“ได๋ ไดอาน่า” อยากนัดเจอ “ชาล็อต” ชวนร่วมมือจัดการเรื่องมิจฯ หลอกเงิน เผยชาล็อตโดนเหมือนแม่ตน เงินล้านหายภายใน 3 นาที ทุกวันนี้คดีไม่คืบ ทั้งที่เคยคิดว่ามีชื่อเสียงจะช่วยแม่ได้ หมดหวังได้เงินคืน ลั่นอยากให้บูรณาการ ใช้คำว่ารู้เท่าทันกลโกงไม่ได้แล้ว อยากเข้าไปเป็นคณะทำงานช่วยเหลือเรื่องนี้
กรณี “ชาล็อต ออสติน” ถูกมิจฉาชีพหลอกเงิน 4 ล้าน โดยมีการบังคับให้วิดีโอคอลตลอด 24 ชม. ข่มขู่ห้ามบอกใครจะเดือดร้อนโดนจับทันที ทำให้ “ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ” อยากนัดเจอเจ้าตัว เพราะสิ่งที่ชาล็อตโดน เหมือนกับเคสที่แม่ของตนเคยโดนจนสูญเงิน 1 ล้านบาท เรื่องเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
“เราใช้คำว่ากลับมาอีกแล้วไม่ได้ เพราะว่ามันมีทุกวัน เพียงแต่มันไม่ได้เป็นข่าว หากทุกคน ทุกเคส ทุกคดีเป็นข่าวหมด เราอาจจะตื่นตัวกันกว่านี้ แต่ถ้าถามถึงความคืบหน้า ก็ต้องเรียนแจ้งตรงๆ ว่าไม่มีความคืบหน้า ความคืบหน้าเดียวคือรับทราบมาว่าในทุกทางที่คุณแม่โอนเงินออกไป สมมติเวลาประมาณ 13.30 น. เขาใช้เวลาในการโอนไปบัญชีม้าแป๊บเดียว คือคุณแม่ ม้า 1 ม้า 2 คริปโต ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 3 นาทีเท่านั้น
ถ้าจะใช้คำว่าเราต้องรู้เท่าทันกลของมิจฉาชีพ มันไม่ใช่แล้ว เพราะเราต้องรู้มากกว่าเขา เพราะปัจจุบันนี้เรายังมานั่งคุยกันอยู่เลยว่าความคืบหน้าถึงไหนแล้ว แต่ความเป็นจริงคือมันไม่ใช่ความคืบหน้าแล้วค่ะ แต่มันคือเราต้องหาวิธีการยังไงก็ได้ที่เราจะบูรณาการณ์ร่วมกันในการที่จะรู้สเต็ปก่อนเขา”
อยากร่วมมือกับชาล็อต ขับเคลื่อนให้เกิดคณะทำงานเรื่องนี้โดยตรง
“จริงๆ อยากจะฝากไปบอกน้องชาล็อตว่าเราควรจะทำอะไรร่วมกันไหม ในการที่จะเป็นภาคประชาชน ภาคสังคมในการที่จะขับเคลื่อนให้มันเกิดคณะทำงานเรื่องนี้โดยตรง เพราะทุกวันนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องเดือนสิงหาคมจนถึงตอนนี้ในเฟซบุ๊กจะมีคนส่งข้อความมา เฉลี่ยแล้ว 3 วันครั้ง ว่าโดนเหมือนกัน คุณแม่โดน หรือว่าตัวเองโดน และสิ่งนึงเลยที่ทุกคนพูดเหมือนกันเลยก็คือไม่รู้ว่าจะให้ใครช่วย และไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนกลับมาไหม
อย่างตอนโควิดเวลาใครติดเชื้อ เราหายาให้เขาได้ แต่อันนี้ขนาดช่วยตัวเองยังไม่รอด และพอเงินมันออกจากเราไปแล้วมันคือไปเลย หลายๆ คนก็ถามว่าเราได้มีการไปเจอหน่วยงานไหนบ้าง ก็ต้องชี้แจงว่าเราก็ไปพบกับแทบจะทุกหน่วยงานที่คิดว่าสามารถที่จะช่วยได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะ 3 นาทีออกคริปโตไปแล้ว กลายเป็นว่าพอเรามองภาพกว้างมันไม่ใช่แค่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน สื่อมวลชนทุกคนต้องช่วยกัน อยากให้ประโคมข่าวทุกวัน จริงๆ อยากให้มีคณะทำงานที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง และให้เรารวมตัวกัน เพราะถ้าเกิดเราไม่รวมตัวกัน ไม่ช่วยกัน มันก็เกิดขึ้นทุกวัน”
คิดว่ามีชื่อเสียงจะช่วยแม่ได้ แต่สุดท้ายแค่ตั้งใจทำงานหาเงินให้แม่
“ขนาดน้องชาล็อตเขามีชื่อเสียงมากนะ เราก็ต้องดูว่าจะเป็นยังไง โดยส่วนตัวเราก็เคยคิดว่าเราก็มีชื่อเสียงนะ เราสามารถช่วยแม่เราได้ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ทำได้แค่ตั้งใจทำงานและหาเงินมาให้แม่เท่านั้นเอง”
หมดหวังได้เงินคืน
“ถามว่าหมดหวังว่าจะได้เงินคืนเลยไหม (ทำหน้าเศร้า) ค่ะ (หัวเราะ) ใช่ค่ะ คือตำรวจก็ไม่ได้บอกหรอกว่าตามตัวไม่ได้ แต่เขาบอกว่าต้องใช้เวลาที่จะตามตัวมาให้ได้ ซึ่งเมื่อตามตัวมาได้แล้วก็ต้องมาเฉลี่ยกันกับผู้เสียหายคนอื่นๆ ซึ่งเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ค่ะ”
