ร้อนฉ่าไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับปี 67 ปีที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่าจะได้เห็นภาพนางเอก-พระเอก และพิธีกรตัวท็อป ทนายดารา คนมีชื่อเสียง เดินคอตกเข้าเรือนจำ ซึ่งข้อหาที่โดนส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือฉ้อโกง แต่ละคดี มีมูลค่าความเสียหายสูงตั้งแต่หลัก 100 ล้าน ยัน 2 พันล้าน!
ดัง รวย แค่ไหนก็อยู่ในคุก “กันต์-มิน พีชญา-แซม ยุรนันท์” ซุปตาร์ปีกหัก
เป็นข่าวสุดสะเทือนกับปฏิบัติการเด็ดปีก “ดิไอคอน” บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ความงาม โดย “บอสพอล วรัตย์พล” เจ้าของวลีเด็ด “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” เจ้าของสโลแกน จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ถูกผู้เสียหายดาหน้าแฉสะเทือน หลอกล่อให้เข้าคอร์สอบรมออนไลน์ ก่อนสะกดจิตให้เปิดบิล ตั้งแต่หลักพันยันหลักแสน แต่กลับขายของไม่ได้ ผู้เสียหายบางรายแบกรับภาระหนี้สินไม่ไหว ถึงขั้นตัดสินใจฆ่าตัวตาย
งานนี้ไม่ได้สะเทือนแค่ บอสพอล แต่กลับสะเทือนคนแทบทุกวงการ โดยเฉพาะคนในวงการบันเทิง ต่างร้อนๆ หนาวๆ ไปตามกัน มีชื่อคนดังพัวพันหลายคน แต่ “บอสดารา” นางเอกตัวท็อป-อดีตพระเอกตัวท็อป และพิธีกรตัวท็อปงานงอกจังๆ ไม่ว่าจะเป็น มิน พีชญา วัฒนามนตรี, แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และ กันต์ กันตถาวร แม้ในเวลาต่อมา ทั้งสามจะออกมาให้สัมภาษณ์ในทิศทางเดียวกันว่าเป็นเพียงผู้รับจ้าง และขอยุติสัญญาทั้งหมดกับดิไอคอน แต่การใช้ชื่อเสียงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทดิไอคอน ก็ทำให้มีคนหลงเชื่อเป็นจำนวนมากจนเกิดความเสียหายในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรายได้ และหน้าที่ที่ได้รับจากดิไอคอน ทำให้ทั้งสามคนไม่อาจปฏิเสธได้ พร้อมเข้าสู้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาล ซึ่งภาพทั้งสามคอตกเข้าเรือนจำ ไม่ได้รับการประกันตัวในเดือนต.ค. ก็ทำแฟนๆ พากันสะท้อนใจอยู่ไม่น้อย
“นัตตี้” หนีคดี 2 ปี โคตรโกง 2 พันล้าน!
“นัตตี้ นัทธมณ คงจักร” หรือ “นัตตี้ ลีอาร์” สาวสวยหน้าตาดี โด่งดังจากการเป็นเน็ตไอดอล บนแพลตฟอร์มโซเชียลแคม ด้ไปเดบิวต์เป็นศิลปินที่เกาหลี ภายใต้สังกัด Dream Cinema โดยผลงานเพลงในชีวิต 2 เพลงแรก คือ เพลง So What และ I’m Gonna Catch Ya ก่อนผันตัวเป็นยูทูบเบอร์ มีผู้ติดตามช่อง Nutty’s Diary กว่า 8 แสนคน
กระทั่งนัตตี้โด่งดังจากการเป็นเน็ตไอดอลในโลกออนไลน์ และได้ผันตัวเป็นโค้ชสอนเทรดหุ้น โชว์ความสำเร็จของตัวเอง และยังรับฝากเงินจากคนอื่น ๆ มาเทรดโดยรับประกันผลตอบแทน จนทำให้มีคนสนใจนำเงินมาร่วมลงทุนด้วยหลายพันรายเพราะภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นล้วนๆ กระทั่งนำไปสู่คดีฉ้อโกงที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก เกิดแฮชแท็ก #นัตตี้โกงเทรดหุ้นพันล้าน โดยตัวเธออ้างว่าจะไม่หนีและจะชดใช้เงินให้กับผู้เสียหาย แต่สุดท้ายนัตตี้ก็หนีออกนอกประเทศ
