้วยตัวผมเอง ไม่มีใครข้องเกี่ยวเลย

เรื่องเอาเปรียบจ่ายเงินไม่ครบ คุณรู้เปล่าสิ่งที่ผมเจอคืออะไร (มดดำ คชาภาถามแล้วมันคืออะไรล่ะ?) มันพูดยาก จ่ายเงินไม่ครบเป็นไปไม่ได้ เรื่องเงินผมทำงานตอนหลัง แทบไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก ผมมีปัญหาที่ตัวผมต้องใช้เงินทำงาน ได้เงิน ไม่ได้เงิน ยังต้องเอาไปจ่ายให้ก่อน เรื่องเงินผมแฟร์มาก กามินได้เงินเสมอภาคแน่นอน และเยอะแบบที่เขาพอใจแน่นอน เขาได้กลับไปไม่น้อยครับ

ปัญหาในการแยกทาง จริงๆ มันน่าจะหลายอย่าง ผมพยายามจะไม่พูดถึง แต่พี่พามาถึงก็จะเลี่ยงมันอยู่ดี เพราะใครไม่ได้มีปัญหากับผมตอนนี้ก็ไม่อยากมีปัญหากับเขา ให้เขาได้ทำสิ่งที่เขาอยากทำ ให้เขาได้อยู่กับแฟนที่เขาอยากอยู่ เพราะตัวผมทำทุกอย่างให้หมดแล้ว ผมทำทุกอย่างด้วยใจผมสุดๆ ไปแล้ว

ไม่เคยผิดสัญญากับผู้จัดการ เห็นเงินก้อนโตแล้วตาลุกเปลี่ยนจากเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเดือน รับอาจฟ้องเพราะหมั่นไส้
“เรื่องนี้ผมโดนสื่อข่าวไทย และคนด่าผมรวมๆ หลายหมื่นคอมเมนต์ ตัวต้นเหตุจากคุณเลย (หมายถึงมดดำ คชาภา) สิ่งที่คุณพูด ทำให้ข่าวแต่ละที่ทำออกไปว่าผมทำผิดสัญญาผู้จัดการ และอยากเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเดือน สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผม และผมไม่รู้ว่าพี่ได้ยินมาได้ยังไง พี่ได้ยินมาจากใคร เรื่องนี้ผมไม่เคยพูดและไม่เคยมีการตกลงว่าจะเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเดือน จนทำให้หลายข่าวออกว่าผมผิดสัญญากับผู้จัดการ ผมไม่เคยมีสัญญานะ ไม่เคยเปลี่ยนจากเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเดือน ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปได้ยินมาได้ยังไง (หัวเราะ)

ความจริงคืออะไร ก็ตามนั้น ผมไม่เคยเปลี่ยนจากเปอร์เซ็นต์เป็นเงินเดือน และไม่เคยลดเงินเดือนพนักงานบริษัท ไม่ได้มีปัญหาเพราะเห็นเป็นเงินก้อนแล้วไม่อยากจ่าย เรื่องลึกๆ ผมต้องจัดการของตัวผมเอง ถามว่าจะฟ้องไหม ก็ใช่ ผมรู้สึกว่าบางทีผมก็หมั่นไส้เหมือนกัน ผมไม่ใช่คนดีมากนะ แต่ผมทำทุกอย่างถูกต้องและทำดีที่สุดแล้ว แต่ผมเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ ก็ให้เป็นเรื่องที่ผมต้องไปเคลียร์กันแล้วกัน ขึ้นศาลก็พร้อม ผมเบื่อแล้วผมมาทำเพลงเพราะผมมีเวลาว่างเยอะขึ้น ส่วนนกสองหัวถามว่าหมายถึงใคร มันเป็นคนใกล้ตัวบางคน”

มดดำ คชาภา เผยว่า 7 เดือนไม่ได้คุยกับแน็กเลย แม้กระทั่งติดต่องานไปให้ช่วย ถ้าคุยเรื่องงานจะไม่ตอบ แต่ถ้าคุยเรื่องบ้าๆ บอๆ จะตอบ จนวันนึงมั่นใจว่าให้รอฟังจากปากแน็ก ตนก็รับข้อมูลจากคนอื่นมา เพราะไม่เคยได้ฟังจากปากแน็ก ตั้งแต่เด็กจนโตที่เห็นมา ใจมันใหญ่นะ รู้จักเพื่อนมันทุกคน วันนึงก็ยังบอกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องครอบครัว เพื่อนร่วมงาน อดีตผู้จัดการ ตอนนี้เหมือนเป็นคนเลว อยากบอกอะไร แน็กก็เผยว่า...

“บอกเลยว่าแล้วแต่พวกคุณจะคิดเลย ผมชินแล้วกับการไม่ได้ทำอะไรแต่ต้องยอมรับ ไม่ได้ทำเรื่องโน้นแต่ต้องบอกว่าเป็นคนแบบนั้น แม้แต่ข่าวออกไปพิมพ์อะไรมั่วกัน คนด่าผมเป็นหมื่นสองหมื่นคนถล่มผม ถ้าเป็นคนอื่นคงให้สื่อออกมาขอโทษผมบ้างแล้วผมยังนั่งรับแต่ละอย่างที่ไม่ได้จริงเลย แล้วโดนพวกคุณด่ากันมากมาย ผมชินแล้ว

ปัญหาเกิดจากบุคคลและเคลียร์กันไม่ลงตัว ปัญหาลึกๆ มีมากมาย จากนี้ก็อยากทำงานที่ผมอยากทำ อยากทำเพลงให้มีความสุข อยากเคลียร์ปัญหาชีวิตให้จบก่อนที่เราจะเริ่มอะไรหลายๆ อย่าง”

ไม่เคลียร์กับอดีตผู้จัดการ ส่วนครอบครัวไม่ได้อยากมีพี่น้องตั้งแต่วันหาว่าเกาะหลานกิน ไม่เอาแล้ว
“ถามว่าจะเสียเวลาไปฟ้องทำไม ผมจะดูที่สมควร ว่าอะไรจริงไม่จริง ยังไม่ได้ฟ้องใคร จะมีเอฟซีบางคนแหละ พวกหัวหน้าแก๊ง ที่รู้สึกน่าหมั่นไส้เหมือนกัน มีหลายคนที่รู้สึกว่าน่าจัดการอยู่ แต่ผมก็เฉยๆ อดีตผู้จัดการจะเคลียร์ไหม คงไม่ ผมก็จัดการของผมเอง ครอบครัวผมรู้สึกว่าผมไม่ได้อยากมีพี่น้องตั้งแต่วันที่บอกว่าผมไม่ได้รักหลาน ผมเกาะกระแส เกาะหลานกิน ผมก็ไม่เอาแล้วมันคือสิ่งที่ผมดูแลมาจริงๆ ตามที่คุณเห็นกัน แล้วแต่คุณจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่

จะบอกว่าผมไม่เอาด้วยเรื่องกงสี ผมทำงานคนเดียว ทำงานหนักๆ คนเดียว มีบางช่วงที่ช่วยกันบ้าง แต่ผมว่าผมแฟร์ที่สุดของผมแล้ว ผมให้ทุกอย่างเท่าที่ผมให้ได้แล้ว

ที่ทำมา มั่นใจทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งก็แล้วแต่ครับ โดนเยอะก็ไม่เป็นไร อะไรปล่อยผ่านได้ก็จะปล่อยผ่าน อะไรที่น่าเกลียดเกินไป ผมก็ต้องทำสิ่งที่ผมอยากทำบ้าง”









กำลังโหลดความคิดเห็น