“ณวัฒน์” ลั่นอัยการสั่งไม่ฟ้อง “มิน-แซม” ไม่ใช่ว่าคดีสิ้นสุด ถ้า DSI หาหลักฐานส่งฟ้องต่อ ก็ยังมีคดีต่อไป ส่วนคดีแพ่งคือผิดจริงและโดนอายัดไปแล้ว เตือนคนเชียร์ให้ฟ้องหมิ่นตนและ “หนุ่ม กรรชัย” อย่าไปทำอย่างนั้น เพราะจะยิ่งทำให้สองคนมีคดีเพิ่มขึ้น อยากให้ทั้งคู่อยู่เงียบๆ ไปจะดีกว่า แต่ถ้ามินจะฟ้องก็ฟ้องเลย ไม่มีคำไหนหมิ่น เคารพสิ่งที่พูด
กรณีที่อัยการสั่งไม่ฟ้องและปล่อยตัวบอสดารา อย่าง “แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี” และ “มิน พีชญา วัฒนามนตรี” ทำให้ตอนนี้มีชาวเน็ตบางส่วนเชียร์ให้ทั้งคู่ฟ้องกลับคนที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย”และ “ณวัฒน์ อิสรไกลศีล” โดยเฉพาะมิน ซึ่งถูกณวัฒน์จัดหนัก ทำแฟนคลับบางส่วนไม่พอใจ ซึ่งวันนี้ณวัฒน์ได้ออกมาเตือนสติขาเชียร์ทั้งหลาย ด้วยการอธิบายเรื่องข้อกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ได้ และควรหรือไม่ควร
“คือการที่อัยการไม่ฟ้องและได้ออกมาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่โชคดี เป็นสิ่งที่มีโอกาส ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำหรับผมคือเฉยๆ ไม่รู้จะแสดงความยินดี หรือไม่ยินดี คุณต้องเข้าใจเรื่องของบริบทก่อน ตอนนี้หลายๆ คนผมว่ากำลังหลงประเด็นไปค่อนข้างเยอะ แต่หลายๆ คนก็คงรู้แล้วว่ารูปแบบคดีนี้มันจะไปตรงไหนต่อ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าทันทีที่มีการถูกแจ้งข้อกล่าวหา ระบบของกฎหมายในเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา แล้วถ้าไปฝากขัง และถ้าออกมา ความเสียหายใครจะรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นมันชัดเจนว่าเมื่อถูกข้อกล่าวหา ตำรวจมีสิทธิที่จะฝากขัง เพื่อไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวช่วงหาหลักฐานส่งอัยการ เพราะฉะนั้นมันชอบธรรมด้วยกฎหมาย และระบอบกฎหมายในระบบกล่าวหา
ช่วงระหว่างกล่าวหายังไม่ถูกพิพากษาว่าเป็นคนผิดหรือคนถูก ทีนี้การที่ไม่ได้ถูกอัยการฟ้อง 2 คน ตอนนี้คนคิดว่าพอไม่ได้ถูกสั่งฟ้องแล้วคือผู้บริสุทธิ์ อันนี้ผมตอบว่าผิด คือยกฟ้องแล้วแต่คดีมันยังไม่สิ้นสุด เพราะในกระบวนการของตำรวจส่งฟ้องเองไม่ได้ ต้องให้อัยการเป็นคนฟ้อง อัยการก็มี 2 เลเวล คืออัยการปกติ กับอัยการสูงสุด เมื่อสั่งไม่ฟ้องเขาก็โยนกลับไปที่ DSI ว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอเขาไม่ได้บอกว่าไม่มีหลักฐาน แต่หลักฐานไม่เพียงพอ ก็ส่งกลับไป จึงยังไม่ฟ้อง”
เตือนคนที่เชียร์ให้ฟ้องตนและ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะคดียังไม่สิ้นสุด