ผ่านไป 2 ปี นัตตี้และคุณแม่ก็จนมุม ถูกตร.สืบสวน สอท.และตรวจคนเข้าเมือง จับกุมในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มีผู้เสียหายมากกว่า 6,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านกว่าบาท โดยจับกุมได้ที่เมืองดูไม จังหวัดรีเยา เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย และส่งตัวกลับมารับกรรมที่เมืองไทย เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา
นัตตี้เคยเล่าประวัติตัวเองที่ดราม่าสุดๆ นาทีนี้ก็ไม่รู้ว่า เรื่องจริง หรือ เรื่องเล่าสร้างตัวตัว เรื่องราวชีวิตสุดดรามาของตัวเอง ครอบครัวเคยทำธุรกิจคาราโอเกะ รายได้เดือนละ 2 ล้านบาท ตั้งแต่เกิดเคยมีพี่เลี้ยงนับรวมแล้ว 22 คน ที่บ้านเคยมีรถ 14 คัน เติบโตมาราวกับเป็นเจ้าหญิง ชนิดที่ว่าแทบจะไม่เคยใส่รองเท้าเองด้วยซ้ำ เนื่องจากตอนนั้นครอบครัวมีฐานะดี เธอตั้งใจจะเก็บเงินในบัญชีให้ได้ 50-100 ล้านบาท แต่ก็ไม่เคยถึงเพราะนำไปเล่นหุ้นหรือไม่ก็ให้คนยืมหมด แต่ต่อมาครอบครัวของนัตตี้ล้มละลาย ทำให้เธอกับแม่ต้องย้ายที่อยู่ไปที่ประเทศมาเลเซีย รับจ้างนวดเท้าตามบ้าน ช่วยกันถือตะกร้าเดินไปตามบ้านต่าง ๆ เพื่อไปนวดเท้าให้ลูกค้านานถึง 6 เดือน ใช้ชีวิตนอนตามบ้านลูกค้าที่ไปนวดเพราะไม่มีที่อยู่ กระทั่งมีลูกค้าชาวมาเลเซียใจดีให้ที่พักเพราะสงสาร และให้จักรยาน 2 คัน เก็บเงินซื้อรถจักรยานยนต์มือสองและรถยนต์มือสอง
จนนัตตี้อายุได้ 13 ปี มีมหาเศรษฐีอายุ 48 ปี มาหลงรักและขอนัตตี้แต่งงาน โดยจะให้เงินจำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งแม่ของเธอให้ฝ่ายชายสัญญาว่าจะแต่งในนามเท่านั้น จะไม่มีอะไรกันจนกว่านัตตี้จะโต แต่ท้ายสุดแล้วฝ่ายชายผิดสัญญา พยายามจะมีอะไรกับนัตตี้ให้ได้ จนเธอต้องอ้อนวอนกราบเท้าก็เลยรอดมาได้ หลังจากนั้นก็หย่ากัน ต่อมาแม่ก็พานัตตี้หนีกลับมาประเทศไทย
“แอนนา” ยอมเดินเข้าคุกเอง เพราะไม่มีเงินประกันตัว
ชีวิตรุ่งโรจน์มากๆ ช่วงที่ออกรายการให้สัมภาษณ์ทวงคืนความยุติธรรมให้ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” เพื่อนรัก ก่อนเข้าสู่วงโคจรแม่ค้า มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่สุดท้าย “แอนนา ทีวีพูล” หรือ “วรินทร วัตรสังข์” ก็จบอนาคตตัวเอง เพราะกล่องสุ่มทิพย์ ขายทองราคาถูก แต่ไม่มีทองส่งให้ลูกค้า อ้างทองหายขาดสภาพคล่องบริหารงานผิดพลาดฯลฯ งานนี้โดนข้อหาฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ความเสียหายกว่า 100 ล้าน ซึ่งที่ผ่านมาแอนนาตั้งหน้าตั้งตาขอโอกาสทำงานหาเงินเคลียร์หนี้ แต่ในวัน 24 ก.ย. 67 แอนนาก็ตัดสินใจ เดินเข้าเรือนจำเพื่อชดใช้ความผิด ไม่ขอประกันตัวสู้ เพราะไม่มีเงินที่จะยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวเอง เพราะประกันคดีนี้เสร็จ ก็ยังมีคดีอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าหาเงินมาเท่าไหร่ก็เอามาจ่ายค่าประกันตัวไม่จบไม่สิ้น คาดการณ์ว่าแอนนาอาจโดนโทษทั้งสิ้น 33 กรรม มีอัตราโทษสูงสุดอยู่ที่ 20 ปี!
