หลังจากประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมจากซีรีส์เรื่อง Moving หนึ่งในชื่อที่เชื่อว่าน่าจะทำให้หลายคนรู้จักมากยิ่งขึ้นจากผลงานชิ้นดังกล่าว คือ “คัง ฟูล” (Kung Full) นักเขียนเว็บตูนชาวเกาหลีใต้เจ้าของเรื่องราวต้นฉบับและเขียนบทให้กับเวอร์ชันซีรีส์ด้วย
เช่นเดียวกับผลงานชิ้นล่าสุดอย่าง Light Shop ที่สตรีมทางช่อง Disney+ Hotstar นอกจากจะดัดแปลงมาจากเว็บตูนของ “คัง ฟูล” เขายังรับหน้าที่เขียนบทสำหรับเวอร์ชั่นซีรีส์เช่นเดิม
Light Shop มาในรูปแบบของเรื่องราวหลายชีวิตที่มีตัวละครหลากหลายต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน โดยตัวละครสำคัญ ๆ มีอยู่ 6 คนที่ต้องผจญกับความบอบช้ำทางจิตใจจากเหตุการณ์ในอดีต แต่กระนั้น ในขณะที่พวกเขาเหมือนดำเนินชีวิตประจำวันไปตามปกติ แต่แล้วก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติซึ่งไม่สามารถอธิบายถึงความรู้สึกนั้นได้ ทำให้พวกเขาพยายามดิ้นรนหาทางออกสู่ความเป็นจริง และแล้วในที่สุดพวกเขาก็ถูกนำพาไปยังร้านขายไฟอันลึกลับที่ตั้งอยู่ท้ายซอยซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาไขความจริงทั้งในอดีต ปัจจุบันและกำหนดอนาคตของพวกเขาว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ต้องยอมรับว่า เว็บตูนเรื่องนี้มีไอเดียที่แปลกใหม่โดดเด่นน่าสนใจ โดยเฉพาะการเล่นกับพื้นที่เขตแดนอันเป็นเส้นแบ่งระหว่างโลกแห่งความเป็นและความตาย วิธีการดำเนินเรื่องก็ดูน่าฉงนสงสัย ในส่วนของซีรีส์ช่วงอีพีแรก ๆ คนดูจะรู้สึกเหมือนถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกันกับตัวละคร คือไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หรือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และซีรีส์ก็ล้ำลึกด้วยการหยั่งรู้ว่าจะเก็บความลับไว้และเปิดเผยตรงไหน โดยการให้รายละเอียดทีละเล็กละน้อยสำหรับคนดูที่ชอบการคาดเดาล่วงหน้า ซึ่งอาจจะเดาผิดหรือถูกก็ไม่ปัญหาอะไร เพราะสุดท้าย ซีรีส์ก็จะให้คำตอบอยู่ดี
นอกจากนั้น การจัดแสงแบบ Low Key มีตั้งแต่สลัวรางจนกระทั่งมืดมนแทบมองไม่เห็นใด (จนบางทีแทบจะรู้สึกปวดตาไปเหมือนกัน) อย่างไรก็ดี การจัดแสงแบบนี้ทำหน้าที่สะท้อนแก่นแท้ของสถานการณ์ตัวละครที่ซีรีส์กำลังบอกเล่าอย่างเข้ากัน เพราะแต่ละคนต่างก็มืดมนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้า แสงสว่างเดียวที่เจิดจ้าขึ้นมาก็ดูจะมีเพียงร้านโคมไฟปริศนาที่มีเจ้าของร้านสวมแว่นดำและดูเป็นปริศนาลึกลับพอ ๆ กับร้านของตัวเอง
อย่างไรก็ดี เมื่อเดินทางร่วมกันสักระยะ อย่างน้อยน่าจะช่วงอีพีที่เปิดเผยเหตุการณ์ความเจ็บปวดสูญเสียในอดีต ความแจ่มชัดจะเริ่มทำงาน เราคนดูพลันรู้สึกถึงความชัดเจนและเห็นที่มาที่ไปของตัวละครว่าทำไมพวกเขาถึงวนเวียอยู่ในซอยที่มืดสนิทแห่งนั้น
