xs
xsm
sm
md
lg

“หมิง จิรกิติยา” ควงแฟนวิวาห์สุดหวาน คบ 1 ปีแต่ง เพราะคนที่ใช่ไม่ต้องรอเวลา แหวนหมั้น 5.5 กะรัต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมิง จิรกิติยา” ควงแฟนหนุ่ม “อรรถ วิสุทธิ์” เข้าพิธีมงคลสมรส เปิดใจคบปีเดียวแต่ง ไม่คิดว่าเร็วไป เพิ่งรู้อะไรที่ใช่ ไม่ต้องรอเวลา ประทับใจเป็นคนรักครอบครัวเหมือนกัน เผยแหวนหมั้น 5.5 กะรัต แต่สินสอดไม่สำคัญเท่าความรู้สึก เพราะถ้ารวยแต่เจ้าชู้ก็ไม่เอา แพลนปั๊มลูกหลังฉลองแต่งปลายปี คุณพ่อคุณแม่อยากอุ้มหลานแล้ว

จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์เรียบร้อยแล้ว สำหรับ “หมิง ชาลิสา” หรือ “หมิง จิรกิติยา บุญครองทรัพย์”และแฟนหนุ่ม “อรรถ วิสุทธิ์ รังษิณาภรณ์” หลังคบหากันได้ 1 ปี และขอแต่งงานไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าบ่าวและเจ้าสาวป้ายแดง ก็ได้ควงคู่กันมาแถลงข่าวมงคลสมรส ที่โรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ และตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ว่าทำไมถึงตัดสินใจแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งคบหากันได้แค่ปีเดียวเท่านั้น

หมิง : “ถามว่ารู้จักกันได้ยังไง พอดีพี่อุ๋ย อาทิตยา ภรรยาของพี่ดู๋ (สัญญา คุณากร) เขาสนิทกับทั้งหมิงและพี่อรรถ เหมือนเขาเห็นเราทั้งสองคนโสด แล้วเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ แล้ววันนั้นพี่อุ๋ยไปงานกฐินที่จังหวัดอุดรธานี”

อรรถ : “ปกติผมอยู่ที่อุดรฯ แล้วพี่อุ๋ยไปกฐินพอดี ก็โทร.มาว่ายังโสดอยู่ไหม มีคนจะแนะนำให้รู้จัก หลังจากนั้นก็ได้ไปเจอพี่อุ๋ย แล้วก็มาเจอกับน้องหมิงที่กรุงเทพฯ ตอนแรกก็ไปนั่งรอ เขามาทีหลังใส่ชุดสีชมพูมา สวยมากเลยครับ ก็ชอบตั้งแต่วันนั้นเลยครับ ถามว่าทราบไหมว่าน้องเป็นดาราเป็นนางงาม ก็ทราบครับ เพราะพี่อุ๋ยเขาบอกก่อนแล้ว ว่าเป็นนางสาวไทย แล้วก็ชอบทำบุญ ก็เลยมีโอกาสได้มาเจอกันครับ ประโยคแรกที่คุยกัน ก็ถามเขาเลยว่าอยู่อุดรฯ ได้ใช่ไหมครับ”

หมิง : “ไม่ แต่หมิงไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะหมิงเป็นคนชอบเที่ยว ก็ตอบแบบติดตลกว่าได้พี่ หนูชอบเที่ยว ไปอุดรฯ บ่อยมากเลย ไปไหว้พระ แล้วเขาก็เอาคำตอบนี้เก็บอยู่ในใจ เป็นเหตุผลว่าโอเคพุ่งเลยเพราะหมิงอยู่อุดรฯ ได้ พอมาจีบและเริ่มคบกัน เขาก็ถามว่าถ้าจะมาอยู่อุดรฯ จะยังไง ตอนแรกเราก็ตกใจว่าใครมาอยู่อุดรฯ เขาก็บอกว่าหมิงไง หมิงตอบเองว่าอยู่อุดรฯ ได้ หมิงก็บอกว่าวันนั้นหมิงตอบเล่น (หัวเราะ)”

อรรถ : “เราคิดไปแล้วว่าคำแรกที่เขาพูดคือความจริง คำถามนั้นเราหวังผลเลยครับ ถ้าแต่งกันก็ไปอยู่ที่อุดรฯ

หมิง : “หมิงไม่รู้เลยว่าพี่เขาคิดไปไกล ตอนที่เขาพูดปุ๊บ หมิงก็บอกว่าตอนนั้นพูดเล่นนะ นึกว่าพี่คุยเล่น ใครจะคิดว่าวันแรกที่เราเจอกันมันจะเป็นคำถามที่จริงจัง เขาจะคิดไปถึงอนาคต”

