กลายเป็นมีชื่อถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับธุรกิจจีนเทาที่หลอกชาวจีนด้วยกันไปค้ามนุษย์ที่พม่าเสียแล้ว สำหรับนักแสดงสาวชื่อดัง “จ้าวเหว่ย” ที่ถูกโยงเอี่ยวกับอดีตสามีและเครือญาติว่าเป็นเจ้าของธุรกิจจีนเทา
ตามรายงานจาก 163 สื่อจีนระบุว่า การเปิดโปงว่ามีศิลปินจีนที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงหลายคนถูกหลอกลวงให้เดินทางมายังประเทศไทยก่อนถูกส่งต่อเป็นการค้ามนุษย์มายังพม่าได้กลายมาเป็นประเด็นสำคัญที่ถูกพูดถึงอย่างมากในเมืองจีน หลังจากที่ หวังซิง ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา แต่ยังมีนางแบบ หยางเจ๋อฉี ยังไม่สามารถช่วยเหลือส่งกลับบ้านได้ ซึ่ง หวังซิง ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่ามีชาวจีนอย่างน้อย 50 คนถูกควบคุมตัวร่วมกับเขาในขณะนั้น
เว็บไซต์ข่าวจีนได้กล่าวหาว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหลังการลงทุน การดำเนินการ และการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ระหว่างไทยกับพม่า กำลังถูกติดตามและจับกุม ซึ่งในบรรดาชื่อที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ชื่อของ จ้าวเหว่ย ถูกลากมาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้ชาวจีนต่างช็อคกันถ้วนหน้า
โดยเฉพาะอดีตสามีของ จ้าวเหว่ย อย่าง หวงหยู่หลง ที่เป็นนักธุรกิจ และมีลูกพี่ลูกน้องชื่อ เจอจื้อเจียง เขาเคยถูกจับในข้อหาเล่นการพนันในประเทศจีนมาก่อน ต่อมา เจอจื้อเจียง ได้ย้ายไปพม่าเพื่อทำธุรกิจ และเข้าไปพัวพันกับแผนการโทรคมนาคมฉ้อโกง หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในปี 2022 เขาถูกจับในข้อหาเป็นหัวหน้าเครือข่ายหลอกลวงที่หลอกเหยื่อไปแล้วกว่า 330,000 รายจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งหลังเป็นข่าวดังในเวลานั้น จ้าวเหว่ย จึงรีบหย่าร้างกับ หวงหยู่หลง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่จะตามมาทันที
อย่างไรก็ตาม แม้จะหย่าขาดกันไปนานแล้วแต่ก็หนีไม่พ้นข่าวลือว่า จ้าวเหว่ย และอดีตสามีของเธอได้ลงทุนในธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้ผ่านทางลูกพี่ลูกน้อง นอกจากนี้ แหล่งข่าวบางแห่งยังอ้างว่าจ้าวเหว่ย และ อดีตสามี มีส่วนร่วมโดยตรงในการจัดการเครือข่ายหลอกลวงดังกล่าว เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นนอกประเทศจีน ประชาชนในประเทศจึงไม่ทราบเรื่องนี้ในตอนแรก แต่เมื่อชื่อของ จ้าวเหว่ย ถูกเปิดเผย เธอได้ใช้ความสัมพันธ์ในวงการบันเทิงของเธอเพื่อปิดข่าวและปกป้องตัวเองด้วยการถอนตัวออกจากวงการบันเทิง
**อย่างไรก็ตามเนื้อหาที่ถูกรายงานข้างต้นนี้ ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ และยังคงเป็นเพียงข่าวลือที่ถูกกล่าวหาจากเว็บไซต์ข่าวของจีนเท่านั้น
รายงานระบุอีกว่าเมื่อครั้งที่ จ้าวเหว่ย และ อดีตสามีประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ( สีเทา ) ทั้งคู่ได้ฟอกเงินด้วยการทำธุรกิจอื่นๆเช่น การผลิตภาพยนตร์ การลงทุนในหุ้น แอลกอฮอล์ โทรคมนาคม และประกันภัย
ขณะเดียวกันหลังมีการกล่าวหา จ้าวเหว่ย ว่ามีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้อง แฟนๆของเธอบนโซเชียลมีเดีย ได้ยืนกรานปกป้องว่าการทำธุรกิจในพม่าเป็นความรับผิดชอบของ หวงหยู่หลง เพียงผู้เดียวและไม่เกี่ยวข้องกับ จ้าวเหว่ย
แต่ก็มีคนตาดีสังเกตได้ว่าโพสต์จำนวนมากเกี่ยวกับธุรกิจก่อนหน้านี้ของ จ้าวเหว่ย ค่อยๆถูกลบออกไปอย่างเงียบๆจากโซเชียลมีเดีย โดยแหล่งข่าวระบุว่า
“จ้าวเหว่ย ได้ลบโพสต์ที่เกี่ยวกับธุรกิจในอดีตของเธอที่พม่าออกอย่างลับๆ ธุรกิจเหล่านี้เชื่อมโยงกับเครือข่ายฉ้อโกงโทรคมนาคมที่กำลังถูกตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ แม้จะห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานแล้ว แต่ดูเหมือนว่า จ้าวเหว่ย จะใช้เส้นสายของเธอเพื่อปกปิดหลักฐานและหลีกเลี่ยงการถูกสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องกับองค์กรค้ามนุษย์ที่ชายแดนไทย-พม่า”
อย่างไรก็ตามแม้สื่อและชาวเน็ตบางส่วนจะพยายามนำชื่อของ จ้าวเหว่ย มาเอี่ยวกับธุรกิจจีนเทาให้ได้ แต่เจ้าตัวได้ออกมาประกาศใน Weibo ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2024 แล้วว่า เธอและ หวงหยู่หลง ได้หย่าขาดจากกันมานานนับปีแล้วและไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆต่อกันอีก
“ฉันหย่าร้างกับคุณหวงอย่างถูกต้องตามกฎหมายเมื่อหลายปีก่อน ความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสของเราสิ้นสุดลงแล้ว เหตุการณ์ คำพูด หรือข่าวสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉัน ฉันขอร้องทุกคนอย่างจริงใจให้เคารพข้อเท็จจริงนี้ และอย่าเชื่อมโยงฉันกับคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลหรือข้อมูลที่ไม่มีมูลความจริง ขอบคุณค่ะ”
ในเว็บไซต์ 163 ยังรายงานด้วยว่า จ้าวเหว่ย และ หวงหยู่หลง แต่งงานกันมานานกว่า 15 ปี และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ทั้งคู่เคยเป็นหนึ่งในคู่รักที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลมากที่สุดคู่หนึ่งของวงการบันเทิงจีน โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์
หวงหยู่หลง เคยประสบความสำเร็จเป็นนักธุรกิจชั้นนำมาก่อน แต่เขาต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาถูกกล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าในข้อหาฉ้อโกงและค้างชำระหนี้ รวมถึงคดีเรียกร้องค่าชดเชย 300 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 1,330 ล้านบาท) เชื่อว่าปัญหาทางการเงินเหล่านี้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ จ้าวเหว่ย ประกาศหย่าร้างกับเขาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามทางฝั่งของ จ้าวเหว่ย ยังไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวหรือโต้แย้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการค้ามนุษย์แต่อย่างใด