“เสก โลโซ” แถลงข่าว “กานต์ วิภากร” บุกไปฉะ GMM เพราะต้องการดูสัญญา แต่ทางอดีตต้นสังกัดไม่ยอมให้ดู เผยต้องการเห็นสัญญาและแก้ไขสัญญาให้เข้ากับยุคสมัย เพราะตอนนี้ได้แต่ตัวเงินแต่ไม่เคยเห็นรายละเอียดการแจกแจงรายได้ เชื่อเจรากันได้ ไม่ถึงขั้นต้องไปขึ้นศาล
จูงมือออกมาแถลงข่าว สำหรับราชาเพลงร็อก “เสก โลโซ” เสกสรรค์ ศุขพิมาย และภรรยา “กานต์ วิภากร ศุขพิมาย”ที่ก่อนหน้านี้ กานต์ บุกไปเคลียร์กับทาง GMM เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่ไม่เป็นธรรม โดย เสก-กานต์ เผยถึงสาเหตุที่บุกไปถึงต้นสังกัดเก่านั้นเพราะต้องการเห็นสัญญา โดย กานต์ วิภากร เผยว่า….
กานต์ : “เรามีเรื่องการเจรจาจะคุยเรื่องลิขสิทธิ์กันมานานมากแล้ว ก็มีการขอไปทาง GMM มา 3 ปีกว่าแล้ว ก็มีการเปิดห้องประชุมรอ แต่ก็ไม่สบาย เกิดอุบัติเหตุก็ลากยาวมา ก็เลยตัดสินใจบุกไปหา คือกานต์ไม่เห็นสัญญา ตามปกติกานต์ไม่เคยได้อ่านสัญญาอยู่แล้ว เสกเป็นคนอ่านคนเดียว อ่านตรงนั้นเลยแล้วก็เซ็น มันก็ยาวและเยอะ ก็จะไม่ค่อยมีสมาธิในการอ่านเท่าไหร่ ตอนนี้ก็อยากจะเห็นว่าสัญญามันเป็นยังไง
เราก็ขอดูมานานแล้ว เราอยากมีสำเนาที่ไปเซ็นสัญญาเอาไว้ครั้งแรกปี 2539 ถึงสุดท้ายว่าเขาเซ็นอะไรไว้ เขาไม่ยอมให้ก็เลยเป็นเรื่อง ที่ผ่านมาเขาก็มีส่งหนังสืออะไรมาว่าเป็นความลับ ตอนแรกก็ไม่ได้อ่าน เราก็เซ็น แต่พอไปให้ทนายดู ทนายก็ทักมาว่าข้อนี้มันแปลกนะครับ
กานต์ไม่ได้จะไปทำอะไร แค่อยากเห็น เมื่อเราออกมาจากบริษัทไม่ได้เป็นศิลปิน GMM แล้ว เราก็ต้องการที่จะปรับเปอร์เซ็นต์การจัดสรรปันส่วน ที่ผ่านมาเราไม่รู้อะไรเลย เราต้องการดู ใจจริงเราเองต้องการให้เขาดูแลเราต่อ เราเพียงอยากเห็นว่าเซ็นไว้ยังไง
สมัยก่อนเราจะเห็นว่ายอดเทปขายได้เท่านี้ แต่ตอนนี้มันไม่มีแบบนั้นแล้ว ก็เลยอยากรู้ว่าที่เขาเอาเพลงไปแจกจ่ายทำนั่นนี่ กานต์ได้เท่าไหร่ ลูกได้เท่าไหร่ เสกได้เท่าไหร่ เพราะพี่เสกเองเขาก็จำอะไรไม่ได้เลย อยากเห็นแค่นี้พาร์ตที่เป็น เสก โลโซ พาร์ตที่เป็นซิงเกิลยิบย่อยให้เขาขาย อยากเห็นแค่ย่อๆ ก็อยากให้เขาดูแลต่อ แต่ถ้ามันนั่นก็ขอปรับให้มันโอเคหน่อย ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เราก็บอกไปทางตัวแทนของ GMM ไป
ขอเล่านะ ตอนสมัยเรา GMM เขาไม่ส่งสัญญาลิขสิทธิ์เพลงมาให้ศิลปินคนไหนเลยนะ ไม่มีการได้อ่านล่วงหน้า มาที่ตึก อ่าน เซ็น เก็บ ไม่มีสำเนาด้วย มีคนเดียวที่ได้คู่ฉบับสัญญา แต่ตอนนี้ไม่รู้นะ
ตอนนี้กานต์ไม่สบายหนักอยู่นะ เสกก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน กานต์ก็ต้องการจะทำอะไรให้ลูกไว้ให้เรียบร้อย เช่น พินัยกรรมต่างๆ 1-2 ปีที่ผ่านมากานต์ก็คุยกันแต่เรื่องนี้ กานต์จะต้องจัดการเรื่องบ้าน เรื่องทรัพย์สินทั้งหมดให้เขา 4 คน เพราะกานต์ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปเมื่อไหร่”
ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นสัญญา
กานต์ : “ยังเลย ก็เลยต้องเข้าไปไง เขาส่งเอกสารสัญญาอันเป็นความลับ เขาบอกให้กานต์เซ็นอันนี้ก่อนเขาถึงจะส่งให้ ไม่มีอะไร แต่ในนี้บางข้อมันมีรายละเอียดไง”
ด้าน “เสก โลโซ” เผย ได้มอบหมายให้ภรรยาและทนายเป็นตัวแทนตนไปเจรจากับทางอดีตต้นสังกัด แกรมมี่ ลั่นอยากให้แก้ไขให้เข้ากับโลกสมัยใหม่
เสก : “จุดประสงค์ของผมอยากให้แก้ไขสัญญาให้มันเข้ากับโลกสมัยใหม่ เพราะเมื่อก่อนเราทำเทปคาสเซ็ท ซีดี เดี๋ยวนี้มันมียูทิวบ์ มี Spotify อะไรอีกต่างๆ นานา ก็อยากจะให้แก้สัญญาให้เป็นธรรม นอกจากของตัวผมเองแล้วผมก็อยากจะเป็นตัวแทนพี่น้องนักแต่งเพลงของประเทศนี้ เขาจะได้มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวเขา ที่สำคัญเลยคือศิลปินที่เขาออกมาจากค่ายแล้วก็อยากให้เขามีสิทธิ์ร้องเพลงของตัวเองได้ แล้วก็ยังจะจ่ายสตางค์ไปยังบุคคลส่วนอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเพลงๆ นั้น ก็ยังต้องจ่ายเงินให้บริษัทอยู่แหละ
ผมได้มอบหมายให้คุณกานต์และทนายลองไปคุยกับทางแกรมมี่เอง ถึงแม้ตัวผมจะไม่ได้เป็นคนไป กานต์ไปก็เท่ากับผมไปคุยเองนั่นแหละ ผมเชื่อว่าจะแก้ไขกันได้ คงไม่ทะเลาะกันไปจนถึงขึ้นโรงขึ้นศาล เมื่อวันก่อนทางแกรมมี่ก็ส่งตัวแทนมาคุยกับผมแล้วว่าอยากจะแก้ไขสัญญาไหม จะแก้ตรงไหนก็บอกเขามาเลย ผมก็อยากจะให้แก้ไขเรื่องของการจัดเก็บพวกบ้านเล็กบ้านน้อย ไม่ควรไปเก็บเขานะ ผมเคยพูดไปเป็น 10 ปี แล้ว ก็ยังมีเจตนารมณ์เดิม คืออยากให้พี่น้องคนยากคนจนได้เอาเพลงไปทำมาหากินกัน
เมื่อวานได้คุยกับเพื่อนที่อยู่ในคณะรัฐบาลเขาก็สนใจเรื่องนี้ เขาสนใจที่จะช่วยพี่น้องศิลปินเรื่องของการนำเพลงไปเล่นแล้วไม่ต้องมาจ่ายเงินเยอะแยะ มีศิลปินท่านหนึ่งไปขึ้นเวทีกับผม บริษัทเขาไม่ให้มาเล่นเพราะต้องจ่ายลิขสิทธิ์เพลงที่จะไปร้องในคอนเสิร์ต 300,000-400,000 บาท มันเยอะมาก ก็อยากให้ทางบริษัทเห็นใจเรื่องนี้ ตัวผมเองไม่ต้องจ่าย เพราะผมแต่งเพลงเอง แต่ศิลปินคนอื่นๆ ที่เขาอยากจะพึ่งพาอาศัยเขาต้องจ่ายไง ก็เข้าใจว่าต้องจ่ายแต่อย่าให้มันแพงมากจนเกินไป”
เชื่อตกลงกันได้ด้วยดี แต่ตนอยากเป็นกระบอกเสียงให้กับศิลปิน นักแต่งเพลง ในการปรับแก้ไขกฎหมายเรื่องของลิขสิทธิ์เพลงให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย
เสก : “ผมว่ายอม ของตัวผมนั้นผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาหรอกนะครับ คงไม่มีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลและตัวผมเองก็ไม่อยากจะทำด้วย ผมอยากให้สัญญาเข้ากับโลกสมัยใหม่ แต่ก่อนเป็นเทป เราเห็นอยู่แล้วว่าได้เงินยังไง แต่เดี๋ยวนี้เราไม่รู้เลยว่าบริษัทเอาไปทำมาหากินที่ไหน เขาก็แบ่งให้เราอยู่แหละนะ แต่เราก็อยากรู้รายละเอียด คือเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอมาสมัยใหม่เขาก็ไม่ได้ทำสัญญาใหม่เลย ผมออกจากแกรมมี่มา 10 กว่าปีแล้ว สัญญาก็ยังเป็นสัญญาเก่าสมัยขายเทป ขายซีดี