ประทับใจไม่เคยเห็นใครขยันขนาดนี้ และยังเป็นคนที่รักครอบครัวเหมือนกันอีก
หมิง : “จริงๆ ต้องบอกว่าเขาเป็นคนที่เข้ามาแบบไม่ได้คาดฝัน เรามีอะไรที่ไม่เข้ากันบางอย่าง แต่พอเราได้รู้จักตัวตนเขา ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นใครตื่น 7 โมงเช้าตลอด เขาเป็นคนขยันมาก นอนเที่ยงคืน ตื่น 7 โมงเช้าทุกวัน เรารู้สึกว่าทำไมคนนี้เขาขยันจัง เขาเป็นคนตั้งใจทำงานจริงๆ อย่างที่ให้สัมภาษณ์ไปคราวที่แล้ว คือพี่เขาตั้งใจที่จะเข้ามาจีบเรา ตั้งใจกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เราเลยเห็นว่าถ้าคนที่เขามีความมุ่งมั่นตั้งใจอะไรแบบนี้ ถ้าเราได้ลองคบกับคนคนนี้ เขาจะต้องทำให้ความสัมพันธ์มันดี เพราะเขาคงไม่พูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า หรือเป็นคนขอไปทีพูดไปเรื่อย เราเลยตัดสินใจคบเขา

แต่อย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าเราสองคนเหมือนกันเลย คือเราสองคนรักครอบครัวมากๆ คือพี่อรรถเป็นคนกตัญญูและรักครอบครัวมาก หมิงว่าหมิงติดคุณแม่แล้ว พี่อรรถนี่คือเลเวลหนักกว่าหมิงอีกทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชาย เขารักคุณแม่ รักครอบครัวมาก เราเลยรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เหมือนกัน เป็นพื้นฐานการสร้างครอบครัว ถ้าเรารักครอบครัวทั้งคู่ เราจะไม่มีคำถาม ถ้าสมมติวันนี้เขาต้องไปดูแลที่บ้าน หรือเราต้องไปดูแลที่บ้าน เพราะเรามองเห็นตรงกัน”

ฝ่ายชายเพลนไว้หมดแล้วตั้งแต่เริ่มคบกัน ว่าจะขอแต่งงานตอนคบกันครบ 1 ปี
หมิง : “1 ปีพอดีเลยค่ะ เพราะเจอกันช่วงวันเกิดหมิง แล้วเขาก็มาขอแต่งช่วงวันเกิดพอดี อย่างที่บอกว่าเขาทำแพลนเลย แต่เราไม่รู้ว่าเขาแพลน คือตอนเขามาจีบ ผ่านไป 2 เดือนเขามาขอเป็นแฟน แล้วเขาบอกว่าเดือนที่ 4 จะพาไปสวัสดีคุณพ่อคุณแม่นะแต่ก่อนหน้านั้นเขาจะมาหาพ่อแม่หมิงก่อน ว่าเขามาจีบนะ คือทุกๆ อย่างเขาชัดเจนมาก ตอนแรกเราก็งงนะ ถามเขาว่าย้ายสิ่งที่อยากทำเดือนที่ 8 มาทำเดือนที่ 4 ได้ไหม เขาบอกไม่ได้ มันต้องเรียงไปเป็นสเต็ปเลย จนมาวันที่ของแต่งงาน เขาก็พูดกับหมิงว่า เขาเคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าครบ 1 ปีเขาจะมาขอ ซึ่งเราไม่ได้คิดไง คิดว่าเขาพูดเอาใจเรา แต่เขาทำจริง”

ไม่มองว่าเร็วไป เพิ่งเข้าใจอะไรที่ใช่ บางทีไม่ต้องรอเวลา
หมิง : “คือหมิงเพิ่งเข้าใจวันนี้ ว่าอะไรที่ใช่บางทีมันไม่ต้องรอเวลา ทุกอย่างมันจะง่ายไปหมด เราไม่เคยมีคำตอบในตัวเขาเลย มันเป็นอะไรที่เรามองเห็นแต่แรกเลย ว่าเขาพยายามอย่างที่บอกว่าคนเราทุกคน มันไม่ใช่เข้ากันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทุกครั้งอีกสิ่งหนึ่งที่หมิงตัดสินใจเลยว่าต้องเป็นคนนี้ เพราะว่าจริงๆ มันเป็นคำพูดตอนที่เขามาจีบด้วยซ้ำ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันเลย ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเราห่างกัน หมิงไม่เคยคบคนห่างกัน แบบอยู่ต่างจังหวัดแล้วมันไกล หมิงก็บอกว่าพี่ เราจะได้เหรอ แล้ว 1 2 3 4 5 บางทีเราก็เข้ากันไม่ได้นะ