อยากนัดเจอชาล็อต
“แต่ที่บอกว่าอยากจะร่วมมือกับน้องชาล็อตนี่คือคิดจริงนะคะ ถ้านัดได้ก็อยากนัดเจอกัน ก็ขอเคลียร์ตารางชีวิตของตัวเองให้ชัดเจนกว่านี้ แต่ใจจริงอยากร่วมทำงานกับใครก็ได้เลยที่จะมาตั้งคณะทำงานเรื่องนี้ร่วมกันอย่างจริงจัง และรายงานเคสแบบนี้ทุกวัน และทุกสื่อต้องช่วยกัน เพราะถ้าจะมาบอกว่าให้หน่วยงานนี้ทำสิ หน่วยงานนั้นทำสิ คืออยากให้ทุกคนมองในภาพกว้างว่าพอมันออกไปคริปโตแล้ว มันมีทั้งในแง่ของสถาบันธนาคาร สถาบันการเงิน พอออกไปต่างประเทศแล้วก็คือกระทรวงต่างประเทศ เรื่องของกฎหมายคือกระทรวงยุติธรรม มันหลายภาคส่วนมาก และถ้าเราบอกว่าเราไปหาคนนี้ แต่คนนี้ช่วยไม่ได้ ให้ไปหาคนนี้ แต่คนนี้ก็ช่วยไม่ได้ เพราะมันต้องทำร่วมกัน”
ถึงเวลาคิดวิธีใหม่จัดการ ไม่ใช่นั่งอัปเดต ต้องรู้ให้เท่าทันกลโกง
“เพราะฉะนั้นมันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องคิดวิธีใหม่ในการจัดการ ไม่ใช่แค่มานั่งอัปเดตว่าเรามารู้เท่าทันนะ มันไม่ได้ค่ะ เราต้องไปอีกสเต็ปนึงกว่าเขา ก็คิดดูว่าเขาใช้เทคโนโลยีในการหลอกลวงแล้ว ใช้ AI ไปแล้ว เรายังมานั่งบอกว่าทุกคนต้องระวังนะ มันไม่ทันค่ะ ก็ฝากสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ด้วยค่ะ เพราะเราก็เคยทำงานช่วยประชาชนมาแล้ว ก็อยากทำงานช่วยคุณแม่ตัวเองด้วย และผู้เสียหายคนอื่นๆ ด้วย ก็กำลังหาแนวทางอยู่เหมือนกันค่ะว่าจะทำยังไงได้บ้าง
อย่างล่าสุดก็มีการเข้าไปคุยกับทาง DSI ว่าเราจะทำศูนย์ในการให้ข้อมูลกับประชาชน เกี่ยวกับเรื่องของกลโกงใหม่ๆ ที่มันเกิดขึ้น เมื่อก่อนมันอาจจะเป็นการโทร.มาแล้วหลอกเงินจากเราไป แต่ตอนนี้มันมีโทร.ไปปลอมเป็นเราไปบอกธนาคารให้ยกเลิกบัญชีของเรา แล้วย้อนกลับมาบอกเราอีกว่ารู้หรือยังว่าบัญชีของเราถูกยกเลิก ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วบัญชีนั้นถูกโอนเข้ามาในบัญชีมิจฉาชีพหมดแล้ว คือมันมีอะไรเกิดขึ้นตลอดเวลา ก็ถ้าทำได้ก็อยากเข้าไปช่วยเป็นคณะทำงานที่ช่วยเหลือเรื่องนี้โดยตรงค่ะ”
แฮปปี้ยอดฟอลฯ เพิ่ม หลังเคยประกาศตกใจกฎใหม่พิธีกร ต้องมียอดฟอลฯ 5 แสน ถึงจะถูกจ้างเป็นพิธีกร
“ยอดฟอลโลว์ตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้วที่เราเจอกันนะคะ ที่พี่ๆ น้องๆ สื่อช่วยกันลงก็เพิ่มมาอีก 2 หมื่น คือตอนนี้มันเหมือนเป็นกฎกติกาของงานบางงานที่เขาเลือกพิธีกรที่ไม่ได้เป็นแค่พิธีกรคือเป็นพิธีกรบวกอินฟลูเอนเซอร์ ต้องช่วยลงสื่อด้วย ก็ต้องมีฟอลโลเวอร์ 5 แสนขึ้นไป เขาจะตีว่า 0-4.9 แสน แล้วก็ 5-9 แสน แล้วก็ล้านอัป
จริงๆ ก็เพิ่งมีเปลี่ยนประมาณปีนี้แหละค่ะ คือฟังก์ชั่นของการเป็นพิธีกรกับฟังก์ชั่นของการเป็นอินฟลูเอนเซอร์มันต้องแยกกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจะมาควบรวมเป็นอินฟลูเอนเซอร์บวกพิธีกร มันก็จะมีกติกาที่เขาวางเอาไว้ ถามว่ารู้สึกยังไง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรค่ะ รู้สึกว่าต้องขยันในการโพสต์คอนเทนต์ให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง จริงๆ ปกติแล้วเรากับพี่ๆ น้องๆ สื่อก็เจอกันบ่อยๆ นะ เพียงแต่ถ่ายแล้วก็ขี้เกียจลง ขี้เกียจเข้าแล็ป (หัวเราะ) ก็เลยไม่ค่อยได้ลงคอนเทนต์เท่าไหร่ แต่หลังๆ ก็ต้องขยันมากขึ้นค่ะ ตอนนี้ก็รับหมดเลยนะคะ อยากให้ทำอะไรก็ทำหมดเลย เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดีนะคะ ก็ทำทุกอย่างเลยค่ะ (หัวเราะ)”