“DSI ก็มีหน้าที่ไปเพิ่มหลักฐาน หรือไปใช้คำอธิบายในจำนวนวันที่กฎหมายกำหนด และส่งกลับไปที่อัยการสูงสุด เพื่อให้พิพากษาหรือวินิจฉัยหรือหาข้อสรุปให้อีกครั้ง ถ้าข้อสรุปเหมือนกับอัยการเบื้องต้นที่บอกไปแล้วว่าเห็นด้วย เป็นแบบนี้ ก็ถือว่าสิ้นสุด ก็จะไม่มีความผิดใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องของคดีอาญา แต่ถ้าอัยการสูงสุดมาอ่านข้อเท็จจริงเพิ่ม แล้วบอกว่าขอเปลี่ยนเป็นฟ้อง ก็ยังคงต้องถูกฟ้อง อันนี้ผมพูดในเรื่องกฎหมายก่อนนะ แฟนคลับทั้งสองคนอย่ามาโจมตีโดยที่ไม่มีความรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ผมไม่ได้แคร์นะ ผมพยายามสอนเอาเรื่องถูกต้องไปใช้ชีวิตในทุกๆ คดี
เพราะฉะนั้นวันนี้คดีอาญาเสร็จสิ้นหรือยัง ผมตอบว่ายัง แต่น้องได้โอกาสที่ดี ที่ได้ออกมาข้างนอกก่อน โดยมีคำว่าอัยการไม่สั่ง และครบ 84 วัน ส่วนที่เหลือ 16 คนสั่งก็จริง แต่ก็มีสิทธิออกมานะครับ ถ้าศาลอ่านเสร็จเรียบร้อย ทนายก็ยื่นสิ ทีนี้จะยื่นเท่าไหร่ก็แล้วแต่ และทางศาลจะวินิจฉัยเองว่าขังต่อก็ขัง หรือมันสมเหตุสมผลแล้วให้เขาออกไปสู้ เขาก็ยืนยันว่าเขาไม่ผิด 16 คนก็อาจจะออกไปเพื่อไปเพิ่มเอกสาร หรือไปตะลุมบอน ไปหาทนายเพิ่ม ไปหาทีมเพิ่มเพื่อมาสู้บนศาล
ฉะนั้นไม่สั่งฟ้องไม่ใช่ว่าคดีสิ้นสุด ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งด่าคุณกรรชัย อย่าเพิ่งด่าคุณณวัฒน์ อย่าเพิ่งด่าใคร เพราะคดีมันยังไม่สิ้นสุด อย่าเพิ่งด่าเอิกเกริก โดยเฉพาะคนที่ด่าเนี่ยกดเข้าไปไม่มีหน้า มีแต่ผลไม้ สัตว์ป่า ไม่มีฟอลโลเวอร์ แปลกๆผมไม่ได้เดือดร้อนเลย แต่คนที่จะเดือดร้อนคือคนที่คุณกำลังเชียร์อยู่ คุณต้องรู้ว่าออกได้นี่ถือเป็นบุญ ต้องทำตัวให้นิ่ง คนที่จะเชียร์ถ้าคุณรักเขาจริง คุณต้องใจเย็นๆ เพื่อให้ผ่านพ้นอัยการสูงสุด”
มั่นใจ “มิน-แซม” ไม่ฟ้องแน่
“ผมบอกเลยนะคดีไม่สิ้นสุด ถ้าฟ้องปัญหาจะอยู่ที่คนฟ้อง เขาจะดูทันทีว่าพฤติกรรมคืออะไร ซึ่งไม่แปลก จะฟ้องก็ฟ้องได้ ข้อที่สอง ถ้าฟ้องมาแล้วศาลยกฟ้องล่ะ ก็ถูกฟ้องกลับ และการฟ้องกลับครั้งนี้เป็นอาญา เพราะฟ้องเท็จ มันกลายเป็นว่าอาญาเก่า อาญาใหม่ป้วนเปี้ยนรวมกันเป็น 2-3 อาญามันไม่ดี เพราะฉะนั้นถ้ารักน้อง อย่าทำอย่างนั้น ไม่ได้หมายความว่าผมกลัวหรือใครกลัวนะ แต่มันทำไม่ได้
ผมมั่นใจว่าทั้งมินและแซมเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอก แต่คุณกำลังไปคิดแทนเขา โดยเฉพาะบางเพจไปพิมพ์แทนเขาเลยว่าเตรียมตัวโน่นนี่นั่น เขาจะเตรียมตัวทำไม ในเมื่อคุณแซม ผมก็มีเบอร์มือถือเขา มิน พีชญาผู้จัดการก็คือพี่เอส PD ปทุมธานี ก็อย่าตลกร้ายแล้วทำให้เขาลำบาก ช่วยๆ กันในเมื่อเขามีโอกาสแล้ว ให้เขาออกมาแบบออกไปเลย อย่าออกมาแล้วทำให้คนต้องเวียนหัว”
บอกคดีแพ่งยังคงเดิม เพราะโดนอายัดไปแล้วกว่า 300 ล้าน
