xs
xsm
sm
md
lg

น่าตกใจ! “แสตมป์” ลั่นยิงมาพร้อมสู้ ศัตรูมีคนเดียว! เมียถูกคุกคาม ขึ้นศาลแล้วไม่จบ - เจอนายพลข่มขู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เคยออกมาเผยถึงเรื่องราวที่ “นิว จีริสุดา” ภรรยาถูกคุกคามบุกไปหลังเวทีถ่ายรูป กล่าวหาว่าเป็นบ้า จนต้องพึ่งศาล ซึ่งที่ผ่านมาทำให้นักร้องชื่อดัง “แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” เลือกรับงาน หายหน้าหายตาไปจากคอนเสิร์ตต่างๆ เป็นเวลานานถึง 2 ปี

ล่าสุดโลกออนไลน์ ได้แชร์คลิปที่แสตมป์ ออกมาพูดถึงเรื่องราวตนเอง ไล่เรียงเหตุการณ์อย่างละเอียดบนเวทีคอนเสิร์ตแห่งหนึ่ง ก่อนเผยว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับตนและภรรยา ขอให้รู้เอาไว้ว่ามีศัตรูเพียงคนเดียว พร้อมเผยถูกนายพล ซึ่งเป็นพ่อของคู่กรณีข่มขู่ ลั่นถ้ายิงมาก็ต้องสู้ บอกแม้เรื่องในศาลจบ เพราะอีกฝ่ายชิงรับสารภาพ แต่ภายหลังออกจากศาล คู่กรณีกลับไม่ยอมจบ นำตนและภรรยาไปแขวนด่าแรง แต่ถึงอย่างไรวันนี้ก็ดีใจที่ได้ปกป้องภรรยา

“ผมขอเล่าเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมันจะปกป้องคนในครอบครัวผมได้ ถ้าผมนำมาออกสู่แสงสว่าง ภรรยาผมถูกโจมตีในที่มืดมานานเกินไปแล้ว ผมหายไปช่วยฟ้องร้องคน 2 คน ที่บุกรุกเข้ามาถ่ายรูปภรรยาผมหลังเวที ทั้งปี 2567 ไปฟ้องเขามา

เริ่มจากว่ามีคนๆ หนึ่งสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความเกลียดชัง สร้างความเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับภรรยาผม ในวงการเพลงและนอกวงการเพลง ทั้งที่เขาไม่ได้รู้จักกับภรรยาผมเป็นการส่วนตัวมาก่อน และก็มีคนหลงเชื่อถึงขั้นมาโพสต์ด่าโจมตี บุกเข้ามาหลังเวทีจนเราทำงานไม่ได้

คนๆ นี้โผล่หน้ามาให้ภรรยาผมรำคาญใจมาเป็นกว่า 10 ปี ทั้งที่ไม่รู้จักกัน เรื่องมันร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2565 สามปีก่อน ที่มีตัวละครเพิ่มเข้ามาคือแฟนของเขาที่ทำงานในดนตรีวงหนึ่ง ทำให้เขามีป้ายห้อยซึ่งจะสามารถบุกรุกเข้ามาหลังเวทีที่ไหนก็ได้ตามอำเภอใจ

ในช่วงปี 2565 ขณะที่ผมเล่นดนตรีอยู่บนเวที 2 คนนี้ก็แวะมาโฉบผ่านหน้าผ่านภรรยาผม บางครั้งบางวันก็มาสร้างสถานการณ์มานั่งร้องไห้ใกล้ๆ ภรรยาผมทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเป็นการส่วนตัว ซึ่งภรรยาผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้ว่ามันน่าจะไม่ปลอดภัย แต่เธอไม่อยากมีเรื่องไม่อยากตกเป็นข่าว เธอจึงใช้วิธีหลบเลี่ยงเอา ภรรยาผมบอกกับผู้จัดงานว่าขอไม่รับงานร่วมกับวงดนตรีวงนี้ไปก่อนคิดว่าจะจบได้โดยที่ไม่ปะทะกัน