แต่เขาพูดมาคำหนึ่งว่าหมิง คนแต่งงานกันเขายังต้องปรับตัวเลย แล้วทำไม เราเพิ่งคบกันเอง เราก็ต้องค่อยๆ ปรับสิ พอคบกันไปเรื่อยๆ เขาจะมีคำหนึ่งที่พูดตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะงอนกัน เถียงกัน เขาบอกให้เราคิดว่าเราคือคนคนเดียวกัน มันเผยคำที่เราไม่เคยคิดอยู่ในหัวเลย เพราะส่วนใหญ่คนที่คบกันมันจะเป็นฉัน เป็นเธอ แต่เขาจะพูดตลอดว่ามันคือเรา

ตัดสินใจขอแต่งเลย เพราะดูจากความรู้สึกฝ่ายหญิงด้วย
อรรถ : “ก็ดูจากน้องเขาด้วยครับ ว่าน้องเขามีความรู้สึกกับเราขนาดไหน จริงๆ น้องเขาถามผมเยอะมาก ว่ารักเขาหรือเปล่า แต่ผมก็ตอบทุกทีว่ารัก เขาก็จะถามว่ารักเยอะไหม เราก็บอกว่าเยอะ แต่พอถามเขา เขายังไม่เคยตอบเลยว่ารักผม เพิ่งพูดเมื่อตอนให้ดอกไม้เมื่อกี้นี้เอง ตกลงรักพี่ไหม?

หมิง : “มามุกไหนเนี่ย (หัวเราะเขิน)”

อรรถ : “ทวงแล้ว บอกหน่อยว่ารักพี่หรือเปล่า”

หมิง : “แหม ถ้าไม่รักเราก็ไม่แต่งไหม แต่จริงๆ ค่ะ มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยบอกเขาเลย ครั้งแรกที่บอกเขา คือวันที่ลงอินสตาแกรมในวันที่เขามาขอ ที่บอกเขาว่าขอบคุณนะ ที่ทำให้เรามั่นใจที่จะกล้าบอกว่ารักเขา เพราะเราไม่เคยบอกจริงๆ แล้วหลังจากวันนั้นเขาถามอีก ก็ไม่เคยบอกอีกเลย (หัวเราะ) จนเมื่อกี้ตอนที่เขาเดินมาในพิธี เขาก็ถามว่าตกลงรักเขาไหม เราก็บอกว่ารักสิ รักนะ

รู้ว่ารัก แต่อยากได้ยินให้ชื่นใจ
อรรถ : “เรารู้อยู่แล้วว่าเขารู้สึกยังไง ได้ยินก็ได้ ไม่ได้ยินก็ได้ เราสัมผัสได้ แต่พอได้ยินก็ชื่นใจครับ”

หมิง : “เอาจริงๆ ความสัมพันธ์นี้ เราก็กลัวว่ามันจะเป็นจริงเหรอ คนแบบเขาจริงจังมากซะจนเรากลัว พูดตรงๆ มันจริงจังซะน่ากลัว เราไม่เคยเจอคนจริงจังแบบนี้ เข้ามาจริงจังเลย ทุกอย่างมันจริงไปหมด เขาเดินหน้ารวดเดียวไม่มีถอย เราก็เป็นผู้หญิงงอนบ้างถอยบ้าง แต่เขาเดินหน้ารวดเดียวเลยเราเลยรู้สึกว่าเรากลัว ถ้าเราไปมีความรู้สึกเยอะๆ ๆ เราก็กลัวเสียใจ เขาก็พิสูจน์มาจนถึงวันนี้เลยว่าสิ่งที่เขาทำให้เรามันจริง และเชื่อถือได้”

หลังแต่งจะอยู่อุดรฯ เป็นหลัก แต่คงมาๆ ไปๆ กรุงเทพฯ ด้วย
อรรถ : “นั่นคือคำตอบแรกจากคำถามผมครั้งแรก (หัวเราะ) ถ้าไม่ใช่ก็คงไม่คุยตั้งแต่แรก”

หมิง : “ก็คงมาๆ ไปๆ ค่ะ”

อรรถ : “แต่หลักๆ คงอยู่ที่โน่นครับ”