“ส่วนคดีแพ่ง ถ้าอาญายก แพ่งยกตาม ยกเว้นปปง. ใช้ระบบกฎหมายแยก ปปช.ฟ้องแพ่งไม่มีวันยก เพราะฉะนั้นความผิดของปปง.เห็นแล้วว่าสมบูรณ์ เพราะว่าลูกโซ่มันก็คือฟอก สมบูรณ์แล้ว ถ้าไม่สมบูรณ์เขาจะกล้าอายัดทรัพย์เกือบ 300 ล้านเหรอ อันนี้คือทางปปง.ส่งมาให้ จะมีบอกเลยว่ามิน พีชญาโดนยึดอะไร คือมีหมดทุกคน ถามว่าอันนี้ผิดไหม ผิดครับ เขาถึงอายัด และปปง.ก็ยังอายัดได้อีกไปเรื่อยๆ แต่สมมติถ้าคุณจะโต้แย้งว่าไม่ได้ อันนี้ไม่ใช่เงินที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถโต้แย้งได้
ซึ่งโต้แย้งไปแล้วเบ็ดเสร็จทั้งหมดยกออกไป 20 กว่าล้านทั้งก้อน 18 คน ส่วนที่เหลือปปง.ยืนยันว่าเงินที่ได้มาเกิดในช่วงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเอาไปซื้อบิตคอยน์ก็เยอะ มีไปซื้อหุ้น 7-8 ตัว เยอะมาก เอาไปฝากเป็นตั๋วแลกเงินก็มี แปรสภาพไป เงินสดอยู่ในแบงก์ก็เยอะ แต่ไม่เยอะเท่าลักษณะของการเอาไปใช้ในการลงทุนเพิ่ม เพราะฉะนั้นส่วนนี้แพ่งก็ไม่ได้ยุตินะครับ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ฟ้อง ก็ไปต่อครับ
แต่เขาจะไม่ยึดรายได้ที่มาจากเล่นละคร คณะปปง.เขาจะมีคณะกรรมการทุกอย่างในการจัดการ ให้เหลือเฉพาะที่เขาคิดว่ามันเป็นเม็ดเงินที่ไหลมาในวงจรที่เป็นลูกโซ่หรือฟอกเงินเท่านั้น เขาไม่มีสิทธิยึดเงินจากเหตุผลอื่น ปปง.เป็นหน่วยงานที่ค่อนข้างแม่น และเป็นที่พึ่งเดียว ที่พึ่งใหญ่เรื่องการฟอกเงิน เพราะฉะนั้นการกระทำของเขา มีการกระทำที่ครบวงจรแบบมืออาชีพมากๆ ผมเข้าไปแอบศึกษาแล้ว และปปง.มีสิทธิยึดแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้อยู่ใน 18 คนนี้ เห็นแล้วใช่ไหมครับว่าความผิดมันต่างกันโดยสิ้นเชิง ความผิดยังมีอยู่ ภริยาคุณกันต์ (กันต์ กันตถาวร) ถูกยึดเยอะมาก ถูกยึดเยอะกว่าสามีอีกแต่ไม่ได้อยู่ในบอส 18 คน”
แนะนำผู้เสียหายให้ไปแจ้งที่ปปง.ด้วย ได้เงินคืนแน่นอน
“ถามว่าแล้วเงินที่ยึดไปเมื่อไหร่จะคืนผู้เสียหาย อันนี้ปปง.ต้องใช้คำสั่งศาลแพ่ง คาดการณ์ว่าไม่เกิน 1 ปีจะเอาเงินนี้มาให้กับผู้เสียหายโดยเฉลี่ย เพราะยึดมาแค่ 300 ล้านวงเงินเสียหายเยอะมากมายมหาศาล คนแจ้งความก็เยอะเกือบหมื่นคน แต่แจ้งความกับปปง.แค่หลักพัน แต่อยากจะบอกเพื่อเป็นความรู้ว่า คนที่จะได้เงินส่วนแบ่งจากการอายัดทรัพย์ต้องไปแจ้งความกับปปง.ด้วยทุกคน เพราะอาญาไปร้องเงินได้ไหม ไม่ได้ แค่ทำให้ผู้กระทำผิดได้ติดคุก คุณต้องไปแพ่งด้วย
ซึ่งวันที่คุณจะมีสิทธิได้เป็นวันสุดท้าย คือภายในวันที่ 17 ก.พ. ที่จะถึงนี้ ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิได้จนถึง 17 เพราะฉะนั้นใครที่เสียหายจากกรณีนี้ และไปแจ้งตำรวจอย่างเดียวก็จะไม่ได้ แต่พันกว่าคนที่ไปแจ้งไว้ที่ปปง.ก็จะได้”
บอกล็อต 2 อาจจะมี