อีกอย่างคืออยากให้อายุสัญญาของการเป็นเจ้าของมันต้องมีระยะเวลา หรือไม่จะเป็นเจ้าของร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์ แบ่งเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ก็ว่ากันไปให้ชัดเจน เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรชัดเจนเลย จะไปอ่านสัญญาเก่ามันไม่ได้แล้ว ตอนนี้มันปี 2568 แล้ว ก็ดูว่าจะเป็นไปได้ด้วยดี ทางน้องฟ้าใหม่ส่งตัวแทนมา เพียงแต่ผมไม่ได้เป็นห่วงแค่ตัวเองไง ผมอยากแก้ไขให้พี่น้องนักร้องศิลปิน ร้านอาหาร ร้านลาบ ผับเล็กๆ หรือแม้แต่นักร้องที่เล่นในผับสามารถเอาเพลงของเราไปเล่นได้ฟรีผมอยากให้บริษัทใหญ่ของเรารวมถึงบริษัทเล็กๆ เห็นใจศิลปิน ผู้ประกอบการต่างๆ ด้วย หวังว่าจะตกลงกันได้ด้วยดี กานต์เขาคิดเยอะไปมากกว่าผม เพราะผมอยากให้เพลงที่ผมแต่งทั้งหมดตกเป็นของลูกเมื่อเวลาเราจากไป”
กานต์ : “กานต์ตายก่อนใครอยู่แล้ว เสกเขาก็ไม่ไฝว้หรอก กานต์อยากรู้แค่ว่าสัญญาหมดเมื่อไหร่ เขาพูดว่าไม่มีวันหมด ตลอดไป จะไม่ให้เดือดได้ยังไง”
เสก : “วันนั้นที่เข้าไปแล้วทะเลาะกันเพราะทางแกรมมี่ไม่ยอมให้ดูสัญญา เขาก็บอกขอให้เก็บเป็นความลับ”
ที่ผ่านมาค่าตอบแทนจากค่าลิขสิทธิ์เพลงหลักแสนทุกเดือน ยันที่ผ่านมาต้องการดูและแกไขสัญญามาโดยตลอด
กานต์ : “แต่ก่อนโอเค แต่ตอนนี้เราไม่รู้เลยไงว่าเขาไปแบ่งอะไรยังไง ตรงไหนบ้าง”
เสก : “ทุกวันนี้เงินก็ยังเข้า แต่ไม่มีหนังสือแจงรายละเอียดมาเลย สมัยก่อนจะขายเทปได้กี่ม้วน ขายซีดีได้กี่แผ่นเขาจะแจ้งหนังสือมาบอกเรา แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเลย มาแต่ยอดเงิน เขาก็โอนเงินมาให้ผมทุกเดือน แต่ไม่มีเอกสารรายละเอียดต่างๆ ยอดเงินที่เข้ามาก็หลักแสน”
กานต์ : “ทุกวันนี้บริษัทก็ยังหากินกับเพลงเสกอยู่ เพลงก็ยังทำงานได้ของมัน”
เสก : “เรื่องเปอร์เซ็นต์การแบ่งเมื่อก่อนเขาก็ให้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ แหละ มันเป็นเรื่องของคนที่ร่วมชีวิตกันมา อยู่มาวันนึงเราก็หย่าร้างกันไป ก็อยากให้แก้ไขทุกอย่าง ดูแลลูกของเราก็คือเพลง ผมไม่ปฏิเสธนะว่าแกรมมี่ทำให้เพลงของผมดังขึ้นมา เขาโปรโมตให้เรา แต่เราเองก็ทำงานหนักเช่นเดียวกัน เขาลงทุน เราก็ลงทุน ตัวมาสเตอร์เป็นของเขาเราก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก กานต์เองเขาคิดอยากจะเอามาทำเหมือน เทเลอร์ สวิฟต์ ที่เอามาสเตอร์มาอัดใหม่ อันนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ เขาไม่ยอมแก้ไขให้หรอก ของๆ เขาอยู่ดีๆ จะมาเอาของเขาไปได้ไง ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของ
แต่ของเรา ผมได้แก้ไขสัญญามาโดยตลอด จนได้เป็นเจ้าของร่วมกัน จนไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงเวลาไปแสดงคอนเสิร์ต มันก็เรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แต่ที่ผมพูดนี้ผมออกมาพูดในนามของศิลปิน นักแต่งเพลงหลายๆ ท่าน ผมอยากให้บริษัทเห็นใจเพื่อนๆ ศิลปินคนอื่นด้วย สัญญามันเขียนไว้ว่าถ้าเขาไม่อนุญาตให้เราไปเล่น เราก็ไปเล่นไม่ได้ มันก็คือสัญญาทาส ก็สงสารเขา”
ความต้องการแก้ไขสัญญาของตนอีกเรื่องคือนอกจากตนและลูกชายที่สามารถร้องเพลงตนฟรีแล้วก็อยากจะให้คนอื่นๆ ได้ใช้เพลงของตนในการทำมาเลี้ยงชีพ เพลงจะได้ก่อเกิดคุณค่า
เสก : “ผมและเสือ (ลูกชาย) เพราะเสือเป็นลูก อันนี้คือที่แก้มาแล้วด้วยนะ ก็มีสิทธิ์เอาไปร้องแต่ไม่มีสิทธิ์เอาไปขายให้คนอื่น คนอื่นจะเอาไปร้องก็ต้องขึ้นอยู่กับบริษัท เราเป็นผู้แต่งเพลง ถ้าจะแก้สัญญาใหม่ เราในฐานะผู้แต่งเพลง เราสามารถเอาเพลงของเราไปให้คนอื่นร้องได้ ก็ไปจัดเก็บกันมาแล้วเอามาแบ่ง มันจะทำให้เพลงมีคุณค่ามากขึ้น
ผมมีเพลงอยู่กับทางแกรมมี่คิดว่าน่าจะ 200 กว่าเพลงได้ ไม่แน่ใจตัวเลข เพลงผมอาจจะไม่มากนะ แต่เพลงผมมันเป็นเพลงที่ฮิตมาก มันทำรายได้ให้บริษัทเยอะมากนะ ก็ต้องเจรจาหาจุดร่วมว่าตรงไหนนักร้องอยู่ได้ คนทำเพลงอยู่ได้ คนทำดนตรีอยู่ได้ ยิ่งลูกทุ่งยิ่งน่าสงสารมากๆ”
กานต์ : “ถ้าเสกเป็นอะไรไปอีก 50 ปีเพลงก็ยังจะเป็นของเขา เราไม่มีสิทธิ์ ลูกเราก็ไม่มีสิทธิ์ เป็นเรื่องที่กานต์โมโห เหมือนความภาคภูมิใจของเขาต่อตัวพ่อมันไม่มีอยู่ ตรงนี้แหละที่ค้างคา กานต์ไม่โอเคมากๆ ก็อยากจะขอรื้อสัญญาใหม่หมดเลย เพราะที่เป็นอยู่นี้คือสัญญาทาส ถ้าเขาไม่ยอมก็คงฟ้องแหลกเหมือนกัน”
เสก : “ผมว่าตกลงได้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน แต่จะเคลียร์กันลงตัวเมื่อไหร่คงต้องใช้เวลานานอยู่ เพราะตอนแก้ไขสัญญาก็นาน เขาก็กลัวว่าถ้าทำให้เราแล้ว ศิลปินคนอื่นอยากทำเหมือนกันจะทำยังไง ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดต่อสำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานเพลง”
ด้าน “เวสป้า อิทธิพล เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา” ศิลปินและนักแต่งเพลง เล่าประสบการณ์ชนะคดีลิขสิทธิ์เพลงกับค่าย RS รวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์เพลง