หมิง : “แหม มาทำเป็นคอมมิตอยู่หน้ากล้อง (หัวเราะ) ก็คงมาๆ ไปๆ เพราะคุณแม่อยู่ที่นี่ อุดรฯ เดินทางสะดวกบินชั่วโมงเดียว”

แพลนมีลูกเลย เพราะครอบครัวอยากอุ้มหลาน
หมิง : “เรื่องนี้มันอยู่ในแพลนช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา พอเขาพูดว่าอยากแต่งงาน เดือนต่อมาก็ไปตรวจสุขภาพ เขาจะมีระเบียบแบบแผนมากๆ ก่อนจะขอกันก็พาไปตรวจสุขภาพ ไปตรวจมาแล้วที่ gfc พอตรวจมาก็ชื่นใจนิดหนึ่งว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไร ด้วยวัยเราทั้งคู่ก็สมควรมีได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองฝ่ายก็อยากอุ้มหลาน”

หลังฉลองแต่งปลายปี จะเข้าไปปรึกษาหมอว่าควรใช้วิธีไหน
หมิง : “ปลายปีจะมีงานฉลองอีกที เรือนหอยังไม่เสร็จ ทุกอย่างมันฉุกละหุกไปหมดเลย แล้วเรือนหอจะเสร็จปลายปี ก็เลยจะมีงานฉลองก่อน แต่ว่าหลังจากเสร็จงานนี้จะเข้าไป gfc ไปปรึกษาเลยว่าคงเป็นขั้นตอนผสมเลยไม่ใช่ฝากไข่ เดี๋ยวต้องไปคุยกับคุณหมออีกทีว่าสุขภาพเราทั้งคู่มันเหมาะกับแบบไหน”

งานในวงการยังทำอยู่ แค่ไม่ได้เต็มตัวเหมือนเมื่อก่อน
หมิง : “หมิงยังทำอยู่นะคะ แต่ว่าอาจจะไม่ได้เต็มตัวเหมือนเมื่อก่อน เพราะจริงๆ หมิงก็ห่างๆ มานานแล้วอย่างเช่นละคร เดี๋ยวนี้หมิงก็มีแค่พิธีกรอีเวนต์บ้าง เป็นพรีเซ็นเตอร์บ้าง แต่พอแต่งงานไปก็คงให้เวลากับครอบครัวเยอะเพราะยิ่งถ้าไปอยู่อุดรฯ เราก็ต้องให้เวลากับเขา เพราะว่าเขาคือหัวหน้าครอบครัว เขาก็บอกว่าจะดูแลเราอันนี้ขอคอมมิตบ้าง(หัวเราะ)”

อรรถ : “ดูแลอยู่แล้ว หมิงสบายใจแบบไหนก็แล้วแต่เขาเลยครับ”

หมิง : “เขาบอกยังไงก็ได้ แต่ถ้ามีงานอยู่ก็บินมาก็ได้”

เผยเจ้าบ่าวเป็นพี่อายุมากกว่า 5 ปี และเป็นนักธุรกิจอยู่ที่อุดรฯ
หมิง : “5 ปีค่ะ พี่อรรถ 46”

อรรถ : “พื้นเพเป็นคนอุดรฯ แต่ว่าธุรกิจของที่บ้านจะมีทั้งอุดรฯ ด้วยและกรุงเทพฯ ด้วย ทำธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตรมีท่าเรืออยู่ที่อยุธยาครับ”

ไม่มีคำมั่นสัญญาต่อกัน เพราะการกระทำชัดกว่าคำพูด
อรรถ : “ยังไม่เคยสัญญากันเลยเพราะ 24 ชั่วโมงจะวิดีโอคอลเห็นกันตลอดอยู่แล้วว่า 1 ปีที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตแบบไหนทำอะไรบ้าง คงไม่มีคำจะต้องสัญญาอะไรเพราะไม่มีความสงสัยอะไร”

