“พิง ลำพระเพลิง” เปิดใจ โทรศัพท์จากผู้จัดเงียบเป็นปี ไม่เรียกเขียนบทละคร อยู่เฉยไม่ได้ ต้องหาทางรอด โชคดีที่หน้าด้าน โทร.หาคนจำนวนมาก เพื่อขอเงินน้อยๆ จากเขามารวมกันสร้างหนัง ลั่นไม่เคยคิดว่าต้องใช้วิธีนี้เลย มอง “หลานม่า” คือกลิ่นความหวังหนังไทย ช่วยปลุกไฟในตัว
วิกฤตละครทำกระทบทุกภาคส่วนเลยทีเดียว ล่าสุดแม้แต่ผู้กำกับ และผู้เขียนบทละครมือโปรอย่าง “พิง ลำพระเพลิง” ยังได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีผู้จัดโทรศัพท์เข้ามาเรียกใช้บริการให้ไปเขียนบทละครเลยเป็นปี จนต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด หวนมาสร้างหนังแทน โดยในงานงานกาล่าพรีเมียร์ภาพยนตร์ “แสนสนั่น พันธุ์สั่นสู้” พิง เผยว่ากลับมาทำหนังรอบนี้ ไม่เหมือนกับที่ผ่านมาอีกแล้ว มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว
“ผมกลับมาทำหนังครั้งนี้มันไม่เหมือนกับที่ผ่านมา เรื่องนี้ผมไม่ได้ทำผ่านระบบสตูดิโอ หมายถึงผมเป็นวันสต็อปเซอร์วิสตั้งแต่เขียนบทยันเอาหนังเข้าโรงฉายเลย เพราะเรารู้สึกว่าถ้าทำกับระบบสตูดิโออาจจะต้องรอคิวนาน แล้วช่วงนี้วงการละครโทรทัศน์ไม่มีงานเขียนบทมาให้ผมเขียนเลย ผมก็เลยรู้สึกว่า เราจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว อยู่ๆ โทรศัพท์มือถือผมไม่ดังเลย ผู้จัดละครทั้งฟ้าเมืองไทยเคยรู้จัก ทำงานมาด้วยกันไม่มีใครโทร.หาผมเลย เราก็รู้สึกว่าถ้าโทรศัพท์เราไม่ดัง เราก็ต้องโทร.ออกแล้วแหละ ผมก็เลยยกหูชวนทุกคนที่ผมพอจะรู้จักว่าเขามีสตางค์ ก็ชวนมาร่วมลงทุนทำภาพยนตร์
ผมเลือกที่จะโทร.หาคนจำนวนเยอะ โดยเอาเงินจำนวนน้อยๆ จากแต่ละคนมารวมกันก็กลายเป็นจำนวนที่เยอะ มันทำให้เรามีเงินมาทำหนังได้โดยที่ไม่ต้องผ่านระบบที่เคยทำมา แต่มันก็มีข้อให้เรียนรู้นะครับ การที่ผมต้องทำหนังยันเอาเข้าโรงฉายเลย มันก็เป็นการเรียนรู้ใหม่ๆ มันเป็นวิธีการทำภาพยนตร์แบบใหม่สำหรับผม ผมเชื่อว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่คิดว่าถ้าวงการทีวีมันไม่มีอะไรให้ทำในช่วงนี้ ก็ลองหาวิธีสร้างภาพยนตร์ดูกัน”
ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาใช้วิธีนี้ หวังแค่นายทุนจะไม่ขาดทุน จะได้มีเรื่องต่อไป
“ตัวผมเองก็ไม่คิดเลยว่าผมจะต้องมาใช้วิธีนี้ จริงๆ เลยนะ ผมมองว่าชีวิตผมเราก็คงมีงานเขียนบทตลอดไปแหละ เราเชื่อแบบนั้นมาตลอด พออยู่ๆ เทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ม้าตัวที่เราเคยขี่อยู่กลับนอนนิ่ง พอนอนนิ่งเราก็ต้องลงเดิน โชคดีที่พอลงเดินแล้วกลับเจอหาทางใหม่ๆ เรารู้สึกว่ามันเป็นหนทางที่ดีจังเลย ได้เรียนรู้ ได้ทำงานในแบบที่เราไม่เคยทำ จนถึงขั้นเอาหนังเข้าโรงฉายด้วยตัวเอง ก็รู้สึกว่ามันดีจังเลยครับ ก็หวังแค่ว่านายทุนเขาจะไม่ขาดทุน แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ จะได้มีเรื่องต่อๆ ไปทำอีก”
โลกเปลี่ยนต้องปรับตัวและขยันขึ้น
“ต้องขยันขึ้น แต่ก่อนผมทำหนังถึงแค่ปิดกล้องก็เสร็จกัน ที่เหลือสตูดิโอเขาก็ไปทำโปรโมต ทำพีอาร์ แต่เดี๋ยวนี้ผมปิดกล้องหนังแล้ว ผมก็ยังต้องไปวางแผนงาน วางไลน์อัปหนังจะเข้าฉายเดือนไหนดีนะ จะไปชนกับเรื่องอะไร มีงานพีอาร์อะไรที่ต้องทำบ้าง เราก็ไปจ้างซัพพลายเออร์ทางด้านนี้มาทำให้เราเพื่อจะตอบโจทย์นายทุน พอเรามีนายทุนหลายๆ เจ้า ทั้งจากกลุ่มร้านอาหาร อสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มอื่นๆ เขาก็ชวนเพื่อนกันมาลงทุน ผมจึงรู้สึกว่ามันดีจังเลยที่เราได้เงินจำนวนน้อยจากคนจำนวนเยอะๆ อัตราเสี่ยงเขาก็น้อยลง เขาก็สนุกในการลงทุนทำหนังไทย ด้วยวิธีนี้มันจะทำให้เรามีเม็ดเงินเข้ามาในอุตสาหกรรมหนังไทยมากขึ้น”