“ล็อต 2 คิดว่าน่าจะมีนะครับ คนที่ทำให้ไม่เงียบคือสองคนที่ออกมาแล้ว และอวตารหรือคนที่ไม่รู้เรื่องกฎหมายมาตะโกนด่า มันเลยทำให้ไม่เงียบ แถวสองมันจะมาเร็ว เหมือนคืนชีพ ถ้าออกมาเงียบๆ คือเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดมาหลายครั้งแล้ว เราไม่ได้ว่าคนที่ออกมานะ ประเทศไทยเป็นแบบนี้คนไทยบางคนเป็นแบบนี้ ลุงพล ทายาทเครื่องดื่ม มันก็เป็นแบบนี้ อันนี้ยกตัวอย่างนะ เพราะเราเชื่อเรื่องผิวเผิน ไม่ได้เชื่อเรื่องขั้นตอนกฎหมาย เราไม่ได้ดูในข้อเท็จจริง ผิดก็ยังคงผิด
ทุกคนมาบอกว่าไปด่าเขาซะเยอะ ผมไม่เคยด่า ผมว่า อย่างกรณีว่าน้องมินตอนที่น้องออกมาแถลงข่าว แล้วบอกว่าเป็นแค่นี้ แต่มันมีคลิปที่ว่าไม่ได้เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ ทุกอย่างมันตรงกันข้าม และผมเป็นคนยอมไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ น่าจะบอกว่าเป็นแบบนี้เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อันนี้น่ารัก แต่พอบอกว่าไม่ใช่ อ้าว แล้วคลิปร่อนอยู่อย่างนี้จะเอายังไง นี่ก็ส่วนนึง และการที่ไม่ให้ความร่วมมือในการบอกที่มาของค่าพรีเซ็นเตอร์เอยอะไรเอย ก็เป็นอีกส่วนนึงที่ทำให้เราไม่สบายใจ และอีกส่วนที่ผมพูดครั้งสุดท้ายและพอฝากขังผมก็ไม่ได้พูดเลย ก็คือวันที่ไปมอบตัว ทุกคนเข้าทางประตูปกติผ่านพี่ๆ สื่อ จะมีน้องคนเดียวที่ไม่รู้ไปเข้าทางไหน”
บอกอยากให้กระบวนการยุติธรรมมีความเท่าเทียมกับคนทุกระดับชั้น
“ผมก็พูดไว้ในลักษณะของกฎหมายควรมีไว้สำหรับมาตรฐานเดียวกันกับทุกคน วิธีปฏิบัติต้องมีไว้ไม่ว่าใครก็ตาม อันนี้ไม่ได้ไปจงเกลียดจงชังน้อง แต่พูดหนักเนื่องจากว่าเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมหรือเจ้าหน้าที่ใดๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลจงอย่าละเว้น ให้ความเสมอภาคในการใช้กฎหมายกับทุกคนไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม ยาจก คนรวย คนมีชื่อเสียง ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน มันจึงเป็นที่มาของการต้องวิพากษ์วิจารณ์ให้อย่าให้เกิดแบบนี้อีก และผมก็วิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ผมก็อยากจะถามว่าถ้าคิดจะฟ้องผม ฟ้องในข้อหาอะไร เขาบอกข้อหาหมิ่นประมาท หมิ่นประมาทอะไร นี่คือเรื่องของคนไทยบางคน ผมหมิ่นประมาทตรงไหนต่อให้ผมพูดว่านางเอกในละคร อาจจะเป็นนางร้าย หรือนางร้ายอาจจะเป็นนางเอก ผมใช้คำว่าอาจจะ แล้วผมไม่ได้บอกว่าใครเป็น ถูกไหมครับ ผมไม่ได้เรียนจบกฎหมาย แต่ผมก็รู้วิธีการใช้กฎหมาย และผมก็ศึกษาเรื่องข้อกฎหมาย และผมรู้เรื่องที่จะเอาจุดไหนมาเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์”
ยืนยันขออยู่ข้างผู้เสียหาย 100% บอกอย่าลืมคนที่ต้องสูญเสียทุกอย่างถึงขั้นฆ่าตัวตาย
