xs
xsm
sm
md
lg

“แอน” ปัด “นัท” เลิก “อั้ม” แล้วต้องเลิกคบด้วย ว้าวมาก หยิบชีวิตรัก “เจมส์จิ - โฟม” ทำเป็นละครได้!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แอน ทองประสม” เผย “นัท มีเรีย” แข็งแกร่ง ผ่านมาหมดทุกอย่างแล้ว มีเกราะป้องกันที่แข็งแรง ยันไม่ได้มีปัญหากับ “อั้ม อธิชาติ” แยกสถานะได้ เป็นเพื่อนที่ปรารถนาดีต่อกันเสมอ เปิดใจสุดว้าวชีวิตรัก “เจมส์จิ-โฟม” ทำเป็นละครได้เลย ปรบมือให้เจมส์จิในความหนักแน่น โอดอย่ากดดันใส่ซอง “ณเดชน์-ญาญ่า” อาจได้แค่ผ้าเช็ดตัว เพราะรวยมากอยู่แล้ว ปรับตัวออกกำลังกายที่บ้าน ฝุ่นเยอะ หวั่นปอดเจ๊ง

หลายคนยังห่วงกับสุขภาพใจของนักร้องสาวดีว่า “นัท มีเรีย เบนเนเดตตี้” ว่าหลังจากเลิกรากับ “อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์” แล้วจะเป็นยังไงบ้าง ซึ่งล่าสุดได้เจอเพื่อนสนิทของทั้งคู่อย่างสาว “แอน ทองประสม” ในงานแถลงข่าว 30 Anniversary Blackmores Thailand, Better you Brighter tomorrow ณ ลานกิจรรม แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน เจ้าตัวก็ยืนยันว่าตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับอั้มเลย ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเดิม ส่วนนัทก็แข็งแกร่งพอ ยังแฮปปี้ดี

“แอนว่ามีเรียเขาเป็นผู้หญิงที่มาเหอะ รับได้หมดทุกอย่าง คือเขาเจอมาจนเขามีเกราะป้องกันตัวเองที่แข็งแรงแล้ว แอนว่าเขาดูแฮปปี้ดีนะคะ ไม่ได้ดูมีอะไรน่ากังวลใจ พอเป็นผู้หญิงโสดก็อาจจะมีเวลากับเพื่อนมากขึ้นเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกับแอนหรือกับคนอื่น เขาก็อาจจะมีเวลามาเจอเรามากขึ้น และได้แลกเปลี่ยนอะไรกันมากขึ้นค่ะ

เรื่องทำตัวไม่ถูกเพราะรู้จักทั้งสองฝ่าย อันนั้นไม่จำเป็นเลย เพราะจริงๆ อั้มกับแอนไม่ได้มีอะไรกัน เราเป็นเพื่อนกัน และเราก็รักกันดี เราต้องแยกสถานะให้ชัดเจน กับอั้มก็ยังเป็นเพื่อนที่เราปรารถนาดีต่อกัน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นสามีของเพื่อนเรา เจอกันก็พูดคุยได้ปกติ ไม่จำเป็นว่าเพื่อนฉัน เพื่อนเธอ แบ่งฝ่าย ไม่จำเป็น เราโตๆ กันแล้ว เราต้องรู้ว่าเส้นเรื่องของแต่ละคนเป็นยังไง

แอนก็ไม่ต้องไปดูแลอะไรมีเรียเยอะนะ แอนว่ามีเรียเก่งกว่าแอนอีก เขาเชี่ยวชาญและแก้ปัญหาเก่งด้วย เหมือนคนออกกำลังกายมาหนักกว่าแอน เขามีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าแอนเยอะ แอนไม่กล้าไปตักเตือนเขาเรื่องนี้ แอนรู้ว่าเขาจะจัดการตัวเองได้ เขามีกล้ามเนื้อหัวใจที่บึกบึนมาก แอนว่ามีเรียเป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดแล้วสำหรับความเป็นผู้หญิงในวัยนี้นะคะ เมื่อวานเขาก็มาที่บ้าน ก็มานั่งคุยกันโน่นนี่นั่น ไม่ได้มีสาระอะไร”

