xs
xsm
sm
md
lg

“อ.ยิ่งศักดิ์” ควงลูกๆ “นานา-เท็ดดี้” ย้อนเล่าชีวิตถูกล้อ โดนบูลลี่คาแรกเตอร์พ่อ เผยทำไมไม่พาภรรยาออกสื่อบ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์” ควงลูกสาว “นานา” และ ลูกชาย “เท็ดดี้” มาออกรายการด้วยกันในรอบหลายปี เคลียร์ใจความสัมพันธ์พ่อลูกมีเรื่องให้ตีกันตลอด พร้อมย้อนเล่าชีวิตวัยเด็กที่ลูกๆ ต้องเจอคำถามจุกอกเพราะคาแรกเตอร์ของคุณพ่อ เผยสาเหตุที่ไม่เคยพาภรรยาออกสื่อเพราะอะไร ในรายการคุยแซ่บShow ทางช่องOne31

มีข่าวว่ายุติพิธีกรรายการดัง ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็อยากจะบอกกับผู้ชมทุกๆ ท่านว่าอาจารย์ไม่ได้ป่วยอะไร คุณผู้ชมอาจจะใจหายแต่สำหรับ อ.ยิ่งศักดิ์ มีความรู้สึกว่าเราก็มีเหตุผลส่วนตัวเพื่อความสบายใจไม่ได้เกี่ยวข้องกับข่าวลือหรืออะไรต่อมิอะไรหรอก แต่ไม่พร้อมจะตอบตอนนี้”

ตอนนี้ช่วยกันดูแลธุรกิจยังไงบ้าง ?
นานา : “นานาดูแลการเรียนการสอนค่ะ ไม่ว่าจะสอนเด็กนักเรียนไปจนถึงสอนผู้ใหญ่ ดูแลเรื่องสูตรอาหารทั้งหมดรายการมีเดียของคุณพ่อ”

เท็ดดี้ : “จะช่วยในเรื่องการเงิน บริหารจัดการ คุณพ่อสั่งยังไงก็จะมาช่วยเรื่องนโยบาย”

คุณพ่อใช้เงินทุ่มเต็มที่หรือค่อนข้างประหยัด ?
เท็ดดี้ : “เค็มมาก(หัวเราะ) คือเราประหยัด”

อ.ยิ่งศักดิ์ : “เราเป็นคนทำงาน เราทำจากบาทแรกกว่าเราจะมีสิบบาท พันบาท หมื่นบาท แสนบาท ล้านบาท เราทำด้วยเหงื่อ เพราะฉะนั้นเงินบาทเดียวก็มีความหมาย อ.ยิ่งศักดิ์ เค็มโดยปริยายค่ะ เงินหายากเวลาจะใช้ก็ต้องคิด ทุกวันนี้ไม่ได้ยุ่งกับเรื่องการเงินเลยให้เขาไปหมดแล้ว เราไม่เคยจับเงินเลย ไม่เห็นด้วย”

แล้วอาจารย์เอาที่ไหนใช้จ่าย ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็มีเงินเก็บนิดหน่อยดีที่ลูกไม่มาเอาก็บุญแล้ว บอกตามตรงว่าต้องวิ่งออกมาหางานทำนอกบ้าน บางคนบอกว่า 70 เป็นหนี้เป็นสินอะไรทำไมยังต้องมาทำงาน ถ้าเรายังมีลมหายใจ ยังมีความสนุก ยังมีคุณค่า เราทำอะไรเองได้ ห้าบาทสิบบาทก็ยังมีความหมาย”

อาจารย์บอกว่าให้ลูกไปหมดแล้ว ในส่วนของอาจารย์เองก็ยังทำงานเองและใช้ของตัวเอง ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็ใช่ เวลาทำงานได้มีเงินมีทองเท่าไหร่ก็เก็บ เพราะวันนึงเราไม่อยู่เราก็ให้เป็นของเขาทั้งหมดอยู่แล้ว ถ้าวันนี้เราหยุดเราก็ใช้แต่เงินที่เราเก็บมาทั้งหมดวันนึงเราจากโลกนี้ไปเราจะเหลืออะไรให้ลูก ถึงจะให้เขาไปแล้วแต่ก็ยังมีกองกลางอยู่ที่เรา ก็คือลูกได้ธุรกิจไป ได้เงินได้ทองไปเราไม่ยุ่ง ถ้าเขายืนได้ด้วยขาของเขาพ่อแม่ที่ไหนก็ภูมิใจ”

มีจุดไหนที่ไม่เข้าใจกันบ้าง?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “จะถามว่ากัดกันบ้าง?”