คัง ฟูล ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจในการเล่าเรื่องที่มีความ Emotional สูง คือเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกลึกซึ้ง สะเทือนและบีบคั้นหัวใจ ดังเราจะเห็นว่า ใน Moving แม้จะเล่าเรื่องพวกซูเปอร์ฮีโร่หรือเหล่าคนที่มีพลังพิเศษ ซึ่งก็ทำออกมาได้แปลกใหม่น่าสนใจ (อย่างน้อย ๆ ก็ในกลุ่มของป๊อปคัลเจอร์ของเกาหลีใต้) แต่ในขณะเดียวกัน เนื้อในของเรื่องกลับเต็มไปด้วยปม ความเจ็บปวด ความเศร้า ความซึ้ง แบบขั้นสุด มีความเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อและหัวจิตหัวใจ
เช่นเดียวกัน สำหรับเรื่อง Light Shop แม้จะนำพาคนดูด้วยเรื่องราวลึกลับหลอน ๆ สไตล์หนังผีหรือหนังสยองขวัญ แต่เอาเข้าจริง สิ่งที่ยอดเยี่ยม กลับเป็นการสื่อสารเรื่องของจิตใจที่ผูกติดอยู่กับความบอบช้ำทางใจ ความรักความผูกพัน จิตวิญญาณที่แตกสลายการพลัดพราก ความห่วงหาอาวรณ์
เหนืออื่นใด ไม่ว่าจะมีตัวละครมากมายเพียงใด แต่ซีรีส์ก็สามารถเล่าได้ละเอียดในทุกตัวที่สำคัญและลงน้ำหนักได้แบบที่ว่าไม่มีใครหลุดหรือน้อยหน้ากว่าใคร เมื่อเรื่องของพวกเขาได้รับการเปิดเผยและถึงจุดพีค เราคนดูสามารถรู้สึกร่วมไปกับเรื่องราวของพวกเขาได้อย่างเต็มเปี่ยม และบางคนอาจรู้สึกสั่นสะเทือนเหมือนถูกทุบต่อมน้ำตาจนมิอาจเก็บกลั้นไว้ได้
ว่ากันอย่างถึงที่สุด Light Shop นับเป็นหนังดราม่าที่ซาบซึ้งระคนเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่งซึ่งแม้ว่ากันตามจริง ในเชิงเนื้อหาอาจจะไม่มีอะไรใหม่ เพราะยังคงเกาะเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดและจิตใจของมนุษย์โดยพื้นฐาน ทั้งความรักความผูกพัน ความห่วงใย ความรู้สึกผิดบาป ความสับสนในจิตใจ ความเข้าใจผิด การตัดสินใจเลือกทางเลือกแบบใดแบบหนึ่ง ฯ แต่ทั้งหมดทั้งมวล เมื่อบอกเล่าผ่านเรื่องราวและตัวละครที่มีมิติ กลับทรงพลังลึกซึ้งขึ้นมาอย่างที่หลายคนได้สัมผัสแล้ว
ขณะเดียวกัน การซีรีส์เลือกจะเล่าเรื่องของคนที่ต้องดิ้นรนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย จะว่าไปก็คล้ายดั่งอุปมาอุปไมยให้กับคนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ที่มีชีวิตอยู่ เพราะสิ่งหนึ่งซึ่ง Light Shop พยายามส่งเสียงบอกอยู่ตลอดเวลาคือ “ความตั้งใจ” ที่จะไปต่อหรือพอแค่นี้ เหมือนคนที่กำลังเจออุปสรรคอันหนักหน่วง ซึ่งนอกจาก “ความตั้งใจ” ของตัวเองที่จะฝ่าฟันแล้ว “ความตั้งใจ” ของคนรอบข้างหรือคนที่รักและสัมพันธ์ก็มีส่วนสำคัญที่จะส่งพลังช่วยเหลือให้คนที่คนที่ตนรักฝ่าฟันผ่านพ้นอุปสรรคนั้นไปได้ และนี่ก็เป็นที่มาของความรู้สึกงดงามซึ้งใจที่ได้เห็น “ความตั้งใจ” ของคนเหล่านั้นที่ยอมเสียสละทุกสิ่งอย่างแม้กระทั่งชีวิตและอิสรภาพของตัวเองเพื่อให้คนที่ตนรักดำรงอยู่
ขณะที่การเลือกที่จะ “หยุด” ไม่ไปต่อ เพื่อได้อยู่กับคนที่ตนรัก ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันแน่นแฟ้นซึ่งมิอาจมีสิ่งใดมาพรัดพรากไปจากกัน
จากหน้าหนังที่ดูเหมือนจะเป็นซีรีส์แนวลึกลับ ขับเน้นความสยองขวัญ นี่คือซีรีส์ที่มีเนื้อหาลุ่มลึกสะเทือนใจ จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่ชื่อของ “คัง ฟูล” กลายเป็นนามที่โดดเด่นมากที่สุดอีกคนหนึ่งในแวดวงซีรีส์เกาหลีใต้ในยุคปัจจุบัน รวมทั้งแวดวงเว็บตูนซึ่งเปรียบเสมือนแหล่งรวมวัตถุดิบชั้นดีที่คนทำหนังหรือซีรีส์เกาหลียุคนี้เข้าไปเก็บเกี่ยวมานำเสนอ