เผยสามารถเอาชีวิตรักของ “เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข” กับ “โฟม เบ็ญจมาส กิตติพิทักษ์กุล” มาทำเป็นละครได้เลย
“ก็ใจหายเหมือนกันนะคะ แป๊บนึงเขาโตไปกว่าเรา แล้วก็มีครอบครัวกันไปแล้ว ก็ดีค่ะ เราได้เห็นการเติบโตของเขา ก็รู้สึกว่าเราเป็นพี่สาวที่คอยดูน้องๆ ประสบความสำเร็จในชีวิตรักไป ตอนที่เจมส์จิพูดกับโฟมว่าขอโทษที่อาชีพเขาไปทำร้ายโฟม ตอนนั้นแอนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยค่ะ แอนเข้าใจเขานะคะ เพราะอาชีพเรามันยากมาก และเจมส์เขาเป็นที่รักของแฟนคลับ เขาก็จะมีคนที่รักและหวงแหนเขา เวลาเขาแต่งงานก็อาจจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของคนที่รักและหวงเขา เอฟเฟกต์มันก็เลยจะกลับไปที่ผู้หญิง ดังนั้นผู้หญิงก็ต้องมีความเข้าใจในอาชีพผู้ชาย และต้องอดทนให้ทุกคนเข้าใจมากที่สุด

ที่เขาขอโทษก็คือเขาน่ารักมาก ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับโฟม แอนก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่ารักนะคะ แอนเชื่อว่าโฟมรู้มาตลอด แล้วก็เข้าใจ ไม่มีใครโกรธใครด้วย ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติของอาชีพเรา สักพักทุกคนจะปรับตัวปรับใจได้ และปล่อยยินยอมให้เจมส์ไปมีคู่ของตัวเอง แอนก็ชื่นชมความหนักแน่นของเขานะคะ เพราะจริงๆ ความล่อแหลมของวงการบันเทิงสีสันมันเยอะ ก็อาจจะทำให้เขาไขว่เขวได้ง่าย แต่เขาก็หนักแน่นกับน้องโฟมมาตลอด ก็ถือว่าเป็นอะไรที่เราต้องปรบมือให้เขา

ถามว่าความรักของซูเปอร์สตาร์มันต้องเหนื่อยขนาดนี้จริงไหม แอนว่ามันอาจจะเป็นการเหนื่อยในอีกลีลานึง สมมติว่าเราไปรักกับนักธุรกิจ เราก็อาจจะเหนื่อยในอีกลีลานึง รักกับคนอาชีพเดียวกันก็เจอปัญหาอีกอย่างนึง แอนเชื่อว่าเสน่ห์ของมันต่างกัน แต่มันอาจจะมีปัญหาในแบบของมัน ไม่ได้หมายความว่าคบดารา คบซูเปอร์สตาร์แล้วความรักจะเป็นปัญหาวงใหญ่ที่สุดกว่าของอาชีพอื่น เพียงแต่อาชีพดารามันถูกพูดถึงและถูกจับจ้องมาก ก็เลยเป็นที่สนใจมาก ก็เลยรู้สึกอย่างนั้นมาก แต่แอนเชื่อว่าแม้กระทั่งข้างบ้านแอน แม่บ้านแอนกับคนรถแอนเป็นแฟนกันเขาก็มีปัญหาในลีลาของเขา ก็เป็นเรื่องปกติค่ะ แอนทำละครเป็นชีวิตเจมส์จิได้เลยนะ มันว้าวมากเลย แต่เอาจริงๆ ถามว่าแอนรู้ทุกมุมของเขาไหม แอนก็ไม่รู้หรอก เขาไม่ค่อยเล่าหรอกค่ะ (หัวเราะ)”

