“เจษ เจษฏ์พิพัฒ” เชื่อที่ตนเจ็บหลังจนต้องนั่งรถเข็นอาจเกิดเพราะอาถรรพ์หนัง “บุปผาราตรี” แต่ก็มองว่าโชคดีที่เจ็บไม่เยอะ เผยตอนไปทำพิธีเลี้ยงข้าวผีก็เกือบเจอดี
ทำเอาค่ายและคนรอบตัวเริ่มเป็นห่วงกับอาการเจ็บหลังของ “เจษ เจษฏ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” จนต้องนั่งรถเข็น ซึ่งไปคล้ายกับคาแรกเตอร์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ “บุปผาราตรี มาลีรัตติกาล” ที่เจษต้องรับบทนั่งรถเข็นในเรื่อง จน “ปอนด์ กฤษดา วิทยาขจรเดช”ผู้บริหารค่าย Be On Cloud กังวลใจต้องไปทำพิธีที่ออสการ์อพาร์ทเมนต์สถานที่ถ่ายทำ กลัวอาถรรพ์จะมีนักแสดงหรือทีมงานเจ็บป่วยด้วยประการใดก็ตามเกิดขึ้นอีก ซึ่งเจษเผยว่าตนขอไม่ลบหลู่เรื่องนี้ หากเป็นอาถรรพ์จริงก์ถือว่าโชคดีเพราะเจ็บไม่เยอะ
“ใช่ครับ อยู่ๆ ก็เกิด วันที่ทำพิธีเขาก็มีรถเข็นมาให้นั่งเพราะผมยังยืนนานๆ ไม่ไหว แต่มันก็เหมือนเกินครับ ไม่เอา ยอมยืนดีกว่า ส่วนที่หลายคนคอมเมนต์ว่าที่เจ็บหลัง เป็นเรื่องของอาถรรพ์ มันมีแบบนี้ใช่ไหม ส่วนตัวก็เชื่อ ปฏิเสธไม่ได้หรอก สิ่งที่เราไม่เห็นว่าไม่มีอยู่จริง แต่ว่าส่วนตัวไม่ได้ลบหลู่อะไร เราก็คิดดีตลอด บวกกับอะไรหลายอย่างก็ดีที่ไม่ได้เจ็บหนักอะไรมาก ทุกวันนี้มันดีขึ้นมากแล้ว เดินผ่านได้ปกติแค่รอมันร้อยเปอร์เซ็นต์เฉยๆ ครับ เดือนหน้าก็จะเริ่มถ่ายทำแล้ว”
ไม่ลบหลู่ บอกถ้าเป็นอาถรรพ์จริงๆ ก็ถือว่าโชคดีที่เจ็บไม่มาก
“ผมไม่ได้ไม่เชื่อ แต่ผมไม่ลบหลู่ดีกว่า แต่ถ้าเป็นเพราะ อาถรรพ์ จริงๆ ผมก็ดีใจ ที่โอเคเขาไม่ได้ให้หนักมาก (วันทำพิธีก็เจอเลย?) ผมกำลังจะเดินไปประตูหนึ่งของอพาร์ทเมนต์ ผมอยากรู้ว่าข้างในมันเป็นยังไง ผมก้าวเข้าไปแล้วแหละ แล้วก็ออกมา พี่ที่ทำพิธีเขาก็กวักมือเรียกบอกอย่าเดินเข้าไปตรงนั้น มันเป็นทางผีผ่าน เขาบอกว่าเขานั่งสูบบุหรี่ตอนประมาณตี 5 เขาเห็นคนยืนจ้องพิธีเราอยู่เลย
ผมว่าดูขลังนะ ไม่ถึงกับไม่กล้าเข้าไปถ่าย สำหรับผมมันให้ความรู้สึกว่ามันขลังเหมือนในหนัง หลายเรื่องที่มาถ่ายที่นี่ แล้วประสบความสำเร็จ เราก็เชื่อนะว่าคงมีอะไรอยู่จริงๆ แหละ แต่ว่าเราก็แค่ไปดี เราทำทุกอย่างตามขั้นตอน ไม่ลบหลู่ผมว่าทุกคนที่กองก็น่าจะโอเค ตรงนั้นมันก็มีความหลอนบ้าง ส่วนตัวผมยังไม่ได้เห็นกับตา”
ส่วนตัวยังเตรียมของขลังอะไรไว้พกติดตัวระหว่างถ่ายทำ
“คงไม่ขนาดนั้น และที่กองคงเซฟเรามากแล้ว อย่างพิธีส่งข้าวผีผมยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ ที่เขาเลี้ยงผีนะ ส่วนใหญ่จะเห็นแค่บวงสรวง ซึ่งเราจะมีพิธีอีกทีนึงในวันเปิดกล้อง แต่เราแทบจะไม่ลบหลู่เลย เราให้เกียรติเขาและเราอยากให้เขาช่วยงานเราด้วยซ้ำครับ มันก็แปลกนะที่ไม่มีคนอยู่เลย ตั้งแต่ปากซอยเข้าไปยันท้ายซอย และความรู้สึกที่เขาไปมันเหมือนสตูดิโอจริงๆ ไม่มีคนเลย เหมือนเขามีไว้ให้หนังของเราจริงๆ”