นานา : “เวลาบริหารงานมันมีมุมที่ไม่ลงรอยกันบ้าง ทุกๆงานที่ทำด้วยกันเราเชื่อว่าไม่ใช่แค่พ่อกับลูกหรอก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องงานเลย เวลาทำงานด้วยกันจะมีความเห็นที่มองคนละมุมไม่ได้ว่าเขาเผด็จการหรือเขาจุกจิกนะ ไม่ใช่นะ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนเป็นหมดในบ้าน แต่สุดท้ายยอมกันทุกครั้ง มันเป็นงานหลังจากที่คุยกันไม่เข้าใจ หลังจากนั้นก็กินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม”

เท็ดดี้ : “ทุกคนในบ้านรักอาหาร เราตั้งใจทำงาน เราทะเลาะกันเรื่องงานมันก็จะเป็นในเรื่องของเหตุผลอยากให้งานออกมาดี ให้อาหารออกมาอร่อย อยากให้ขนมขายดีๆ สุดท้ายมันก็ต้องมาคุยด้วยเหตุผล ตกเย็นก็ต้องมากินข้าวด้วยกัน ทุกวันเสาร์ก็เจอกัน”

เป็นใครยอมใคร ใครยอมที่จะฟังเหตุผลใครมากกว่า ลูกยอมพ่อหรือพ่อยอมลูก ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “ถามใคร ถ้าถามคุณพ่อ คุณพ่อที่ดีเงียบหุบปาก ฟังหรือไม่ฟังก็ไม่ต้องไปเถียง เพราะเถียงยังไงก็ไม่ชนะสำหรับคนรุ่นใหม่ สิ่งที่อาจารย์ยิ่งศักดิ์ต้องการมากที่สุด อยากให้ทุกครอบครัวต้องเข้าใจว่าความเป็นผู้ใหญ่ เราเลี้ยงลูกมาตั้งแต่เกิดอยู่บนมือยังไงเราก็ทิ้งความห่วงใย ความผูกพันและความรักไม่ได้ จนตายก็ทิ้งไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่ารำคาญเลยถ้าพ่อแม่จุกจิก”

มีเรื่องงอนกัน?
เท็ดดี้ : “ไม่เคยครับ ส่วนใหญ่เรื่องส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เรื่องงานเขาก็จะคอยเตือนคอยพูดคอยบอกตลอด ถ้าเขาจะงอนเขาจะรู้สึกว่าทำไมเขาพูดแล้วเราไม่ฟัง ด้วยประสบการณ์ของเขาพอผ่านไปมันก็จริงอย่างที่ป๊าบอก เขาก็จะเข้าใจว่าเท็ดดี้จะต้องเห็นเคสเอง ป๊าบอกจะไม่ฟังจะต้องไปเจอเองก่อน”

ที่ผ่านมางอนหรือน้อยใจลูก ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “ถ้าเขาอธิบายเรามาก เราเป็นคนเข้าใจนะ จะไม่เซ้าซี้ แต่เราแก่ขนาดนี้ทำไมเราต้องไปถามลูกว่าเรื่องมันเป็นยังไง ลูกเรื่องนี้เคยมีใครบอกอะไรไหม อยู่บ้านตัวติดกันนั่งกินข้าวด้วยกันแต่ดันพูดไม่หมด เราก็ต้องมาถามว่าทำไมวันเสาร์กินข้าวด้วยกันไม่เห็นเล่าเรื่องนี้เลยอะไรอย่างนี้”