ยอมรับกดดันเรื่องการใส่ซอง โดยเฉพาะกับคู่ของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กับ “ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์” บอกอีกฝ่ายรวยมาก อาจซื้อให้แค่ผ้าเช็ดตัว
“เรื่องการใส่ซองเขาก็แซวกันแหละ แอนก็กดดันนะ อย่าล้อเล่นเยอะสิ ใจไม่ดี (หัวเราะ) ยังมีอีกหลายคู่เลยนะ แต่งกันแหลกลาญเลย แล้วแอนไม่มีสิทธิได้ซองคืนด้วยนะ เพราะแอนไม่ได้แต่งไง อย่างเจมส์เขาไปงานแต่งคิมเบอร์รี่ (คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส) คิมก็ใส่ซองให้เขา ก็แลกเปลี่ยนกัน แต่นี่มีแต่จ่ายกับจ่าย ไม่ได้กับเขาเลย แต่ถามว่าไม่สามารถใส่ใครน้อยกว่าใครใช่ไหม อันนี้ก็แล้วแต่การเดินทางใช้ชีวิตร่วมกันมา มันก็ไม่เท่ากันหรอกค่ะ แต่หมาก (ปริญ สุภารัตน์) กับเจมส์จิใกล้ชิดมาก ก็จะโดนทวงถามชุดใหญ่หน่อย (หัวเราะ)

แต่คู่ณเดชน์ญาญ่านี่ไม่กล้าให้เขาเลยนะ เพราะเขารวยมาก แอนอาจจะไม่ต้องให้แล้ว อาจจะซื้อผ้าเช็ดตัวให้ก็พอ (หัวเราะ) เอาแบบสีคู่กัน รับขวัญพอแล้ว เพราะเขาก็มหาศาลแล้ว อาจจะไม่ได้ต้องการอะไรจากแอน แต่จริงๆ ของขวัญไม่จำเป็นต้องเป็นเงินนะคะ เป็นของอะไรก็ได้ที่เป็นการเข้าบ้านใหม่ของบ่าวสาว เป็นของมงคล ต้นไม้สักต้นที่เป็นมงคลก็ได้ แต่ทุกคนจะไปโฟกัสที่เรื่องเงิน แต่จริงๆ มันก็ดีสุด เพราะถ้าเขาอยากได้อะไรก็ซื้อไปเลย แต่ถ้าเขาเปิดซองของแอนก็อาจจะมีด่าในใจอยู่ (หัวเราะ)”

ฝุ่นเยอะจริง ต้องปรับการไปวิ่งออกกำลังกายข้างนอก หวั่นปอดเจ๊ง
“ไม่ได้เลย ตาเราแสบไปหมดเลย หายใจไม่ได้เลย แอนก็เลยเปลี่ยนการวิ่ง ไปวิ่งในลู่วิ่งที่บ้านแทน แล้วก็ไปปั่นจักรยานในสตูฯ ที่บ้านแทน ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับแอนนะคะ เริ่มมาตั้งแต่ค่าฝุ่นที่มันโชว์มาตั้งแต่ต้นปีเลยค่ะ เราก็เลยต้องจัดกิจกรรมการออกกำลังกายเราใหม่ จริงๆ ก่อนหน้านี้มันก็มีอยู่แล้วค่ะเรื่องฝุ่น แต่ก็ไม่ได้แคร์มากมาย เห็นเหลืองๆ เกือบแดงก็เอาหน่อย แต่ว่าเช้าๆ มันมักจะยังไม่แดงจัด เพราะแอนตื่น 6 โมงเช้า แต่ถ้า 7 โมงมันเริ่มเปลี่ยนสี แอนก็จะเริ่มทำให้เสร็จก่อน 7 โมงค่ะ

แต่ตอนนี้ไม่ได้เลยค่ะ กล้ามเนื้อได้นะ แต่หัวใจล้มเหลวมาก ปอดเจ๊ง (หัวเราะ) แลกมาแล้วมันไม่คุ้มค่ะ แอนว่าเหมือนปีนี้หรือคนพูดกันเยอะไม่รู้ก็เลยดูซีเรียสขึ้น ปีที่แล้วแอนก็ฝืนๆ อยู่นะ แต่เป็นช่วงสั้นๆ ก็เลยคิดว่าระยะยาวไม่น่าดีกับสุขภาพ ก็เลยต้องปรับการใช้ชีวิตบ้าง แต่ก็ต้องออกมาบ้าง เพราะบางทีแอนจะพาหมาไปเดินเล่น ก็เลยไม่วิ่งก็ได้ เพราะถ้าเราวิ่งเราก็ต้องการออกซิเจนเยอะ เราก็จะหายใจลึกมาก แอนก็จะใส่มาสก์ พอค่าฝุ่นกลางๆ อย่างวันนี้ก็พาลูกไปเดิน มันจะไม่ถึงขั้นเหมือนเราใช้ชีวิตแบบจอดรถทิ้งไว้ในบ้านเลย ไม่ได้ เราก็ต้องออกมาใช้ชีวิตบ้าง”

