xs
xsm
sm
md
lg

“เอส กันตพงศ์” หัวใจหยุดเต้น เฉียดตายอีกรอบ! เตรียมบวช ขอสิ่งลี้ลับอนุโมทนาบุญให้ได้บวช

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เอส กันตพงศ์” เล่าวินาทีเฉียดตายอีกรอบ หัวใจหยุดเต้นที่บ้าน โชคดีส่งฉุกเฉินทัน รุนแรงเท่ากับรอบที่แล้ว เผยเป็นก่อนจะไปบวชที่อินเดีย คราวนี้เลยรีบบวช 28 ธ.ค.นี้ ถ้ากำเริบขณะบวช ก็รู้สึกดีสสบายใจที่ได้บวช เชื่อในสิ่งลี้ลับขอให้มาอนุโมทนาบุญ ให้ได้บวชซักทีเถอะ 

ยังคงรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับหนุ่ม “เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์” หลังป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน จนต้องนอนโรงพยาบาลอยู่นาน และต้องฟื้นฟูความจำอีก 8-9 เดือน กว่าจะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ล่าสุดวันนี้ (19 ธ.ค.) เจ้าตัวก็ได้เผยเรื่องช็อกให้ฟัง ว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน หลังหัวใจหยุดเต้นไปอีกรอบหนึ่ง ซึ่งความรุนแรงเท่ากับตอนที่วูบไปครั้งแรกที่สยามพารากอน ตอนนี้เลยอยากจะบวชให้เร็วที่สุด ไม่อยากเลื่อนแล้ว


“ก็คือเป็นการที่ตั้งใจมานานแล้ว แต่มีอีกเรื่องที่ทุกคนยังไม่ทราบ พอดีผมกำลังเก็บรวบรวมข้อมูล คือผมเข้าโรงพยาบาลรอบที่ 2-3 เครื่องกระตุ้นหัวใจทำงาน ความจริงคือทำงานไปอีกครั้งก็คือวันที่ 19 พฤศจิกายน และผมก็อยู่โรงพยาบาลถึง 28 พฤศจิกายนเลย ปกติผมก็นึกว่าเครื่องทำงานนิดเดียว แล้วไม่เป็นไร แต่รอบนี้เครื่องทำงานแล้ว พอถึงโรงพยาบาลห้องฉุกเฉิน หัวใจหยุดทำงาน หยุดเต้น แต่โชคดีที่ถึงห้องฉุกเฉินพอดี จำไม่ได้ว่าคุณหมอใช้เครื่องอะไร เพื่อให้หัวใจกลับมาทำงานเหมือนไม่ให้เสียชีวิต โดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ"

"พอผมตื่นขึ้นมาถามคุณหมอว่า จะเริ่มทำหรือยังครับ คุณหมอบอกว่าหัวใจหยุดเต้นไปนานแล้ว ผมเลยบอกว่าเพิ่งทราบ ก็เลยทำให้รู้สึกว่า ที่วางแผนอยากจะบวชไว้ ก็เลยตั้งใจว่าจะบวชตรงกับวันที่ออกมาจากโรงพยาบาล 28 พฤศจิกายน ก็ตั้งใจ 28 ธันวาคมนี้ครับจะบวช คือความจริงวางแผนเรื่องการบวชไว้ ว่าจะไปบวชที่อินเดีย แล้วผมเข้าโรงพยาบาลก่อนไปบวชอินเดียประมาณวันสองวัน ก็เลยเลื่อนที่อินเดียไป แล้วพอเลื่อนไปสักพัก ก็มีเหตุเกิดขึ้นอีก ก็เลยรู้สึกว่ารอบนี้ขอให้ไม่เกิดเหตุอะไรดีกว่า ผมตั้งใจอยากจะบวชจริงๆ”

หลับไปโดยไม่รู้สึกตัวเหมือนรอบที่แล้ว โชคดีเป็นตอนที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน

“ถ้าเทียบความน่ากลัว ก็เท่ากับรอบแรกเลยที่สยามพารากอน ก็คือไม่รู้สึกตัว จำอะไรไม่ได้เลย ก็เหมือนที่ผมเล่าไปตอนต้น คือตอนอยู่โรงพยาบาลไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาต้องมาใช้เครื่อง ก็คือหลับไปโดยไม่รู้ตัวเหมือนรอบแรกเลย ความแรงเท่ารอบแรก คือตอนเข้าโรงพยาบาลหัวใจเต้นประมาณเกือบ 200 แล้วก็ไปหยุดเต้นในโรงพยาบาล ซึ่งผมไม่ทราบเลย หยุดเต้นไปนานแค่ไหน ต้องถามคุณแม่ แต่โชคดีอย่างที่ผมบอก ไปหยุดตอนที่อยู่ห้องฉุกเฉินแล้ว คุณหมอก็รีบเข้ามาทำเลย แต่ตอนที่ทำผมไม่รู้ตัวนะว่าผมเพิ่งถึง คือจำไม่ได้เลย แต่เขาบอกว่ามาอยู่นานแล้ว”