เวสป้า : “ตอนนี้ผมสงสารน้องๆ บางคนที่คัฟเวอร์เพลงลงยูทิวบ์ ขนาดลงไว้เป็น 10 ปีก็โดนฟ้อง ทั้งบริษัทเล็ก บริษัทใหญ่ มันควรจะต้องทำให้เป็นรูปธรรมเหมือนกับต่างประเทศที่พัฒนาแล้วที่เขาทำให้เป็นเปอร์เซ็นต์ที่เหมาะสม ไม่ใช่ว่าเราไม่จ่าย เราจะจ่าย แต่ควรจ่ายในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะนักแต่งเพลงตอนนี้หลายคนลำบากอยู่ โลกเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเขาได้ส่วนแบ่งจากเทป ซีดี จากค่าทำนอง เนื้อร้อง ค่าเรียบเรียง แต่พอมันเข้าไปสู่โลกออนไลน์ มันจะมีค่าลิขสิทธิ์มหาศาลอยู่ในแพลตฟอร์ม ทุกแพลตฟอร์มเขาจะเก็บค่าลิขสิทธิ์กันไว้อยู่แล้ว ประเทศไทยค่าลิขสิทธิ์ปีๆ นึงหลายพันล้าน
ในเรื่องของสัญญา เสกอาจจะแก้ได้ แต่คนอื่นก็ไปแก้ไม่ได้ เราไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย เมื่อก่อนเราไม่ได้เซ็นสิทธิ์เผยแพร่นะ ยุคที่ผมแต่งเพลงดังๆ มันยังไม่เกิดสิทธิ์เผยแพร่ขึ้น ที่ผมไปฟ้องศาลเพราะเราไม่ได้ส่วนแบ่งเลย รวมถึงรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่แต่งเพลงดังกว่าผมก็ไม่ได้ ตรงนี้มันควรจะชัดเจน ศิลปิน ร้านค้าใช้งานก็ควรจะจ่าย
บางคนโดนดูดรายได้ 100% มันไม่ควรนะครับ มันต้องแบ่งกัน กล้องเขา หน้าตาเขา เสียงเขา ผมว่าพวกเราทุกคนควรร้องเพลงลงโซเชียลได้เลย แต่รู้ว่าเราจะโดนหักไปกี่เปอร์เซ็นต์ เขาจะหักออโต้อยู่แล้วในแพลตฟอร์ม ประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว เขาก็ออกพรบ. ใหม่ให้ค่ายเพลงไปรวมกันเป็น 2 องค์กร เจ้าของทำนองกับเจ้าของคำร้อง และกำหนดราคาให้ชัดเจนและเหมาะสม ถ้าเอาไปใช้งานจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ เช่นจ่าย 5% ของบัตรคอนเสิร์ตก็กันเอาไว้เป็นค่าลิขสิทธิ์”
ชนะคดีเพราะศาลมองที่เจตนาเป็นหลัก
เวสป้า : “ผมเป็นหน่วยกล้าตายลองฟ้องดูครับ ศาลมองเจตนารมณ์ที่ทำร่วมกันมามันเป็นการต้องแบ่งปันกัน ไม่ว่าหัวสัญญาจะเขียนยังไง ศาลจะไม่มอง ศาลเขาจะมองที่เจตนาในการร่วมทำกันมา เป็นการแบ่งปันกัน ศาลยกสิทธิ์คืนผมทั้งหมดเลยทั้งสิทธิ์ทำซ้ำ ดัดแปลงทุกอย่าง มันก็ดี ต่อให้ผมได้คืนมาทั้งหมดบริษัทก็ยังได้เยอะกว่าอยู่ดี เวลาลงในแพลตฟอร์มมันมีค่ามาสเตอร์เยอะกว่า ซึ่งมันแล้วแต่แพลนฟอร์ม 70 : 30 , 80 : 20 ก็แตกต่างกันไป
(ทำไมเมืองไทยถึงมีบริษัทเก็บลิขสิทธิ์ 30 บริษัท?) นี่แหละครับประเทศไทย ควรจะมีแค่ 1-2 องค์กรก็พอและกำหนดราคามาเลย ตอนนี้เราฝุ่นตลบอยู่ ไม่รู้เพลงใครเป็นของใคร 1 เพลงมีหลายคนได้สิทธิ์ ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของสิทธิ์จริงๆ กันแน่ ต้องขึ้นศาลเท่านั้นถึงจะได้รู้ มันวุ่นวายมากผมบอกเลย ฝากเลยว่ากรรมการซอฟต์พาวเวอร์ต้องลงมาดู”
กานต์ : “ฝากถึงผู้บริหาร กานต์ก็ยังยืนยันคำเดิม ฟ้าใหม่ (ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม) อากู๋ (ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม) ก็มาคุยมาเคลียร์กันได้ เราไม่ได้เซ็นกับพวกที่มาวันนั้น”