โชคดีที่หน้าด้าน เลยหาทุนไม่ยาก
“ไม่ยาก ผมโชคดีที่ผมมีพรสวรรค์ในการหน้าด้าน ผมไม่อายที่จะโทร.ไปถามว่าสนใจไหมผมมีโปรเจกต์นี้นะ และแน่นอนว่าผมก็ได้รับรอยยิ้มและคำปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกัน เพียงแต่ผมรู้สึกว่าเขาอาจจะยังไม่พร้อมกับสิ่งนี้ เราเพียงแค่อย่าท้อ อย่ารู้สึกอายที่ไปขอเงินเขามาทำแล้วเขาไม่เอาด้วย อย่าเพิ่งท้อกันนะครับ ผมเชื่อว่าผมเป็นคนที่เขียนบทภาพยนตร์ไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นเลย เพียงแต่ผมเป็นคนที่เขียนบทภาพยนตร์ที่ไม่ยอมแพ้ ผมเดินหาเงินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีเงินมาทำ”
นิมิตหมายที่ดี หนังไทยลุ้นชิงออสการ์ ชนะตั้งแต่เป็น 1 ใน 15 เรื่องแล้ว
“ดีมากๆ เลย ดีใจ ถือเป็นหมุดหมายที่ดีมากๆ ที่หลานม่า ได้เข้าถึง 15 เรื่องสุดท้ายในการเข้าชิงออสการ์ มันไม่ธรรมดานะ โลกเราปีๆ นึงมีหนังเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง แล้วเขาเลือกหนังของเราเข้าไปเป็น 1 ใน 15 ผมว่าเราควรจะช่วยกันประโคมข่าว ถึงแม้ว่ายังไม่รู้จะเข้ารอบ 5 เรื่องไหม จะชนะไหม ผมว่ามันไม่จำเป็นแล้ว เราชนะตั้งแต่เขาหันมามองประเทศเราว่าเป็นหนึ่งในคนทำหนัง 15 เรื่องแล้ว”
มองหลานม่าคือกลิ่นความหวังหนังไทย ช่วยปลุกไฟในตัว
“ผมว่ามันเป็นกลิ่นของความหวัง หลานม่าคือความหวังของเราจริงๆ แม้ว่าเราอาจจะลดลงในแง่ของการผลิตละครโทรทัศน์ แต่เราขยายใหญ่โตขึ้นในแง่ของภาพยนตร์ ซึ่งมันจะสามามารถเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ในอนาคต หลานม่าเข้าชิงนี่ช่วยปลุกไฟในตัวผมมากๆ เป็นหมุดหมายที่ดีมากๆ ที่หนังไทยเราเริ่มมาแล้ว ถึงแม้ว่าหนังของผมจะไม่มีโอกาสได้ไปไกลเท่านั้น แต่ผมยินดีด้วยมากๆ ผมอยากให้คนไทยรู้สึกชื่นชมหนังไทยด้วยกันเองเถอะ ผมรู้นะครับว่ามันยาก ผมว่าการรวมกลุ่มคนให้เกลียดในสิ่งเดียวกัน มันอาจจะง่ายกว่าการรวมกลุ่มคนให้รักในสิ่งเดียวกัน ถ้าเราเริ่มต้นรวมกลุ่มคนให้รักในหนังไทย ผมว่ามันจะพาให้หนังไทยไปได้ไกลมากขึ้น ฉะนั้นเราลองมาเริ่มพยายามรวมกลุ่มคนให้รักในสิ่งเดียวกันดีกว่าไหมครับ”
บอกขนาดพิง ลำพระเพลิง มีคอนเนกชั่นกับผู้จัดทั่วฟ้าเมืองไทย ยังเงียบเป็นปี พนักงานฟรีแลนซ์ต้องปรับตัวแล้ว อยู่เฉยไม่ได้ ต้องหาทางรอด
“สำหรับผมถ้าพูดแบบน่าหมั่นไส้หน่อยๆ พูดแบบไม่โกหก ไม่รักษาลุค ผมเชื่อว่าถ้าคนขนาด พิง ลำพะเพิง ที่มีคอนเนกชั่นกับผู้จัดละครทั่วฟ้าเมืองไทยโทรศัพท์เงียบไปเป็นปี ผมไม่มีงานเขียนบทมาเป็นปีเลยนะ ค่ายที่เขายังคงทำอยู่ส่วนใหญ่จะใช้พนักงานประจำในการทำกันแล้ว ผมเชื่อว่าพนักงานฟรีแลนซ์ทั้งหลายต้องปรับตัวกันแล้วนะครับ ความช่วยเหลือจะไม่เดินทางมาถึง ถ้าเราไม่กรุยทางรอ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมได้รับความช่วยเหลืออย่างมาก เพราะว่าผมไม่อยู่เฉยๆ ผมเกลี่ยทางรอความช่วยเหลือ ฉะนั้นฟรีแลนซ์ปรับตัวเถอะครับ ผมมีผู้จัดเยอะมากที่ผมรู้จัก เขาไม่โทร.หาผมเลย ตัวผมนี่ครบเครื่องนะโทรศัพท์ยังเงียบ น้องฟรีแลนซ์เชื่อพี่เถอะ ปรับตัวกันนะครับ”