เวลางอนเข้าหาก่อนไหมหรือปรับยังไงให้รู้สึกเข้ากันได้มากขึ้น ?
นานา : “เวลาที่คุยกันไม่เข้าใจถ้าคุยกันต่อก็จะทะเลาะกันเพราะฉะนั้นง่ายที่สุดพิมพ์ไลน์คุยส่วนตัว นานาว่าตัวเองโชคดีเรื่องที่ทะเลาะกับเขาหรือเรื่องที่ไม่เข้าใจส่วนมากเป็นเรื่องงาน เพราะฉะนั้นถ้าเป็นเรื่องงานมันเอาเหตุผลและความถูกต้องมาวางได้ หลังจากอารมณ์โกรธกันหมดแล้ว พอกลับมาอ่านไลน์กันจะรู้สึกว่า อ๋อ…อีกคนเขาคิดแบบนี้ เฉพาะหนูกับเขาเป็นวิธีนี้”

คุณพ่อโอเคไหมวิธีนี้ ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็อ่านตอบหรือไม่ตอบก็อ่านไป จบ เพราะยังไงก็ตามอายุเรามากกว่าเลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด เราย่อมรู้ดีว่านิสัยเขาเป็นแบบไหน ปุ๊บเดียวก็ขึ้น ปุ๊บนึงก็เป็นแบบนี้ เดี๋ยวหลังจากนี้ก็คิดได้เองว่าไม่ควรทำ เรารู้นิสัยเขาเป็นคนปากแข็ง คาแรกเตอร์แข็ง ข้างนอกดูแข็งกระด้างแต่ข้างในความรู้สึกจริงๆ เขาเป็นคนอ่อนไหวเกินไป บางทีมีความรู้สึกว่ามันเหมือนกระจกเงา บางทีก็ไม่รู้จะไปพูดอะไรเหมือนพูดกับตัวเองพูดแล้วก็พูดไม่รู้เรื่อง บางทีจะไม่ว่าอะไรเขาก็ไม่ได้ บางทีก็กรรมเวรของกูมั้ย ครึ่งนึงเขาตัวเขาคือชีวิตของเรา ครึ่งนึงเป็นแม่เขา เพราะฉะนั้นเราทำอะไรไปเราก็ทำตัวเองครึ่งตัวอยู่แล้ว พูดกับลูกเสมอว่าจำไว้เลยนะเลือดครึ่งตัวของหนูคือป๊าอีกครึ่งตัวของแม่ เพราะฉะนั้นเวลาจะทำอะไรป๊าต้องคิดเสมอป๊าไม่ทำตัวเองหรอก แต่ห่วงใยแล้วก็พูดตลอดเวลาอาจจะดูน่ารำคาญ แต่ถ้าวันนึงฉันไม่อยู่เขาจะได้ยินเสียงเซ้าซี้และจุกจิกไหม”

ความรู้สึกของคุณลูกๆ บอกว่าคุณพ่อจู้จี้จุกจิกหนักมาก ?
เท็ดดี้ : “ก็ตามที่เขาบอกนั่นแหละ แต่พอมานั่งคิดอยู่ดีๆ จะมาจู้จี้จุกจิกกันทำไม ด้วยความที่เป็นห่วงเห็นเรายังทำไมได้ ทำไม่เสร็จ ด้วยความเป็นห่วงเขาก็ต้องมาช่วย”

มีแอบโกรธบ้างไหมมีความรู้สึกว่าท่านดื้อหรือท่านไม่ฟังอะไรเลย มีมั้ย ?
เท็ดดี้ : “ส่วนใหญ่เขาเป็นคนที่จี้แล้วจี้ตรงจุด เราไม่มีสิทธิ์โกรธ”

เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยแต่ไม่เคยจำสูตรได้ ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “คือมีความรู้สึกว่าถ้าจะเรียกลูกมาสอนทำจานนี้ลูกโตเกินไปที่จะสอนแล้ว เขาเก่งเขาทำอะไรเองได้ ทุกวันเสาร์เป็นวันครอบครัวจะเข้าครัวทำอาหารเอง ถึงเวลามีหน้าที่กิน จะทำกับข้าวทุกวันไม่ซ้ำต่อให้เป็นแกงส้มเดือนนี้ เดือนหน้ามีแกงส้ม น้ำแกงส้มก็ไม่เหมือนเก่า ฉันจะใส่สับปะรดมันก็เรื่องของฉัน ฉันพยายามจะสอนให้เขาเห็นว่าเวลาเราทำอะไรจากความเข้าใจมันไม่มีความจำเป็นต้องชั่งต้องตวง เราสามารถทำให้มันดูอร่อยได้และเป็นรสของครอบครัวได้”