“ทนายตั้ม” อดห่มแบรนด์ ใส่ชุดนักโทษ มหากาพย์ฉ้อโกงแล้วฉ้อโกงอีก
จากทนายของประชาชน ที่พึ่งคนยาก สู่ความอู้ฟู่ร่ำรวยห่มแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้าย “ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด” ทนายคนดัง ปากกล้า ก็ต้องมาเกมส์ เพราะ “เจ๊อ้อย” เข้าแจ้งความถูกทนายตั้มให้นำเงินลงทุนขายลอตเตอรี่ออนไลน์ จำนวน 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 71 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีคดีที่ทนายตั้มให้เจ๊อ้อยซื้อรถยนต์หรูราคา 12.93 ล้านบาท โดยได้ส่วนต่าง 1.53 ล้านบาท ว่าจ้างบริษัทเขียนแบบก่อสร้างโรงแรม 9 ล้านบาท โดยได้ส่วนต่าง 5.5 ล้านบาท ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกง และผู้ต้องหามีการกระทำต่อทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน นำไปสู่การจับกุมตัวทนายตั้มและภรรยา ทั้งผัวเมียปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลอนุญาตฝากขังแต่ไม่ให้ประกันตัว ซึ่งก่อนเข้าเรือนจำ ทนายตั้ม ยังปากแจ๋วทิ้งทวน ท้า “สนธิ ลิ้มทองกุล” ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ โดยระบุว่าหากใครแพ้ดื่มฉี่ 71 แก้ว งานนี้ชาวเน็ตตั้งตารอชมว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ต้องดื่มฉี่กันแน่
“แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ผัวเมียขี้อวด ปากแจ๋ว ติดคุกก็เพราะปาก!
เป็นทั้งแม่ค้า และอินฟลูเอนเซอร์ ทำคอนเทนต์ช่วยเหลือคนยากคนจน สร้างความน่าเชื่อถือ แต่ไลฟ์สไตล์ที่ตกเอฟซีได้เป็นจำนวนมาก คือการ “อวดความมั่งคั่ง” และขยันเสิร์ฟดรามาผ่านโซเชียลอยู่เสมอๆ สำหรับ “แม่ตั๊ก กรกนก” และ “ป๋าเบียร์ กานต์พล” นอกจากทั้งคู่จะใช้ปากทำมาหากินจนร่ำรวย แต่สุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะปาก หลังจากเปิดธุรกิจร้านเพชรทองเคทูเอ็น ภายใต้บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด นำทองคำมาไลฟ์ขายมีผู้สนใจซื้อจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ “อิงฟ้า วราหะ” ก็ยังตกเป็นผู้เสียหาย สุดท้ายพบว่าทองไม่สามารถนำไปขายต่อได้ เพราะร้านต่างๆ ไม่รับซื้อ เนื่องจากเป็นทองไม่ได้เปอร์เซ็นต์และไม่มีใบรับรอง หรือรับซื้อในราคาต่ำหลายเท่าตัว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์
งานนี้นอกจากผู้เสียหายแห่ไปร้านทองขอขายทองคืน ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สุดท้ายในเดือน ก.ย. ตร.เขาจับกุมแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ที่บ้านพักย่านรามอินทรา อายัดทรัพย์สินจำนวนมาก แต่ทั้ง 2 คนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ตำรวจส่งศาลฝากขังและคัดค้านการประกันตัว พร้อมส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดด้วย
วันที่ 15 พ.ย.2567 อัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 คน คือ บริษัท เคทเอ็นโกลด์ จำกัด โดยป๋าเบียร์ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1, ป๋าเบียร์ ผู้ต้องหาที่ 2, แม่ตั๊ก ผู้ต้องหาที่ 3 ในฐานความผิด ร่วมกันฉ้อโกง, นำเข้าข้อมูลเท็จ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคฯ และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรื่องราวจะไม่บานปลาย ลุกลาม ถ้าหากแม่ตั๊กไม่ไปปากแจ๋วใส่ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ภายหลังทีมงานโหนกระแสต่อสายตรงหาแม่ตั๊กเพื่อขอไปถ่ายทำที่หน้าร้านทอง ย่านซอยหทัยราษฎร์ แต่โดนตำหนิกลับมาว่า ในเพจโหนกระแส ลงข่าวร้านทองได้เอ็นเกจฯ ดี ตอนนี้โหนกระแสดูเหมือนจะเล่นเขาหนักที่สุด งานนี้ทำกรรชัยปรี๊ดแตก โต้กลับเดือด เปิดโอกาสให้พูดในรายการแล้วแต่ไม่พูดสักคำ แต่พอไม่ได้อยู่ในรายการ ปากเก่งข้างนอก แบบนี้ไม่ชอบ ถ้าปากเก่งต้องมาพูดกับตนตรงๆ ต่อหน้า
