xs
xsm
sm
md
lg

“เอกพันธ์-บิณฑ์” เจอศพ “แตงโม” คนแรก หนุนให้รื้อคดี มั่นใจหน้าถูกทุบด้วยของแข็ง แผลถูกของมีคมไม่ใช่ใบพัดเรือ! (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เอกพันธ์” เจอศพ “แตงโม” คนแรก มั่นใจใบหน้าถูกทุบด้วยของแข็ง แผลถูกของมีคมไม่ใช่ใบพัดเรือ เล่าเหตุการณ์เคลื่อนร่าง ถูกตร.ยศใหญ่สั่งเปลี่ยนกะทันหันให้ไปส่งร่างนิติเวช รพ.ตร. แทนธรรมศาสตร์ ถูกกีดกันเป็นพยาน ทนายแม๊ข่มขู่ระวังคุก “บิณฑ์” ดีใจมากรื้อคดี แตงโมต้องได้รับความยุติธรรม


การรื้อคดีของนางเอกสาวผู้ล่วงลับ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ให้กลับมาอีกครั้งในตอนนี้ นอกจากจะมีกลุ่มของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์, นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, ณวัฒน์ อิสรไกลศีล และตัวแทนนางงามมิสแกรนด์ที่เป็นโต้โผหลักแล้ว ก็ยังมีคู่พี่น้อง “บิณฑ์-เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์” ที่ยินดีและพร้อมที่จะเป็นพยานให้กับการรื้อคดีครั้งนี้ ถือเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะเป็นผู้ที่พบศพคนแรก ซึ่งทั้งคู่ได้มาเปิดใจถึงเรื่องนี้ในงานเสวนาวิชาการ “ไทยทันเทรนด์ 2568 จับกระแสสตรีมมิ่งกับความสำเร็จอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงโลก” ณ ห้อง Boontarik 2 โรงแรม Chartrium Grand Bangkok บอกว่าดีใจที่จะได้เห็นการคืนความยุติธรรมให้กับแตงโม

บิณฑ์ : “ผมว่ามีการรื้อคดีขึ้นมานี่ดีนะ ความยุติธรรมมันต้องมีในประเทศไทย ถ้ามันไม่มีความยุติธรรมก็ไม่รู้ว่าประเทศไทยจะมีคำว่ากระทรวงยุติธรรมไว้ทำไม เราจะบอกว่ากฎหมายอาจจะไม่ยุติธรรม แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ แต่เมื่อไหร่กฎแห่งกรรมจะทำงานล่ะ ผมว่าในการที่รื้อคดีใหม่ของแตงโม ผมว่าโอเค ผมเห็นด้วยนะ คนไทยผมว่า 80% เห็นด้วยว่าจะต้องทำสิ่งนี้ให้มันถูกต้อง และกู้ศักดิ์ศรีของกฎหมายไทยกลับคืนมา ใครผิดก็ว่าไปตามผิด เอาความถูกต้องกลับมา

ทุกวันนี้มันไม่ถูกต้อง ใครมียศ มีเงินก็ตัดไป แต่คนจนๆ คนที่ไม่มีอะไรไปเอาเขาติดคุก เอาเขาให้ถึงตาย แต่ถ้าตัวเองมีเงิน มีอำนาจก็แบบนี้แหละ แต่วันนั้นผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หรอก เป็นคุณเอกพันธ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอด แล้วเขาก็ส่งรูปมาให้ผมดู พอผมเห็นก็บอกเลยว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุแล้ว มันต้องมีอะไรสักอย่าง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกเหมือนกันว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่พอคุณเอกพันธ์เขาไปพูดกับสื่อหรืออะไรก็จะโดนด่า โดนว่า ดรามาอย่างนั้นอย่างนี้”