เวลาพ่อเปลี่ยนสูตรมันอร่อยเหมือนกัน ?
นานา : “ความเจ๋งคือทุกครั้งที่ทำอร่อยคนละแบบ ถ้าวันนั้นเขาทำอร่อยแบบถูกใจจริงๆ ก็จะถามเขาว่าอันนี้ทำยังไง แต่ว่าสัดส่วนไม่มีแต่ว่าบอกได้ว่าใส่อะไรบ้าง สนุกตรงที่ว่าสมมติเราถามว่าใส่อะไรบ้าง ถ้าอยู่กับเขาในครัว เขาจะแกล้งเรียกเราไปหยิบอันโน้นสิแล้วระหว่างเรียกเราเขาก็จะแกล้งหยอดอย่างอื่น เราก็ไม่มีทางรู้ว่าจริงๆ เขาใส่อะไร”

อ.ยิ่งศักดิ์ : “คนที่มีหัวใจในการทำครัวที่ดีจะต้องทำอาหารถูกปากคนกินไม่ใช่เอารสของตัวเองเป็นที่ตั้ง คุณไม่ได้ทำกินเองคุณทำให้คนในครอบครัว ฉันทำกับข้าวบนโต๊ะลูกฉันและคนในครอบครัวทุกคนต้องแฮปปี้”

ลูก 2 คนหวงเท็ดดี้มากสุด ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “คนที่มีลูกเกิน 1 คน พ่อแม่ทุกคนรักลูกเท่ากันหมด แต่จะห่วงใยในมุมไหนเท่านั้น อย่างคนนี้ไม่ต้องไปเซ้าซี้เดี๋ยวโดนมันกัด(นานา) ส่วนคนนี้เขาอาจจะมีจุดบางจุดที่ความละเอียดเขาไม่มี (เท็ดดี้) พ่อแม่ทุกคนห่วงลูกเท่ากัน”

ฝั่งลูกสาวอยากให้คุณพ่อห่วงหรืออยากให้ทำอะไรให้เหมือนลูกชาย?
นานา : “ไม่นะ เขาดูแลทุกคนมากๆ แล้ว พอใจแล้ว”

ไม่คิดจะหาสะใภ้หรือหาเขยให้ลูกบ้างหรอ ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “คนนี้ต้องไม่ เขามีเพื่อนของเขา(นานา) ส่วนคนนี้เราก็เข้าใจว่าต่อให้ 30 กว่าแล้วเขายังคงทำงาน (เท็ดดี้) เราคิดว่าลูกเราทั้ง 2 คน 80% ของชีวิตเขาก็ทุ่มให้กับงานที่เราเอาไปใส่ให้เขา เราก็คิดว่าถ้า 30 กว่า ได้ธุรกิจอย่างนี้เราถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่โชคดีแล้ว ถ้าเขามีเวลาไปหาแฟนถ้าช้านิดนึงก็ไม่เป็นไร”

แล้วอาจารย์มีสเปกของลูกเขย ลูกสะใภ้ ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “เรื่องอื่นทำได้หมดแต่เรื่องหาผัวกับหาเมียให้ลูกอย่าทำ เขาต้องอยู่จนลมหายใจสุดท้าย ไม่ใช่เราเลือกเราพอใจเราไม่ได้ไปนอนกับเขา เขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเลือกเองเถอะ”

ในวัยเด็กเคยเจอคำถามจุกๆ ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?
เท็ดดี้ : “เด็กมากเลยตอนนั้น เป็นเรื่องปกติลูกอาจารย์ยิ่งศักดิ์หรือเปล่าแล้วก็แซวโน่นนี่นั่น แต่ผมมองว่าด้วยความที่เรารู้อยู่แล้วว่าที่บ้านเรายังไง เพื่อนก็แซวกันตามประสาเด็กๆ สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าทำไมแซวจังวะ ก็ลูกอาจารย์ยิ่งศักดิ์ไงทำไมเหรอ”