หมิง : “สำหรับหมิงเขาอาจจะไม่ได้มองว่าเป็นคำมั่นสัญญา แต่ตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาในชีวิตสิ่งที่เขาทำให้เราเห็นมันคือคำสัญญาโดยที่เราไม่ต้องพูด มันคือการกระทำ หมิงเพิ่งเข้าใจวันนี้ที่คนเราบอกว่าให้มองที่การกระทำ มันก็คือเขาทำให้เห็น ตอนคบกันแรกๆ เราก็บอกว่าหนูไม่รู้ว่าสังคมพี่เป็นยังไง ถ้าพี่บินกลับไปหนูจะไปรู้ได้ยังไงว่าพี่จะไปเจอใคร เขาก็ถามว่าอยากให้พี่ทำอะไร คือเราอยู่ห่างกัน เขาก็เลยเลือกว่าเราวิดีโอคอลตลอดเลยแล้วกัน หมิงจะได้ไม่สงสัย ไม่พะวงในตัวเขา คำว่าตลอดเวลานี่คือตลอดจริงๆ นะคะเหมือน CCTV ตั้งแต่คบกันมาก็เป็นอย่างนั้น เราก็เห็นถึงความที่เขาไม่ได้อึดอัดที่จะทำให้ บางทีสายหลุดไปเขาก็เป็นคนโทร.มาเองว่าหายไปไหน มันเป็นคำมั่นสัญญาแบบเป็นการกระทำว่าเขาตั้งใจทำให้เราให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้มันเกิดขึ้นได้จริง”

มูลค่าสินสอดไม่สำคัญเท่าความรู้สึก แต่แหวนหมั้น 5.5 กะรัตเพราะชอบเลข 5
หมิง : “มูลค่ามันคือการให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า สำหรับทางคุณพ่อคุณแม่ที่ให้เกียรติทางฝั่งหมิง แต่สำหรับตัวหมิงเองไม่ได้มองตรงนั้นว่ามันเป็นหลักสำคัญมากเกินไปกว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเรา หมิงจะบอกเขาเสมอเลยตั้งแต่คบกันมา ว่าต่อให้พี่มีแค่ไหนยังไง ถ้าพี่เป็นคนไม่ดี พี่เป็นคนเจ้าชู้ ไม่รักเดียวใจเดียว ไม่ดีกับหมิง หมิงก็ไม่เอานะ ตรงนั้นมันซื้อเราไม่ได้ต่อให้รวยแค่ไหน คือเราเป็นผู้หญิงเราไม่สามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเงินแล้วไปแลกกับที่เขาออกนอกบ้านแล้วเราไม่รู้ มันแลกกันไม่ได้”

อรรถ : “แล้วเราจะโชว์แหวนไหม”

หมิง : “เขาภูมิใจ (หัวเราะ)”

อรรถ : “เพราะว่าพาไปเลือกเขาชอบวงนี้”

หมิง : “หมิงเป็นคนชอบเลข 5 ก็เลยเลือก 5.5 กะรัต

อรรถ : “เป็นสิ่งแทนใจ เป็นทรัพย์สิน เครื่องการันตีความรักระหว่างเรา”

จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว และจัดพิธีเช้าที่วัดโพธิ์
หมิง : “จดแล้วค่ะ เมื่อเช้าเรามีทำพิธีที่วัดโพธิ์ ได้รับความเมตตาจากท่ายเจ้าคุณสมเด็จวัดโพธิ์ ท่านเจ้าคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นคนอวยพรให้เราทำพิธีแล้วก็จดทะเบียนสมรสเลย ตั้งแต่เมื่อคืนเราก็มองหน้าเขา พรุ่งนี้เราจะแต่งงานกันแล้วหรอ มันเป็นสิ่งแปลกใหม่ในชีวิตเรา พอหลังที่เราแต่งไปบริบทของการที่เราคบกันมันจะเปลี่ยนยังไง คือเราต้องทำอะไรให้เขามากกว่านี้ไหม ความรู้สึกมันจะต่างไปหรือเปล่า มันเหมือนตอนที่หนิงได้รับตำแหน่งตอนนั้นแล้วตื่นเช้ามาแล้วลืมตางงๆ ว่าฉันเป็นแล้วเหรอ มันเหมือนกันเลยว่านี่ฉันแต่งงานแล้วเหรอ เปลี่ยนนามสกุลแล้วค่ะ

อรรถ : “ตอนแรกไปนัดนายทะเบียนที่เขต เขียนคำร้องไว้ เขาบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นนาง ไปๆ มาๆ หลวงพ่อเลื่อนวัน ก็เลยไปเลื่อนที่เขต เขียนคำร้องใหม่ไม่เอาแล้ว เป็นนางสาว”

หมิง : “เขาก็งง แหม มามุกไหนไม่อยากให้คนรู้ มันไม่ใช่คือเราก็เปลี่ยนนามสกุล คนก็รู้อยู่แล้วว่าเราใช้ บุญครองทรัพย์ แต่วันนี้เราก็ใช้นามสกุลเขา รังษิณาภรณ์ แต่ว่าหมิงก็ใช้นามสกุลตัวเองเป็นชื่อกลาง”



































กำลังโหลดความคิดเห็น