บอกโดนทนายความของ “คุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน” คุณแม่ของ “แตงโม”ขู่ว่าถ้าพูดอะไรด้วยความคึกคะนอง จะเอาเข้าคุก
เอกพันธ์ : “เขาบอกว่าสิ่งที่คุณเห็นนี่ คุณเติมแต่งเสริมอะไรหรือเปล่า สิ่งที่คุณพูดระวังนะ คำพูดต่างๆ โดยที่คุณอาจจะพูดด้วยความคะนองหรืออะไร มันอาจจะเป็นสิ่งที่ฟีดแบ็กกลับมาทำให้คุณต้องติดคุก คนที่พูดก็คือทนายที่รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง เขาจะฟ้อง เขาบอกจะเอาติดคุกเลยดาราที่ทำมูลนิธิ เขาพูดอย่างนี้เลย คือสิ่งที่ผมเห็นผมก็พูดไป มันไม่ใช่ความผิด เราไม่ได้ไปเติมแต่งบาดแผลเลย วันนั้นถ้าเกิดผมไม่พูดเนี่ย ทุกสิ่งทุกอย่างจบ

นักข่าวมาถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง ผมก็เอะใจแล้วว่าบาดแผลนี้มันไม่น่าจะใช่ใบพัดเรือ แต่คนบนเรือเขาออกข่าวไปก่อนหน้านั้นแล้วว่าแตงโมตกน้ำแล้วโดนใบพัดเรือเสียชีวิต แต่ผมเห็นบาดแผลแล้วมันไม่ใช่ใบพัดเรือแน่นอน ผมก็เลยบอกพี่ๆ น้องๆ นักข่าวไปว่าสิ่งที่ผมเห็นแผลยาวประมาณ 1 คืบ และลึกมาก มีเนื้อออกมาเยอะแยะเลยตรงโคนขาขวาด้านใน ทุกคนก็เล่นประเด็นนี้ขึ้นมา มันก็เลยทำให้เรื่องนี้ไม่จบ ก็เลยต้องพิสูจน์กันเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายจนถึงปัจจุบันนี้ ก.พ.นี้ก็ครบ 3 ปีเต็ม”

ยืนยันบาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือแน่นอน
เอกพันธ์ : “ถามว่าทำไมสิ่งที่ผมพูดว่าไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือมันถึงไม่ได้มีการพูดถึงทันที คือมันมีขบวนการนึงซึ่งกดสำนวนเกี่ยวกับคดีนี้เอาไว้ไม่ให้ขยายต่อ ไม่ให้เรื่องราวต่างๆ ที่เข้ามาในสำนวนแล้วเรื่องจริงไม่สามารถไปต่อได้ ทุกคนบนเรือต้องผิดหมด เพราะทำให้คนอื่นเสียชีวิตโดยที่ไม่ใช่อุบัติเหตุ อาจจะเป็นฆาตกรรม คนใดคนหนึ่งที่ทำ แต่ไม่มีใครกล้าพูดความจริง แต่ละคนพูดไม่เหมือนกันเลย แม้กระทั่งคนที่อยู่ใกล้แตงโมที่สุดพูดอีกอย่างนึง คนที่อยู่หัวเรือก็พูดอีกอย่างนึง แต่ทำไมสำนวนมันไปตามที่เขาจะเขียนให้คนบนเรือถูกและมีอิสรภาพ และตัดสินไปแล้วด้วย

ตอนที่พบศพแตงโมถามว่ามือไขว้หลังไหม คือวันแรกที่ได้เห็นสภาพศพน้องคว่ำหน้าอยู่ มืออยู่ข้างหลัง แต่มือไม่ได้มีเครื่องพันธนาการต่างๆ แต่มือน้องอยู่ที่หลัง คนจมน้ำพอลอยไปตามกระแสน้ำก็จะอยู่อย่างนี้ ตอนนั้นผมเห็นแค่เส้นผม ยังไม่เห็นหน้า มีเห็นสะโพกนิดหน่อย เพราะน้องใส่บอดี้สูท แต่ไม่ได้เห็นว่ามือไขว้หลังเพราะโดนมัด ไม่ได้แบบนั้น หรืออาจจะโดนมัดแล้วมาแก้ แล้วค่อยปล่อยลงน้ำหรือเปล่าผมไม่เห็น

