เวทีประกวดนางงาม "มิสเนเธอร์แลนด์" ได้ประกาศยุติการจัดงาน หลังผู้จัดระบุว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ โดยเวทีนี้จะถูกแทนที่ด้วยโครงการใหม่ที่มุ่งเน้นการ "สร้างแรงบันดาลใจ" ให้กับเยาวชนในหลายด้าน
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเวทีประกวดสร้างประวัติศาสตร์เมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยการมอบตำแหน่งผู้ชนะให้กับ ริกกี้ คอลเล่ สาวข้ามเพศคนแรกที่คว้ามงกุฏในรายการนี้
เว็บไซต์ของการประกวดได้ประกาศปิดตัวเวที พร้อมเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ “Niet Meer Van Deze Tijd” หรือแปลว่า “ไม่ทันสมัยอีกต่อไป” โดยระบุว่า
“หลังจากประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เต็มไปด้วยความงดงามและแรงบันดาลใจ เวทีมิสเนเธอร์แลนด์กล่าวคำอำลากับชื่อที่อยู่ในใจของหลายคน แต่นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ โลกกำลังเปลี่ยนแปลง และเราก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย”
แพลตฟอร์มใหม่จะเน้นประเด็นสุขภาพจิต สื่อสังคมออนไลน์ ความหลากหลาย และการแสดงออกถึงตัวตน โดยไม่มีมงกุฏหรือชุดราตรีอีกต่อไป แต่จะเป็นเรื่องราวและความฝันที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน
โมนิกา ฟาน อี ผู้อำนวยการมิสเนเธอร์แลนด์และผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มใหม่ ได้ส่งแถลงการณ์ถึงสื่อ ระบุว่า
“ปัจจุบันผู้หญิงมีความไม่มั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากภาพลักษณ์ความงามที่ไม่เป็นจริงบนโซเชียลมีเดีย”
นอกจากนี้ เธอยังกล่าวถึงเหตุผลในการยุติรูปแบบการประกวดเดิมว่า เกิดจากเสียงวิจารณ์ที่ยากต่อการจัดการ เช่น คำติที่ว่า “เธอขาวเกินไป” หรือ “เธอผิวคล้ำเกินไป” ซึ่งสร้างพลังลบในทุกปี
ริกกี้ คอลเล่ ซึ่งเคยใช้เวทีนี้เพื่อส่งเสริมวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมมากขึ้น ได้กล่าวในวิดีโอเมื่อปีที่แล้วว่า “คำที่ฉันเลือกเพื่ออธิบายตัวเองคือ ‘ชัยชนะ’ เพราะตั้งแต่เป็นเด็กชาย ฉันต้องก้าวข้ามอุปสรรคต่าง ๆ และวันนี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะผู้หญิงข้ามเพศที่เข้มแข็งและมั่นใจ”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกของการประกวดนางงามต้องปรับตัวให้เข้ากับค่านิยมใหม่ ๆ เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 28 ปีเข้าร่วม และการยกเลิกข้อห้ามสำหรับผู้หญิงที่เคยแต่งงานหรือเป็นแม่ อย่างไรก็ตาม เวทีบางแห่งยังคงมีกฎเกณฑ์เหล่านี้อยู่ ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้าง