รอบนี้ความทรงจำไม่หาย

“อาจจะไม่มีเหมือนรอบที่แล้ว เพราะรอบนี้โชคดีที่เกิดเหตุในห้องฉุกเฉินเลย คือก่อนไปโรงพยาบาลอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ เกิดเหตุที่บ้านเลยรีบไปที่โรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉิน และไปเกิดเหตุอีกทีที่ห้องฉุกเฉิน”

ตอนเกิดเหตุครั้งแรกหยดหายใจไปถึง 2 ชม. แต่โชคดีที่การทำงานของสมองดีเกินค่าเฉลี่ยเพราะชอบนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม

“ตอนนี้หมอให้น้ำหนัก 2 อย่าง อันนึงก็เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วไม่สามารถพูดได้ อีกอันหนึ่งคุณหมอให้น้ำหนักไปที่กรรมพันธุ์ ซึ่งเป็นข้อมูลใหม่เลย และข้อมูลใหม่อีกอันหนึ่ง ตอนแรกที่ออกข่าวว่าผมหยุดหายใจไป 40 นาที ผมพึ่งไปโรงพยาบาลตำรวจมา คุณหมอบอกคุณไม่ได้หยุดหายใจไป 40 นาที คุณหยุดไปประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเกือบ 40 นาที ผมก็ห๊ะ แล้วคุณหมอก็ให้ดูว่าผมหยุดหายใจไปจริงๆ 2 ชั่วโมงกว่า งงมากๆ เลยเหมือนกัน”

“คุณหมอก็ให้ดูค่าตรวจ แต่โชคดีที่ค่าทำงานของสมองผมมันดีเกินค่าเฉลี่ยไปประมาณหนึ่ง คุณหมอก็เลยให้น้ำหนัก ถามว่าเป็นเพราะคุณนั่งสมาธิใช่ไหม ปฏิบัติธรรมหรือเปล่า ผมก็บอกว่าใช่ครับ คุณหมอเลยให้ดูเหตุผลที่ถามเพราะอะไร อันนี้คือรอบแรกซึ่งผมให้ข่าวไปว่า 40 นาที ซึ่ง 40 นาทีคือข้อมูลแค่ว่าจากสยามพารากอนไปที่โรงพยาบาลแค่นั้น แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าผมไปหยุดด้วยที่โรงพยาบาล ก็รวมแล้ว 2 ชั่วโมงกว่า”

อยากจะรีบบวช เพราะอาจจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ 

“เป็นคำถามที่ดี เพราะผมถามคุณหมอยาวมาก เป็นเหตุผลที่ผมอยากจะรีบบวช เพราะคุณหมอบอกว่าอาจจะเกิดอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ล่าสุดที่ไป เพราะล่าสุดไปคุณหมอถามว่าผมทานอาหารยังไง ทานวิตามินอะไรไหม ใช้ชีวิตยังไงบ้าง เพราะค่าทุกอย่างที่ตรวจมาทำงานปกติหมดเลย สมอง หัวใจ ท้อง กล้ามเนื้อ ทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดปกติเลย คุณหมอก็เลยพยายาม ให้น้ำหนัก 2 อย่างที่บอกไป"

"แต่ผมก็ยังสงสัยว่าถ้าเป็นกรรมพันธุ์ แล้วทำไมแม่กับน้องที่มีกรรมพันธุ์เหมือนกัน ไม่เป็นเหมือนผม ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ามันต้องมีพฤติกรรมอะไรที่มันไม่ถูกกับกรรมพันธุ์นี้ อย่างเช่นผมชอบออกกำลังกาย ชอบทำกิจวัตรที่อาจจะไม่เหมือนแม่กับน้อง แต่คุณหมอก็ยังไม่ให้น้ำหนักตรงนี้เท่าไหร่ หมายถึงว่ายังไม่สามารถหาข้อสรุปที่จะไปแก้ตรงนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีการทำรักษาอีกประเภทหนึ่งแล้ว ในโรงพยาบาลนั้นมีที่เดียวที่ทำ เป็นแบบว่าการทำยาวนานมาก หลายชั่วโมง เพิ่งทำไปนี่เองครับ แต่ยังไม่ได้บอก ใส่เสื้อเกราะ แล้วทำไปหลังจากออกมาเขาก็เขียนแล้ว การแจ้งเตือนอาจจะมีการผิดปกติ ก็คือเสียงจะหาย พูดไม่ชัด เบลอ ปวดหัว ที่ผมหายไป 2 อาทิตย์คืออย่างนั้นหมดเลยครับ ฟื้นฟู จะยืน จะนั่ง จะเดิน ก็เวียนหัว มองใครก็เบลอ”