จนในวันที่ 26 ก.พ. 2566 อีก 1 ปีต่อมา มีงานๆ นึงเป็นเฟสติวัลที่เดอะสตรีทรัชดา เราทราบไม่กี่วันก่อนหน้าว่าเราจะต้องไปเล่นกับวงนี้ เราแคนเซิลไม่ทันแล้ว ทำให้ต้องเดินทางไป เมื่อไปถึงพบว่ามีคนมาดูต้นทาง มีพยานรู้เห็นเป็นคนในวงเราบอกว่าสองคนนี้มาดักรอ มานั่งรอหน้าห้องพักศิลปินพวกเราเป็นชั่วโมงแล้ว เมื่อเราเดินทางไปถึง จำได้ว่ารู้ว่าอันตรายแล้ว พบกับภรรยาเดินเข้าไปสองคนนี้ปรี่เข้ามาประชิดตัวภรรยาผม พูดจากล่าวหา หาเรื่อง มีคนอัดดคลิปวิดีโอไว้ ผมไม่ทราบว่าจากทิศทางไหน แล้วเขาไปบอกกับคนอื่นในวงการเพลงว่าบังเอิญเจอภรรยาผมหลังเวทีแล้วภรรยาผมไปคุกคามเขาโดยไม่มีสาเหตุ

คนที่ได้ฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่ามันไม่เมกเซ้นส์ก็ติดต่อเรามา แต่ภรรยาผมก็ยังไม่เอาเรื่องเอาความ แต่ขอใช้การ์ด ไปลาดตระเวนก่อน 1 ชั่วโมงว่ามีสองคนนี้ไหม ปรากฏว่าเจอบ้างในปี 66 ไม่นานหลังจากนี้สองคนนี้ก็ลาออกจากวงดนตรีวงนั้นไป พวกเราติดต่อไปทางหัวหน้าวงดนตรีวงนั้นว่าขอโทษจริงๆ ที่ผ่านมาเราร่วมงานกันไม่ได้ เราไม่ได้มีอะไรกับคุณเลย นะ แต่สองคนนั้นเขาปั่นป่วนเราตลอดจนเราทำงานไม่ได้ แต่ตอนนี้เราทำงานร่วมกันได้แล้ว เพราะเป็นเพื่อนกันมาตลอด หัวหน้าวงก็ให้ข้อมูลว่าสองคนนั้นเป็นแค่แฟนของทีมงานรู้จักแค่นั้นไม่เคยร่วมงานในตำแหน่งใด ผมเลยทักไปหาในคนที่เคยโพสต์ในโซเชียลว่าคนนี้เป็นสไตลิสต์แต่เขายังไม่ตอบผม ถ้าได้ยินสิ่งนี้ตอบผมมาด้วยว่าเอามาจากไหน

ผ่านไปไม่นาน 2 คนนี้ย้ายไปอีกวงซึ่งอยู่มานานจนถึงปัจจุบันนี้ ตั้งแต่วันแรกที่รู้เราก็ใช้คอนดิชั่นเดียวกันขอไม่รับงานร่วมกันเพื่อจะไม่อยากปะทะ ไม่อยากเป็นข่าวอะไรทั้งสิ้น คิดว่าจะจบได้ ผ่านมาถึง 21 ต.ค. 2566 จำได้ดี ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เดินเข้ามางาน ก็มีจำเลยคนนี้ยืนดักรออยู่ ภรรยาก็พาผมเบี่ยงตัวไปซ่อนในห้องพักศิลปิน จนกระทั่งถึงเวลาสแตนบายโชว์ของเรา ผมก็ต้องออกไป ไม่มีทางเลือก เจอคนนี้ยืนรออยู่มองด้วยความอาฆาตมาตรร้าย ชูมือถือขึ้นสูงพร้อมอัด สุดท้ายก็เกิดการปะทะกัน