“ผมต้องถามใจทุกคนว่าคุณลืมผู้เสียหายเกือบหนึ่งหมื่นคนไปแล้วเหรอ ที่เขาต้องหมดตัว ขายบ้าน ฆ่าตัวตาย คุณลืมพวกเขาไปสนิทใจเลยเหรอ ผมอยู่กับประชาชน ผมอยู่กับเสียงข้างมาก ผมอยู่กับผู้เสียหายครับ ถ้าผมขอโทษเขาก็เท่ากับว่าผมทิ้งผู้เสียหาย ผมยังคงยืนอยู่ข้างผู้เสียหาย 100% แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดอาญาก็ไม่มีแล้ว แพ่งเขาก็ไม่โดน สมมติปาฏิหาริย์อะไรก็ไม่รู้แหละ ก็ฟ้องผม ฟ้องได้ครับ แต่ฟ้อง ณ วันที่มีบทสรุปนะครับ แต่ตอนนี้ที่สรุปไปแล้ว ทางแพ่งก็ไปได้ไกลมากแล้ว อายัดแล้ว ไปสู่ศาลแพ่งแล้ว ส่วนอาญามันแค่บริบทแรก และบังเอิญว่ากฎหมายเรามันแค่ 7 ผลัด 84 วันก็เป๊ะอยู่แล้ว แค่นั้นเอง
ถามว่าล็อต 2 จะมีแม่ทีมและมีคนที่จะเข้าอยู่แล้วไหม ในความรู้สึกนะ คนที่เก่งที่สุดคือบอสพอล (วรัตน์พล วรัทย์วรกุล) เพราะฉะนั้นเมื่อขึ้นสู่ศาล มันจะต้องมีการไขเอกสาร ไขการพาดพิงอีกเยอะ เพราะฉะนั้นโดยธรรมชาติบริษัทที่มีวงเงินและมีผู้เสียหายเยอะขนาดนี้ โอกาสจะจบที่ 16 คนมันยาก แชร์ทั่วไปวงละ 3-4 พันยังซัดไปเป็นร้อย แต่ต้องยอมรับว่าล็อตแรกเป็นล็อตที่คุ้มค่าทุกนาที ใช้จน 84 วัน สมมติถ้ามาสัก 50 คนมันไม่ทันนะ เพราะกระบวนการทางกฎหมายเป็นกระบวนการที่ต้องรอบคอบที่สุด ผมจึงคิดว่าอาจจะมีแหละ แต่ที่ช้าเพราะเขาทำพร้อมๆ กันไม่ได้หรอกครับ เขาเล่นทีละแมซต์ครับ เล่นกีฬาแห่งชาติเสร็จก่อน ค่อยไปกีฬาอาเซียนต่อ เตะสองแมซต์พร้อมกันคงจะเหนื่อย”
ไม่กังวลถ้าทั้งสองคนจะฟ้อง และที่บอกไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
“ถามว่ากังวลไหมถ้าเขาจะฟ้องขึ้นมา ผมอยากให้ฟ้องตอนนี้เลย ฟ้องตอนนี้เลยก็ได้ครับถ้าเขาอยากจะฟ้อง แต่ผมเชื่อมั่นว่าคนที่เรียนกฎหมาย ผมถึงถามไงว่าฟ้องข้อหาอะไร หมิ่นประมาท แล้วหมิ่นประมาทคำไหนครับ ถ้าบอกว่าพูดแล้วทำให้คนอื่นคล้อยตาม ก็ต้องไปจับนักการเมืองเวลาหาเสียงทุกคนครับ พูดแล้วทำให้คนคล้อยตามไม่ใช่ความผิดทางอาญา มิเช่นนั้นไอ้พวกโค้ชสะกดจิตนี่โดนหมดแหละ คำไหนคือคำหมิ่นประมาท ต้องไปแคะคำนั้นออกมาให้ได้ และต้องชัดเจนว่าคำนั้นคุณไม่ได้เป็น มันต้องมีสองอย่างครับ
ที่เคยบอกว่าไม่ชอบ วันนี้ก็ยังยืนยัน ผมเคารพในสิ่งที่ผมพูดไป ผมเคารพตัวเองครับ ความไม่ชอบเป็นสิทธิส่วนบุคคล ผมไม่ชอบที่ทำไมไม่เข้าทางประตูหน้า แต่ไปอีกโซนนึง ผมไม่ชอบที่ไปแถลงข่าวพร้อมทนายวันนั้นทุกคนคงจำได้ และคำตอบที่น้องตอบกับสิ่งที่มีมา ผมก็ไม่ชอบแค่นั้นเองครับ ถามว่าไม่ชอบเขาแล้วผมจะตายไหม ผมก็ไม่ได้ตาย เขาก็ไม่ได้ตาย มันอยู่ที่เรื่องแต่ถ้าเจอกันเรื่องหน้าไม่มีเรื่องนี้ เรื่องอื่นเราอาจจะชอบเขาก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องแปลก น้องเป็นนักแสดงที่เล่นเก่ง ฝีมือดี เราก็ต้องยอมรับ มันคนละเรื่องกัน”