แต่ถามว่าผมเชื่อไหมที่เขาว่าน้องตกน้ำเพราะไปฉี่ท้ายเรือ ตอนแรกก็คิดว่าอย่างนั้นจริงๆ แต่ก็มาเอ๊ะอีกนิดนึง ถ้าอืดขึ้นมาตามธรรมชาติคนเราจมน้ำลงไปทุรนทุราย พอวันที่ 3 ต้องอืดขึ้นมาแน่นอน แต่สภาพของน้องมันไม่ได้เป็นตามธรรมชาติที่คนธรรมดาตกน้ำตาย ตาจะต้องถลน ลิ้นจะต้องออกมาเยอะ แล้วตาจะต้องมีเลือด หรือจมูกต้องมีคราบเลือดอะไรต่างๆ แต่หน้าน้องไม่เป็นอย่างนั้น ท้องก็แบน หน้าฝั่งด้านขวาบวมช้ำ ตาปูด อีกข้างนึงไม่มีอะไร แต่ตาเปิดเห็นตาขาวกับตาดำเต็มลูกตา ฝั่งนึงต้องโดนของแข็งตีแน่นอน ถ้าโดนใบพัดเรือทำไมหน้าถึงไม่เละไม่อะไรเลย แต่น่าจะโดนของแข็งไม่ทราบว่าโดนอะไร เพราะตาปูด เพราะถ้าจมน้ำจริงๆ แล้วตาจะต้องถลน 2 ข้าง”

บิณฑ์ : “เขาก็ไปทำแผนมาหมดแล้วนะ เพราะพอตกเรือปุ๊บ เรือก็แล่นไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นตัวคนก็ต้องห่างจากเรือ แล้วจะไปโดนใบพัดเรือได้ยังไง”

เอกพันธ์ : “เขามีข้อความใหม่ขึ้นมาไง ที่ปอ (ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์) เขาเห็นว่าแตงโมเกาะอยู่ที่ท้ายเรือ 10 วินาที แต่ถึงจะเกาะ 10 วินาทียังไงก็แล้วแต่ คุณเอาขาแหย่ไปที่ใบพัด คือใบพัดมันมี 3 ตัวที่หมุนไปตามกัน ถ้าเอาขาแหย่เข้าไป บาดแผลที่อยู่ที่ขามันต้องเปิดเห็นกระดูกหรือเห็นเนื้ออะไรก็แล้วแต่ แต่มันไม่ใช่แผลแบบนั้น มันกรีดลงมาตรงๆ เลย ผมเดาเอานะว่าเขาน่าจะมีการคิดว่าถ้าเกิดบอกแตงโมตกน้ำแล้วโดนใบพัดเรือ แต่เขาลืมฉุกคิดไปว่าใบพัดเรือมันหมุน มันไม่ได้เป็นเกลียวแล้วปั่น เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เอามีดมากรีดเลย เพื่อจะให้สมกับที่เขาพูดให้การว่าโดนใบพัดเรือ

แต่เขาไม่มีความฉลาดว่าใบพัดเรือบาดแผลมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ถ้าเขากรีดเหมือนโดนใบพัดเรือมันยังพอเข้าใจได้ว่าบาดแผลมันอาจจะโดนใบพัดเรือจริง แต่มันคงจะรีบแหละนะ เอาตรงไหนดี ก็เอาตรงโคนขานี่แหละ และตรงน่องน้องก็เหมือนโดนแทงเข้าไปลึก และมีมันจุกออกมา ถามว่ามีดกับใบพัดทางนิติเวชจะดูไม่รู้เลยเหรอ ทุกคนเขารู้หมด แต่มีคนที่ใหญ่กว่านิติเวชมาบอกว่าให้มันเป็นอย่างนี้”

บิณฑ์ : “พอแล้วๆ ขาข้างนึงเข้าคุกแล้ว (หัวเราะ)