เขาแซวเกี่ยวกับเรื่องอะไรในตัวอาจารย์มากที่สุดตอนนั้น ?
เท็ดดี้ : “เป็นเรื่องคาแรกเตอร์”

ย้อนไป 20 กว่าปีที่แล้วคาแรกเตอร์อาจารย์เป็นแบบนี้ไหมหรือแข็งกว่านี้ ?
เท็ดดี้ : “พอเพื่อนๆ มาเจอคุณพ่อจริงๆ เขาก็รู้เลยว่าไม่ต้องมานั่งล้ออะไรกันแล้ว”

อาจารย์เคยรู้เรื่องนี้?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “เคยได้ยินนะ คุณแม่ของเขามาพูดนิดๆ หน่อยๆ ถามตัวเรานะเราก็มีความรู้สึกเหมือนกันบางทีคาแรกเตอร์ของพ่อจะเป็นแบบเราหรือจะเป็นแบบใครก็ตามทำไมลูกๆ ชอบล้อ แต่เรามานั่งนึกอีกทีมันเป็นเรื่องของวัยนะ เมื่อมันผ่านวัยนั้นไปแล้วทุกคนก็โตขึ้นก็มีความคิดแล้วว่าการให้เกียรติกันมันมีมากขึ้น”

เพราะคาแรกเตอร์แบบนี้ทำให้มีงานมีเงินมีชื่อเสียงแล้วก็ทำให้มีทุกวันนี้ ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็ไม่รู้ว่าใช่เพราะคาแรกเตอร์หรือเปล่าที่ทำให้เรามีวันนี้ แต่เรามีความรู้สึกว่าเราเป็นคนที่มีความตั้งใจทำงานจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราคิดว่าความรู้ของเราเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราสามารถแสดงความรู้ของเราได้ว่าเราเป็นผู้มีทักษะ เรามีเงินเราไม่ได้ขอใครกิน”

นานาโดน?
นานา : “โดน ถามว่าเป็นลูกเขาจริงๆ เหรอ ตอบตลกไปว่าดูหน้าสิ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนเท็ดดี้ ทำไมคนถึงมองแล้วเหมือนบูลลี่ตอนเด็กๆ ก็ไม่เข้าใจ พอวันนึงโตขึ้นมาแล้วเรามองภาพกว้างกว่านั้น นอกเหนือจากป๊ายังมีคนที่เป็น LGBTQ อย่างเราถ้าเรามีลูกก็อยากจะสอนลูกให้ลูกภูมิใจด้วยซ้ำไม่ว่าพ่อกับแม่จะเป็นคาแรกเตอร์ยังไงในวันนี้ต้องขอบคุณคนเหล่านั้นด้วยซ้ำที่ชื่นชอบพ่อเรา ด้วยความคาแรกเตอร์ที่ป๊าเป็นแล้วเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้ทำให้พวกเรามีงานมีเงินใช้”

หลายคนถามว่าไม่เคยมีโอกาสได้เห็นอาจารย์พาภรรยาออกรายการเพราะอะไร ?
อ.ยิ่งศักดิ์ : “เขาไม่ใช่คนไทยเวลาเขาจะพูดอะไรเขาขาดความมั่นใจในตัวเอง เพราะว่าเขาเป็นคนสิงคโปร์แต่พูดภาษาไทยได้ เวลาฟังคำบางอย่างที่มันซับซ้อนมากๆ เขาไม่สามารถที่จะอธิบายได้ แล้วไอ้พวกนี้เวลาแม่พูดคำไหนผิดก็ไปล้อเขา เขาเป็นคนไม่ชอบการออกทีวี ออกทีวีทำกับข้าวกับลูกถือว่าเป็นไฟลต์บังคับที่สุดสำหรับเขาแล้ว คาแรกเตอร์เขาไม่ใช่คนที่แบบเราสามคนเป็น ถามคำตอบคำ แต่ถ้าสนิทด้วยเขาจะเป็นคนพูดเก่ง”

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama



















กำลังโหลดความคิดเห็น