และเช่นเคยก็ไปบอกคนอื่นว่าบังเอิญเจอกันหลังเวทีแล้วภรรยาผมก็ไปคุกคามเขาโดยไม่มีเหตุผล แต่วันนั้นผมเริ่มเช็ก เราไม่ได้ใช้การ์ด เพราะเราเช็กแล้วเช็กอีกว่างานนั้นไม่มีคนนั้นอยู่เราชะล่าใจว่าเราเล่นได้ เราไม่ได้เอาการ์ดไป ปรากฏว่าเขามากับวงอะไร ทำไมไม่มีรายชื่อวงนี้ ก็ขอผู้จัดงานไป เขาส่งชื่อมา เป็นเพื่อนที่ดีของเรา ขอบคุณมากๆ ครับ รายชื่อทีมงานทุกตำแหน่ง วงเกาหลี วงไทย วงญี่ปุ่น วงไต้หวัน ไม่มีชื่อสองคนนี้ เราโทรไปถามซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่จะเล่นก่อนหน้าเราว่ารู้จักคนนี้ไหม เขาบอกว่ารู้แต่ไม่ได้มา แสดงว่าเขาไม่ได้บังเอิญเจอแน่นอน เขามาเพื่อดักรอภรรยาผม ถึงกระนั้นก็ยังไม่เอาความ

7 วันต่อมา 28 ต.ค 2566 2 คนนี้ไปนั่งดักรอผู้บริหารเจ้าของค่ายเพลงค่ายใหญ่ที่สุดค่ายนึงในตอนนี้ของประเทศเรา ไปดักรอที่โซฟาทั้งที่เขาไม่ได้รู้จักมาก่อน ดักรอแล้วร้องไห้ เล่าว่าไปงานเฟสติวัลแล้วไม่ปลอดภัยถูกคุกคามโดยภรรยาผม ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็รับฟังให้คำปรึกา แต่รู้สึกว่ามันไม่เมกเซ้นส์ก็เลยติดต่อมาฟังความข้างเรา แล้วรู้สึกว่าพวกเราเดือดร้อนว่ะ

ในปีต่อมาท่านก็เสียสละเวลาและเสียอะไรต่างๆ ในชีวิตท่าน ไปขึ้นศาลเป็นพยานให้เราว่าสองคนนี้มาทำลายชื่อเสียงภรรยาผม ไม่อยากให้ผมทำงานต่อหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

เหตุการณ์ที่ธันเดอร์โดมทำให้ผมตัดสินใจโทร.หานักร้องนำของวงดนตรีวงนี้ที่เขาสังกัดอยู่ ขอโทษเหมือนวงที่แล้วเลย ขอโทษว่าเราร่วมงานไม่ได้ ตราบใดที่สองคนนี้ยังอยู่กับคุณเราทำงานด้วยไม่ได้จริงๆ ตลอดการสนทนาผมรู้สึกได้ว่านักร้องนำท่านนี้อัดเสียงผมอยู่ตลอด นั่นแปลว่าสองคนนั้นไปบลัฟไว้ก่อนแล้วและเขาเชื่อด้วยว่าภรรยาผมจะไปคุกคามเขา แต่ภรรยาผมจะไปคุกคามเขาก่อนได้อย่างไรเมื่อทุกครั้งที่เกิดเหตุ มันเกิดหน้าห้องพักศิลปินของผม ภรรยาผมจะไปคุกคามเขาก่อนได้อย่างไร เมื่อทุกครั้งที่เกิดเหตุ มันเกิดตรงสแตนบายที่ผมจะเดินขึ้นโชว์ ภรรยาผมจะไปคุกคามเขาก่อนได้อย่างไร เมื่อทุกครั้งที่เกิดเหตุ เราเช็กอย่างดีแล้วว่าไม่มีคุณ ภรรยาผมจะคุกคามเขาได้อย่างไร ในเมื่อเราไปไหนมาไหนต้องการ์ด 2 คน แต่เขาเดินไปไหนได้อย่างสบายใจ

แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ว่าใครจะเชื่อแบบไหน ในเมื่อไม่มีความปลอดภัย ไม่มีใครช่วยเราได้ เราก็ต้องไปพึ่งบารมีศาลเพราะไม่เช่นนั้น 2 คนนี้จะไปวาดภาพว่าภรรยาผมเป็นอะไรก็ได้เลย มีหลักฐานมากมายที่คนในวงการเพลงส่งมา เพราะเขาไป DM ไปเล่าให้คนอื่นฟัง รู้สึกว่าไม่เมกเซ้นส์ ประมาณว่า อีป้านี่มันเป็นอะไรโรคประสาทกำเริบเหรอ แขวนโพสต์ภรรยาผมว่าโรคประสาทกำเริบ ก็รู้สึกว่าโอเค งั้นให้ศาลแล้วกัน ไปอยู่ในโลกเดียวกัน เพราะการที่จะทำให้น้ำหนักคำพูดใครสักคนหายไปง่ายสุดคือบอกว่าคนเป็นบ้า

เราจึงประสานกันในปี 2567 เรื่องที่น่ากลัวที่สุดกับครอบครัวผมเกิดจากตรงนี้ระหว่างที่ไปศาลกัน พ่อของจำเลยท่านนึงเป็นทหารยศนายพล ยศพลตรีจากพิษณุโลกมาขึ้นศาลแทนลูกเขา แล้วเบ่งในศาลในนั้นเป็นเรื่องยศ ผลงาน เครื่องราชย์ฯ และบอกเราว่าเขากำลังจะบรรจุเป็นองครักษ์ ขอให้ผมกับภรรยาถอนฟ้องลูกของเขาซะ มิเช่นนั้นผมจะโดนยัดคดีทางการเมือง นี้คือเรื่องในศาล นอกศาลนายพลท่านนี้เคยขับรถไปที่บ้านแม่ของผม แม่ผมถามว่าคุณเป็นใคร ชื่ออะไร เขาไม่ตอบ เขาบอกว่าเป็นแฟนคลับ ถามว่าบ้านแม่ผมราคาเท่าไหร่ เอาของมาให้ แล้วถ่ายรูปแม่ผมเก็บไว้ ภรรยาของนายพลท่านนี้ก็เคยมาดูคอนเสิร์ตผมปะปนในกรุ๊ปโอเพ่นแชต คอยทักแฟนคลับถามว่าวันนี้ไปไหน วันนั้นไปไหน

จนกระทั่งวันนึงที่คดีในศาลเดือดสุดๆ ผมจึงทักไปบอกแอดมินว่าปิดโอเพ่นแชตไปเลย และหลังจากนั้นผมก็ไม่ทำตารางงานเหมือนศิลปินท่านอื่นอีกเลย เพราะไม่รู้ว่าครอบครัวนี้จะบุกมาเมื่อไหร่ จำเลยคนต้นเรื่องที่ปั่นเรื่องทุกอย่างก็ติดตามและดักรอผมเป็นเวลา 10 กว่าปี แม้กระทั่งสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่สถานที่แบบนี้ ปั๊มน้ำมันที่เราแวะ สนามบิน สถานที่ทั่วไป หน้าโรงแรมที่เราพัก หนักที่สุดเคยมานั่งข้างๆ ผมตรงนี้บนเครื่องบิน ระหว่างทำการฟ้องร้องผมลองตรวจสอบดูพบว่ามีการล็อกที่นั่งเอาไว้จริงๆ จากเพื่อนเขาที่ทำงานสายการบินนั้น หลังจากนั้นผมขอโทษแฟนเพลงเหนือใต้อีสาน ผมขอไม่รับงานที่ต้องนั่งเครื่องบินอีกเลยในประเทศ ระหว่างฟ้องร้องกันผมรับงานอยู่บ้าง มีการ์ดสองคนลาดตระเวน มีผู้ชายคนนึงชูมือถือขึ้นมาเป็นรูปจำเลย ผมก็เลยโอเค ไม่รับงานก่อนแล้วกันจนกว่าศาลจะคุ้มครองพวกเรา

ที่น่ากลัวที่สุดคือภรรยาผมถูกแฮกไอจีและเมื่อภรรยารู้ตัวเข้าไปเช็กดู มันจะมีข้างหลังดูว่าเราทำอะไรบ้าง ล็อกแอ็กเคานต์ใครบ้าง พบสิ่งที่น่าตกใจคือมีคนเอาไอจีภรรยาผมไปบล็อกคนมากมาย ซึ่งภรรยาผมไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต และเมื่อปลดอันบล็อกเข้าไปถาม เป็นใครมาจากไหน เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดทุกคนนั้นเกี่ยวข้องกับคนนี้หมดเลยรวมถึงสามีเก่าเขาด้วย