บอกทุกคนควรสละพื้นที่บ้านตัวเองสักเล็กน้อย เป็นที่ออกกำลังกายในบ้าน
“แต่แอนฝึกเรื่องวิ่งใส่มาสก์มาตั้งแต่สมัยโควิดแล้วค่ะ วิ่งไปใส่มาสก์ไปนี่ฝึกมาเป็นเดือนเลย เกือบปีก็เลยวิ่งได้ แต่ไม่ใช่มาสก์แบบ N95 นะคะ อันนั้นไม่ไหว แต่กิจกรรมการใช้ชีวิตก็จำกัดพื้นที่ลง แล้วก็รู้สึกได้เลยว่ามันแสบตา ก็อาจจะหายใจแล้วเป็นหวัดบ่อย ก็เลยใช้วิธีเลี่ยงด้วยการออกกำลังกายที่บ้าน สิ่งที่เราต้องปรับตัวก็คือควรจะมีพื้นที่ที่บ้านสักไม่กี่ตารางเมตร เอาลู่วิ่งราคาไม่ต้องแพง จักรยานสักอันนึงไว้ในบ้าน ในเวลาที่เราไม่สามารถไปออกกำลังข้างนอกได้ เราอาจจะต้องปรับตัวแบบนั้นค่ะ

แต่เราก็เป็นผู้จัด ต้องออกกองกลางแจ้งด้วย มันก็ต้องใช้ชีวิตนะ เราก็ต้องทำงาน บางทีมันก็ยากอยู่เหมือนกันนะ เลือกไม่ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วแอนมักจะถ่ายละครหลังเดือนเมษายน ไม่ใช่ช่วงพีกของฝุ่น เพราะฝุ่นเขาจะมีความพีกเผากันช่วงปลายปีต้นปี เราไม่ได้ใช้ชีวิตตรงนั้นอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้กระทบกับแอนใหญ่โตอะไรมาก จริงๆ ก็ไม่ได้ถึงกับวางแผนไว้หรอก แต่เราเพิ่งจับสังเกตได้ว่ามันมักจะเกิดตอนนั้น โดยส่วนใหญ่สิ้นปีเราไม่ถ่ายละครกันอยู่แล้ว เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆ มันแพงหมด โปรดักชั่นมักจะหยุดก่อนช่วงไฮซีซั่นอยู่แล้ว เราจะไม่ไปชนกันคนอื่นอยู่แล้ว

ก็ไม่อยากให้ไปเครียดอะไรเยอะ เราเป็นมนุษย์ เรามีหน้าที่ต้องปรับตัวตามสภาพแวดล้อม ตอนนี้เมื่อโลกมันเป็นแบบนี้ก็ต้องสู้ไปให้ได้ และจัดสัดส่วนชีวิตใหม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นอันดับหนึ่งของชีวิต เพราะเขาเป็นต้นทุนใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา ก็อยากให้ทุกคนแข็งแรง และอยากให้พิจารณาเรื่องการมียิมเล็กๆ ในบ้านนะคะ เรามีพื้นที่เยอะแยะมากมายเก็บเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้า ก็เอาเขาสักนิดนึง สามารถปูเสื่อโยคะได้ ก็ลองให้เวลา ให้พื้นที่กับตัวเองมากขึ้นค่ะ อย่าไปเครียด เครียดไปเราก็ตายเร็ว ไม่เครียดก็ตายเร็วอยู่ดี (หัวเราะ) ก็ไม่ต้องไปสนใจ เราต้องใช้ชีวิตต่อค่ะ”













กำลังโหลดความคิดเห็น