พร้อมจัดสมนาคุณให้แบบจุกๆ จนกระอัก จัดเต็มไปหลายอีพี งานนี้ทำแฟนๆ รายการถึงขั้นแซว ถ้ามีเรื่องอย่าส่งไปรายการโหนกระแส ให้ส่งหาตร.เลย ซึ่งในวันที่แม่ตั๊กถูกจับกุมพร้อมสามี เจ้าตัวก็บ่อน้ำตาแตกสิ้นสภาพแม่ค้าสุดมั่น ปากแจ๋ว ได้ข้อคิดเตือนใจ อย่าไปแหย่รังแตนคนชื่อ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย
ลืมดูดวงตัวเอง ซินแสดัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ติดคุก ลวงซื้อวัตถุมงคล เสียหาย 100 ล้าน
เคยแต่ดูดวง ดูฮวงจุ้ย แนะนำความเฮงให้คนอื่น แต่อาจจะลืมดูดวงตนเองหรือเปล่า สำหรับซินแสชื่อดัง “นายธนวันต์” หรือ “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังมีผู้เสียหายมาแจ้งความ ซื้อวัตถุมงคลกับนายธนวันต์แต่ไม่ได้ของ สูญเงิน 66 ล้านบาท พอฝีแตกก็มีผู้เสียหายคนอื่นๆ ดาหน้าออกมาแจ้งความอีก รวมแล้วมากกว่า 60 คน รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท
ศาลอาญาออกหมายจับนายธนวันต์ ในความผิดฐานฉ้อโกงและฟอกเงิน โดยตำรวจเฝ้าติดตามพฤติกรรมและเข้าจับกุมตัวนายธนวันต์ ในเช้ามืดวันที่ 11 พ.ย.2567 ขณะกำลังออกจากสำนักงานของบริษัท ตี่ลี่ ฮวงจุ้ย จ.ปทุมธานี ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธไม่มีเจตนาโกง แค่ขาดสภาพคล่อง รวมทั้งติดเล่นการพนัน ตร.คุมตัวส่งฝากขังศาลอาญา คัดค้านการประกันตัว เพราะผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี รวมถึงคดีนี้มีผู้เสียหายหลายคนและมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก
เฉียดคุก
นอกจากปี 67 จะเป็นปีที่คนบันเทิงคอตกเข้าคุก ก็ยังมีคนที่ต้องจับตาว่าจะเข้าคุกหรือจะรอด อาทิ “เชน ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์” หรือ “เชน ธนา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด อดีตนักร้องชื่อดัง ถูกบริษัท ไทยยินตัน ฟ้องในข้อหาฉ้อโกงบริษัท เสียหายกว่า 79 ล้านบาท ถึงตอนนี้เชน ได้ประกาศขายออฟฟิศแรกของบริษัท ขายบ้านหรู 200 ล้านมาตั้งแต่ปี 64 แต่ขายไม่ออก และได้ให้เอเจนซี่ช่วยประกาศขายซ้ำในปี 67 ชีวิตพลิกจากซีอีโอพันล้าน ต้องมานั่งขายสีไม้ หาเงินใช้หนี้ต่างๆ ไปวันๆ ไม่ได้หยุดพักหายใจ
“ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” หลังคลิปเสียงหลุดเต็มๆ จับมือนักร้องเรียนสาว ตบทรัพย์ 20 ล้าน จากบอสดิไอคอน อ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” และรายการโหนนกระแส ฟิล์มออกมาแก้ตัวว่า 20 ล้านคืองบพีอาร์ ไม่ได้ตบทรัพย์หรือข่มขู่ พร้อมเผยว่าคลิปเสียงอาจถูกตัดต่อ ขอโทษหนุ่ม กรรชัยที่พาดพิงเอ่ยถึง แต่เรื่องก็ลุกลามบานปลายไปอยู่ไม่น้อย วันที่ 6 ธ.ค. ฟิล์มได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา พยายามกรรโชกทรัพย์ และหมิ่นประมาท (หนุ่ม กรรชัยเป็นคนฟ้องข้อหานี้) โดยฟิล์ม ถูกหนุ่ม กรรชัยประกาศสะบั้นความสัมพันธ์แบบไมใยดี เพราะรับไม่ได้ที่อ้างชื่อตัวเองไปเรียกเงิน อีกทั้งไม่ยอมพูดความจริง ทั้งที่เปิดโอกาสให้หลายครั้ง
คืนสู่อิสรภาพ
แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวฉาว ก็ยังมีข่าวดีๆ ของคนดังที่ได้กลับคืนสู่อิสรภาพ ออกจากเรือนจำมาแล้ว ทั้ง ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน ที่ได้กลับมาสู่อ้อมอกของครอบครัวหลังศาลยกฟ้องปมเอี่ยวคดี Forex-3D
“นารา เครปกะเทย” อนุวัติ ประทุมถิ่น ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ หลังจากเข้าคุกคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนฯ กรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทอง มีผู้เสียหาย 5 คน มูลค่า 885,000 บาท นาราถูกปล่อยตัวในเดือนส.ค.มีเงินติดตัวแค่ 5 บาทเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวขอโอกาสทำงานหาเงินใช้หนี้เจ้าหนี้
