“คริส หอวัง” เผยไม่อยากไปแย่งช่อดอกไม้กับใครแล้ว เพราะรุ่นนี้ถ้าได้ก็ต้องท้องเลย ไม่มีเวลาให้ศึกษาดูใจแล้ว ขอปล่อยให้คนอื่นก่อนดีกว่า พร้อมเล่าเหตุที่หวิดปะทะกับคนบนท้องถนน บอกตนแค่บีบแต่ครั้งเดียว แต่กลับโดนอีกฝ่ายชูนิ้วกลางให้
เป็นสาวโสดอีกคนที่หลายคนก็ลุ้นว่าจะได้ช่อดอกไม้จากงานฉลองแต่งของเพื่อนสาวอย่าง “วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์” หรือเปล่า สำหรับนักแสดงสาว “คริส หอวัง” ซึ่งเจ้าตัวสารภาพว่าไม่ขอเข้าไปแย่งด้วย ปล่อยให้สาวๆ คนอื่นไปดีกว่า เพราะรุ่นนี้แล้วถ้าได้ช่อดอกไม้คงต้องพร้อมท้อง พร้อมแต่ง แต่ตอนนี้ก็ยังโสดสนิท
“พูดจริงๆ นะ วันนั้นประมาณ 50 เมตร ใช้เวลาชั่วโมงนึงกว่าจะเดินถึง พอดีรู้จักไปหมดเลย แล้วเราอยากคุยไปหมด คนเยอะมาก 3 ก้าวยืนคุย 3 ก้าวยืนคุย (หัวเราะ) ไม่ทิ้งลายแม่เสือสาว อุ้ย..พูดได้เหรอ ก็มีความอ่อมนิดนึงนะ เต้นไปเพลงนึงแล้วก็ต้องนั่งบ้าง แต่สมัยก่อนคือสุด แต่ตอนนี้ก็เหนื่อยเหมือนกัน พักแป๊บนึง ก็มีถอดรองเท้าบ้างค่ะ ขนาดถอดรองเท้าก็แล้วคิดดู (หัวเราะ) ที่เคยเป็นครูสอนเต้นก็ให้เป็นอดีตไปค่ะ (หัวเราะ) หันไปดูพี่ทาทา ยังดีกว่ายังเต้นยับอยู่เลย
ถามว่าทำไมถึงไม่ได้ช่อดอกไม้เจ้าสาว ก็ตอนเขาเรียกว่าจะโยนช่อดอกไม้เราดันเดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี แล้ววุ้นเส้นพูดออกมาว่าเหมือนคุ้นๆ มันมีใครโสดอีกตั้งหลายคน แล้ววุ้นอยู่บนเวทีไกลๆ คริสก็ยืนจอดอยู่กับที่เลย อย่าไปใกล้เดี๋ยวมันนึกได้เดี๋ยวมันเรียกชื่อเรา ไม่ใช่อะไร ก็อยากนะวันหนึ่งก็อยากแต่งงาน แต่ว่าถ้าเราดันรับดอกไม้ได้วันนี้ฉันต้องท้องเท่านั้นค่ะ เพราะว่าไม่มีแฟนไง แล้วถ้าเกิดได้รับดอกไม้แล้วฉันต้องเป็นคนต่อไป สงสารคนระหว่างนี้ไปถึงฉันไหม ไม่ต้องมีใครแต่งงานเลยเนอะไอ้ที่ยืนน่ะ ก็เลยให้เขารับกันไปก่อนค่ะ (ยิ้ม)”
เล่าเหตุที่หวิดมีเรื่องบนถนน
“มันไม่มีอะไรเลย คือมันเป็นเรื่องที่เหมือนทุกคนที่อยู่บนท้องถนน น่าจะเคยเจอกันอยู่แล้วเรื่องการบีบแตร จริงๆ การบีบแตรหนึ่งครั้งมันเป็นการเตือน เพราะว่าเราไม่ได้อยู่ในรถคันเดียวกัน เราก็ไม่รู้ บางทีคนบีบแตรเราเพราะไฟแดง แล้วเราก้มไปหยิบโทรศัพท์ตอบคอมเมนต์หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วเงยหน้าขึ้นมาอุ้ย..ตายแล้วไฟเขียวพอดีเลย เขาเตือนเรา อันนี้คือคนอารมณ์ดีใช่ไหม แต่อย่างพี่คนที่คริสเจอวันนั้น โลกน่าจะไม่น่ารักกับแกมากๆ แต่เผอิญวันนั้นโลกไม่ได้ทำคริสไง คริสก็เลยหัวเราะได้
แต่เหตุการณ์นั้นทำให้คริสรู้สึกว่าแล้วถ้าคนที่เขาเจอโลกทำร้ายมาเหมือนกันล่ะ แล้วเขามายืนแบบนี้ เขาไม่ยิงกันตายหรอ คือเขาก็โมโหมาก เขาชูนิ้วกลาง พูดคำหยาบตะโกนมา ซึ่งเราคนปกติ คริสก็ไม่แสดงเนอะ คริสก็มีน้ำโหเหมือนกัน เขายกโทรศัพท์ฉันก็ยกโทรศัพท์เลย (หัวเราะ) เขาถ่ายได้ฉันก็ถ่ายเหมือนกัน พี่เอาเลยค่ะ ก็ตามคลิปในติ๊กต๊อกเลย แต่ว่าคริสก็ไม่ได้จะไปมีเรื่องกับเขา ไม่ลงจากรถไม่อะไรอยู่แล้ว แต่คริสอยู่บนถนนวิทยุ ดูโหนกระแสเยอะ คริสรู้ว่ามันมีกล้องทุกมุม”