ลั่นไม่กลัวว่าจะโดนฟ้อง เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
เอกพันธ์ : “เรื่องฟ้องผมไม่กลัวเลย เพราะอย่างที่คุณอาสนธิ ลิ้มทองกุลบอกว่าความจริงมีหนึ่งเดียว ทำไมทุกคนไม่พูดความจริง ถ้าพูดความจริงทุกอย่างก็กระจ่าง แต่ทุกคนไม่พูดความจริงไง มันก็ทำให้รู้สึกว่าคนที่เขาสงสารน้อง เขาก็ต้องรวมตัวกันเพื่อจะรื้อคดี ค้นหาความจริง ความยุติธรรมให้กับน้องแตงโม เพราะน้องเป็นคนที่น่ารักมาก”

บิณฑ์ : “เวลาไปไหนทุกคนก็จะบอกว่าฝากน้องแตงโมด้วยนะ ยิ่งพอมารื้อคดีปุ๊บ เวลาไปไหนคนจะบอกตลอดเลยว่าช่วยดูเรื่องน้องแตงโมหน่อยนะ ฝากด้วย ทุกคนคอยเป็นกำลังใจ”

เอกพันธ์ : “วันที่เกิดเหตุ 2-3 วันผมได้ลงในเฟซต่างๆ เลยว่าผมเนี่ยเป็นตัวแทนหมู่บ้านของน้องแตงโมนะ อยากให้มันคลี่คลาย อยากให้น้องได้รับความยุติธรรม”

บิณฑ์ : “พวกผมพร้อมที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้แตงโม สังคมมันต้องมีความยุติธรรม ไม่งั้นอยู่ไม่ได้หรอก”



บอกเกือบจะได้ไปเป็นพยานแล้ว แต่โดนแคนเซิลกะทันหัน
เอกพันธ์ : “ถามว่าเคยมีใครเรียกผมไปเป็นพยานไหม เขาเคยจะมีนะ แต่พอจะถึงเวลาจริงเขาแคนเซิล บอกว่าไม่ต้องไปแล้ว ผมก็งง แต่ถ้าเกิดเราไปแล้วพูดอะไรไป เขากลัวว่าในสำนวนเขาจะลงไม่ได้ เพราะเราพูดความจริงไง และเราเป็นพยานได้เพราะเราเห็นแผลคนแรก ผมก็ไม่ทราบนะว่าคนที่ไม่ให้ผมไปเป็นใคร ขนาดตอนที่ผมจะเอาน้องไปส่งที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อจะเอาน้องไปผ่าพิสูจน์ เพราะมันต้องอยู่ในพื้นที่ แต่อยู่ๆ มีโทรศัพท์ขึ้นมา ยศใหญ่เลยแหละ บอกว่าคุณไทด์ครับขอให้เอาน้องแตงโมไปที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ผมก็บอกว่าร้อยเวรให้ผมมาที่นี่นะ ผมก็ยังเถึยงเขานะ ว่าผมก็จะถึงแล้ว แต่เขาบอกว่ากลับรถตอนนี้เลยครับ เอาน้องมาที่นิติเวช ผมก็ถามว่าแล้วยังไง เพราะร้อยเวรบอกให้ผมไปที่นี่ เขาก็บอกว่าคุณฟังผมคนเดียวครับ

ผมก็เลยไม่ได้ไปเป็นพยานในคดีนี้ ผมก็มีหน้าที่แค่เอาน้องขึ้นมาจากน้ำและพาไปส่งที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจแค่นั้น เขาไม่กล้าเรียกผมไปเป็นพยาน ถามว่ามีสายตรงอำนาจมืดมาถึงผมไหม เขาไม่รู้เบอร์ผมหรอก (หัวเราะ) ก็มีทนายนี่แหละ ที่ตั้งโต๊ะกับคุณแม่ เพราะว่าตอนนั้นคุณแม่อนุญาตให้ทนายคนนี้มาทำคดีของน้องแตงโมให้กับคุณแม่ ทีนี้เขาก็ใส่ใหญ่เลย”











กำลังโหลดความคิดเห็น