ถึงน่ากลัวประมาณนั้น ภรรยาผมก็สู้ต่อ จนวันที่ 30 พ.ค. 2567 เธอชนะคดีมาได้ด้วยการรับสารภาพของจำเลยเอง เพราะเขายอมจำนนต่อหลักฐานในชั้นสืบพยาน มีการยกมือไหว้ขอโทษภรรยาผม ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมาและจะไม่ยุ่งกับภรรยาผมอีก

มีการขอลดราคาค่าชดใช้เพราะเขาบอกว่าจ่ายไม่ไหว ภรรยาผมลดให้เลย 10 เท่า ขออย่างเดียวช่วยออกจากศาลแล้วพูดแบบนี้ ไปบอกคนที่คุณหลอกเป็นเครื่องมือทั้งหลายว่าคุณโกหก คุณเล่าเรื่องไม่จริง แล้วเลิกมายุ่งกับภรรยาผม โดยเฉพาะแฟนของคุณ ที่เหมือนถูกกีดกันไม่ให้เห็นความจริงของหลักฐานต่างๆ ในศาล เหมือนเขารีบชิงสารภาพเพื่อไม่ให้แฟนเขามาเห็นว่าความจริงเป็นยังไง เพราะจำเลยอีกคนดูโกรธ เกลียดชังภรรยาผมมากๆ เหมือนจะฆ่าให้ตาย โดยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และเขาก็ไม่ได้รู้จักกัน เขาก็บอกว่าได้

ออกจากศาลวันที่ 30 พ.ค.อีก 2 อาทิตย์ต่อมาโดนแขวนด่าเหมือนเดิม โดยคนแก๊งเดิม พวกผมลงรูปคู่กัน โดนแขวนด่าว่าอุบาทว์ เดือนตุลาคม ผัวเมียโรคจิตบ้านวิกลคนประหลาดว่างๆ จูงมือไปหาจิตแพทย์บ้างนะ ผมก็ทักเขาไปว่าคุณโกรธเกลียดผมเรื่องอะไร คุณทราบเรื่องในศาลไหม เขาบล็อกไอจีผมไปเลย ผมติดต่อไปที่ภรรยาฝั่งจำเลย ที่จะมาขึ้นวันที่ 31 พ.ค.แต่ 30 พ.ค. ชิงรับสารภาพหายไปก่อน เขาบอกว่าคดีจบแล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องมาแล้ว แล้วก็หายไปเลย

ผมติดต่อไปที่วงดนตรีวงนั้นที่เขาสังกัดอยู่ เขาก็ปิดประตูใส่ผมเหมือนเดิม บอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ แต่จริงๆ คุณถูกลากมาเกี่ยวตั้งแต่ที่เพื่อนของคุณหลอกให้คุณมาอัดเสียงผมแล้ว แล้วป้ายห้อยคอที่คุณให้เขาในทุกวันมันคือตั๋วฟรีที่คุณให้เขามาคุกคามภรรยาผมซ้ำๆ อีก จะว่าไม่เกี่ยวก็แล้วแต่จะมอง อยากจะบอกว่าเราไม่ได้มโน ศาลมีคำสั่งแล้วว่าเราเจอกันไม่ได้แล้ว ศาลมีคำสั่งว่าถ้า 2 คนนั้นมีพฤติกรรมเช่นเดิม มีการบุกมาหลังเวทีเจอภรรยาผมอีก ศาลมีคำสั่งว่าให้จำคุก ทันที 15 วันโดยไม่ต้องสืบสวนแล้วค่อยตั้งคดีใหม่ แล้วเมื่อวันนั้นมาถึงแล้วเขาใส่ป้ายห้อยคอวงคุณ คุณก็ต้องเกี่ยว เราต่างหากไม่อยากให้คุณมาเกี่ยว