ไม่กังวลจะมีอาการตอนบวช แต่กังวลว่าจะเป็นก่อนบวชมากกว่า

“ไม่กังวล กังวลมากกว่าว่าจะเป็นก่อนไม่ได้บวช เพราะผมอยากบวชตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่ถ้าบวชแล้วถามว่ากังวลไหม สบายใจด้วยซ้ำ ถ้าจะเป็นตอนบวชเป็นพระอยู่ จะรู้สึกว่าดีใจจังได้ทำตามฝันสักที”

เครื่องกระตุ้นหายใจทำงานหนักเกินไป อาจจะต้องเปลี่ยนเครื่องแบบใหม่
“ยังมีเครื่องครับ แต่ว่าเครื่องมันทำงานไป ผมหยุดหายใจรอบที่ 1 ที่สยามพารากอน และทำงานอีกทีตอนที่ผมโพสต์ในอินสตาแกรม และทำงานอีกทีรอบที่ 3 ที่ผมยังไม่ได้โพสต์ ไม่ได้บอกใคร และไปทำงานอีกทีรอบที่ 4 ที่โรงพยาบาล แต่มันทำงานไม่ไหว ไม่ทัน ก็เลยต้องไปใช้เครื่องที่โรงพยาบาล ถามว่าดีไหม ไม่ดี เพราะเครื่องทำงานเยอะขึ้นไปเรื่อยๆ มันก็เหมือนรถยนต์ที่เราขับมานาน คุณภาพมันก็จะลดไป ซึ่งคุณภาพของเครื่องมือก็ลดไปตามการใช้งาน มันใช้งานเยอะเกินไปแล้ว คุณหมอก็บอกว่าให้ดูสัก 3 เดือนหลังจากนี้ ถ้าสมมุติมันทำงานอีก มันไม่ดี ไม่ควรแล้ว ภายใน 1-3 เดือนไม่ควรมีการทำงานอีก (จะต้องมีการแก้ไขยังไง?) ตอนนี้อีกช้อยส์หนึ่ง น่าจะเป็นช้อยส์สุดท้าย คือการเปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนอีกวิธีหนึ่ง ใส่เครื่องอีกแบบหนึ่ง”

ตั้งใจบวช 15 วันตามที่แม่ขอไว้

“ตั้งใจไว้ขั้นต่ำก็ 15 วัน ตามที่คุณแม่เขาเคยขอไว้ คุณแม่เขาอยากให้บวชอย่างน้อย 15 วัน ผมก็เลยบอกว่ายินดีเลย ถามว่าเป็นการบวชตามความเชื่อไหม ก็เป็นการบวชตามความชอบดีกว่า ผมอยากบวชตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ถ้าย้อนดูสัมภาษณ์ผมมาก่อน ผมเป็นคนอยากบวชแต่เด็กอยู่แล้ว แต่พอมาตอนนี้คุณแม่เขาเคยขอพรไว้ ขอไว้ 15 วัน ผมก็ยินดีเลย คืองงว่าผมกำลังจะบินไปอินเดีย ผมเข้าโรงพยาบาลเฉยเลย คือตอนเด็กๆ อยากบวชตอนนั้นไม่ได้บวช เพราะแม่บอกว่าให้เรียนก่อน ก็เรียนก่อน พอตอนนี้จะบินไปอินเดีย จ่ายค่าตั๋ว จ่ายทุกอย่างเรียบร้อยไม่ได้ไป คือครอบครัวผมก็มีความเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับอะไรต่างๆ ถ้าสมมุติมีอย่างนั้นจริง ก็มาอนุโมทนาบุญกับผมดีกว่า ให้ผมได้บวชเถอะ”

ไม่ได้เลือกวันบวชและวันสึก เอาตามที่สะดวก

“วันบวชผมก็ไม่เลือก วันสึกผมก็ไม่เลือก แล้วผมจะบวชที่วัดธรรมมงคล พระท่านก็บอกว่าแล้วแต่ผมเลยตามที่สะดวก ก็เลยไม่ได้เลือกใดๆ ทั้งสิ้น ก็เลือกแค่ว่าวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม ตั้งใจจะบวชที่วัดธรรมมงคล”


“ครอบครัวเขาก็ยินดีด้วย หมายถึงว่าคุณแม่จะได้สบายใจ แต่ทุกคนเวลาเจอผมก็จะถามอย่างเดียวเลยว่าฤกษ์สึกเมื่อไหร่ วันไหน ถ้าจะให้คุณแม่สบายใจคุณแม่ขอไว้ว่า 15 วัน อาจจะขอคุณแม่บวกสักหน่อย (หัวเราะ) แต่บวกเท่าไหร่ไม่รู้นะ ผมอาจจะขอบวกเป็นเดือน สุดท้ายคุณแม่อาจจะขอแค่ 2 วัน หรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ ยังไงก็เชิญทุกท่านวันเสาร์ที่ 28 ธันวาคมนี้ ที่วัดธรรมมงคล ฤกษ์บวชขั้นต้นก็จะเริ่มสักประมาณ 8-9 โมง ยังไงผมจะอัปเดตให้ทุกคนทราบ”







กำลังโหลดความคิดเห็น