เชื่อถ้ามีเรื่องคงให้ “พุทธ พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี” หรือ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ช่วยได้
“ถามว่าเขารู้ไหมว่าเป็นคริส คิดว่าเขาน่าจะวีนก่อน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเป็นหนู แต่ตอนที่เปิดกระจกแล้วหนูก็ยกโทรศัพท์ก็ไม่รู้ว่าเขาเห็นหน้าหนูหรือเปล่า ถามว่าเปิดกระจกไปไม่กลัวเหรอ ตอนนั้นหนูอยู่ถนนวิทยุ แล้วฝั่งตรงข้ามเป็นสน. ค่ะ บนท้องถนนคริสรู้ว่าบางทีคนขับรถแย่จริง แต่บางทีก็ต้องใจเย็นบ้าง มันอันตรายค่ะ คริสอยู่คนเดียวค่ะ คนเดียวอยู่แล้วไม่งั้นไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหรอก เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะเรากลัวนั่นแหละ เราก็ต้องมีหลักฐานของเราไง แต่หนูไม่ได้ลงจากรถ คือรถมันติด คนเต็มเลย หนูเยอะไปไหม เยอะเหมือนกันใช่ไหม
แต่ตอนนั้นหนูคิดจริงนะว่า คุณพุทธ หรือว่าพี่หนุ่มต้องช่วยฉันได้ เพราะถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นฉันอยู่ตรงข้ามสน. เลย กล้องวงจรปิดมันต้องเยอะมาก แล้วเป็นสะพานลอยตรงไฟแดง แต่ว่าโอเคคริสก็ไม่ควรจะหยิบโทรศัพท์มาอัดกับเขา เขาโมโหหรือแกล้งหรือกวนประสาท ในทางที่ดีคริสก็ไม่ควรที่จะไปวุ่นวายอะไรกับเขา ควรจะปิดกระจกแล้วไม่สนใจเขาไปเลย แต่หนูแค่คิดว่าเขาเป็นเยอะเกินไป คริสแค่คิดว่าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่ว่าจริงๆ คริสก็อาจจะเฮี้ยวไปนิดนึง (หัวเราะ)”
บอกที่โมโหเพราะโดนชูนิ้วให้ อยากให้คนบนท้องถนนใจเย็นกว่านี้
“ที่คริสบอกว่าคนบนท้องถนนอารมณ์หวั่นไหวง่ายเกินไป คือถ้าเกิดว่าไปเจอคนที่อารมณ์เสียบวกกับอารมณ์เสีย มันพังจริงๆ นะ แต่วันนั้นพอเขาหยิบโทรศัพท์ คริสก็หยิบโทรศัพท์ สุดท้ายคือมันไม่ถึงตีอยู่แล้ว เพราะถ้าเขาลงจากรถมาหนูก็ปิดกระจกแล้วหนูก็กรี๊ด แล้วคริสไม่ได้คิดว่าจะลงไป แต่ถ้าคริสเป็นคนที่โลกทำร้ายมาเหมือนกันล่ะ แล้วทำเท่าเขา มันไม่ปะทะกันแย่เลยหรอ ก็ฝากไว้แล้วกันนะคะ สิ่งที่คริสทำมันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่โต้ตอบดีที่สุด คริสไม่คิดจะลงจากรถ ไม่คิดจะว่าเขา ไม่คิดจะเอาคลิปพี่เขามาลงหรืออะไรใดๆ หรอก เพียงแต่รู้สึกว่ามันเป็นอุทาหรณ์ของคนที่อยู่บนท้องถนน ว่าไม่ไม่ใช่คุณคนเดียวที่โลกไม่น่ารักกับคุณ เราก็ไม่รู้ไงว่าใครเจออะไรมาบ้างบนโลกใบนี้ ก็ใจเย็นๆ หน่อย
เหตุผลที่ตอบโต้เขาไม่ใช่เพราะอยากให้เขาหยุดค่ะ ตอนนั้นหนูโมโห หนูพูดจริง ตอนนั้นหนูก็โมโหแล้วค่ะ เพราะว่าเขาชูนิ้ว แล้วหนูก็ผ่านไปแล้ว แล้วไปติดไฟแดง เขาก็ไปเลี้ยวไปปาดมา หนูก็โอเคค่ะ แล้วพอเขามาจอดข้างๆ เขายกมือถือ หนูก็เลยยกมือถือบ้าง เจอแบบนี้บ่อยไหมเหรอ ไม่บ่อยค่ะ จริงๆ คิดว่าบีบแตรแค่ปริ้นเดียวมันไม่ทำให้คน คืออย่างมากเขาก็ด่าในรถไง ซึ่งเราไม่ได้ยิน”