ผมติดต่อไปที่เจ้าของค่ายของวงดนตรีวงนี้เขาบอกว่าภรรยาผมไม่สามารถจะบอกได้ว่าเป็นผู้ชนะในคดีเพราะเราสู้กันไม่ถึงในชั้นที่มีคำพิพากษา แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะไปศาลกันทำไม เมื่อคนที่ถูกกระทำ ฟ้องเป็นโจทก์แบกเอกสารหลักฐาน 500 หน้ามาศาล จำเลยแบกมา 1 แผ่น เขียน 2 บรรทัด เห็นปุ๊บชิงรับสารภาพออกไปบอกคนอื่นว่าไม่ต้องห่วงว่าเคลียร์ได้แล้วคดีจบแล้ว แต่ภรรยาผมที่สู้มาออกไปบอกใครไม่ได้ว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าจะเป็นเช่นนั้นแล้วจะโดนฟ้องมาก็ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะสถานการณ์ข้างนอกศาลแทบไม่ต่างจากก่อนที่เราจะไปศาลเลย เพิ่มเติมคือคำขู่ของนายพลท่านนั้น

ผมจึงขอให้เวทีแห่งนี้ประกาศบอกให้ทุกคนได้ยินเอาไว้ว่า คนๆ นั้นที่ปั่นเรื่องราวเข้าใจผิด สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับภรรยาผม เขายอมแพ้ไปแล้วในศาล ผมไม่รู้ว่าเขาบอกคุณว่าอะไรแต่เขารับสารภาพไปแล้วในสัญญาว่าจะออกมาแก้ให้ แล้วทุกวันที่ 30 ของเดือนเขาจะชำระผ่อนค่าเสียหายให้ภรรยาผมอยู่ เดือนที่แล้วผ่อนช้าไป 26 นาที ภรรยาผมสามารถไปที่กรมบังคับคดีแล้วบอกให้ยึดทรัพย์สินทั้งหมดในชีวิตคนๆ นี้ได้เลยในทันที แต่เขาก็ยังไม่ทำ เขาให้โอกาสคุณเสมอ

ดังนั้นคนที่จะโพสต์ด่าภรรยาผม คนที่จะบุกรุกมาหลังเวที จงทบทวนให้ดีๆ เพราะเราจะไม่เจรจาอีกแล้ว ต่อไปเราจะสู้กันด้วยศาลอย่างเดียว (เสียงปรบมือจากผู้ชมให้กำลังใจ)

ผมฝากถึงท่านนายพล ผมเข้าใจผมนับถือที่ปกป้องครอบครัวท่าน ผมก็ทำแบบนั้นอยู่ แต่จะดีกว่านี้ไหมถ้าท่านรักลูกท่าน ด้วยการ แทนที่จะรักด้วยการมาขึ้นศาลแล้วเขารอในรถ บุกรุกไปบ้านแม่ผมแทนเขา ท่านรักลูกของท่านด้วยการดูแลให้เขาอยู่แต่ในบ้าน ให้เขาอยู่ที่จังหวัด ไม่ให้หาเรื่องใส่ร้ายภรรยาผมอีก แล้วคดีที่ท่านข่มขู่ผมไว้ ถ้าท่านยิงมาผมก็ต้องสู้กันไป แต่ถึงวันนั้นผมคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปิดศึกในสื่อแล้วทุกคนจะรู้ว่าท่านคือใคร

สุดท้ายนะครับผมขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผมและครอบครัวมาตลอด 20 ปี (แฟนๆ ปรบมือให้กำลังใจสนั่น) ผมว่าปรบมือให้ภรรยาผมที่สู้มาได้ตลอดดีกว่า ผมดีใจที่ในที่สุดที่ได้ปกป้องนิว (แฟนคลับปรบมือให้นิว) ผมไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวผมนะครับ แต่ผมจะบอกกับตัวโกงไว้เลยนะ ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผมและครอบครัว ชีวิตนี้ผมมีศัตรูคนเดียว แค่นี้ครับขอบคุณมากครับ”







กำลังโหลดความคิดเห็น