“วุ้นเส้น-นิกม์” จัดงานฉลองวิวาห์สุดหวาน ขออยู่เคียงข้าง ซัปพอร์ต ดูแลกันและกัน วุ้นเส้นยกนิกม์คือบ้านที่อบอุ่น เยียวยาจิตใจ ไม่มีอะไรที่สายเกินไป อย่าไปแพลนชีวิตมากเกิน เชื่อทุกคนมีคู่ชีวิตที่ยังรออยู่ ลั่นขอมีลูกคนเดียว
ได้ฤกษ์จัดงานฉลองวิวาห์ที่เมืองไทยแล้ว สำหรับคู่รักคู่หวาน “วุ้นเส้น วิริฒิพา ภักดีประสงค์” กับนักธุรกิจหนุ่่ม “นิกม์ ธนะภูมิกุล”ณ โรงเเรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งทั้งคู่ก็ควงกันมาแถลงข่าวเปิดใจถึงทั้งธีมงาน และคำมั่นสัญญาในการใช้ชีวิตร่วมกันครั้งนี้ด้วย
วุ้นเส้น : “จริงๆ เราก็แต่งงานที่ฝรั่งเศสไปครั้งนึงแล้ว แต่พอมาครั้งนี้แขกเยอะขึ้น การทำงานทุกอย่างเยอะขึ้น มันก็มีความตื่นเต้นมากเหมือนกัน แต่ก็อาจจะน้อยกว่าครั้งแรกนิดนึงค่ะ”
นิกม์ : “ก็ตื่นเต้นครับ ไม่เคยเห็นไมค์เยอะขนาดนี้มาก่อน ที่ฝรั่งเศสก็ครั้งนึง แต่ครั้งนี้คนค่อนข้างจะเยอะ ก็เลยตื่นเต้นนิดนึงครับ”
วุ้นเส้น : “ธีมวันนี้ที่ให้ชิคแพลนเนอร์จัดให้คือวุ้นบอกว่าให้เป็นฟีลคนเดาไม่ถูกว่าวุ้นจะจัดอะไร เพราะส่วนใหญ่คนจะเห็นเป็นสวน เป็นเอาต์ดอร์ แต่ทางทีมก็บอกว่าอยากให้แตกต่างออกไป ให้คนคิดไม่ถึงว่าวุ้นจะจัดแบบนี้ เขาก็เลยเอาเป็นฟีลอาร์ต์ ดอกไม้จะไม่ได้เยอะมาก แต่จะเป็นภาพมากกว่า”
นิกม์ : “สวยครับ หวานๆ”
วุ้นเส้น : “เขาก็ตามใจ แต่ไม่ใช่งานนี้งานเดียว งานอื่นก็ตามใจ (หัวเราะ) คือเราก็ถามเขาแหละว่าอยากให้เป็นยังไง เขาก็เหมือนมีไอเดีย แต่เขารู้สึกว่าการจัดงานต่างๆ ก็น่าจะไว้ใจเรา อยากให้ผู้หญิงเป็นคนแนะนำมากกว่า เขาก็ได้หมดเพราะเรื่องดอกไม้อะไรพวกนี้เขาก็ไม่ถนัดอยู่แล้ว จะให้เขาเน้นเรื่องอาฟเตอร์ปาร์ตี้ อาฟเตอร์แอลกอฮอล์อย่างอื่น”
นิกม์ : “ถนัดกว่า (หัวเราะ)”
วุ้นเส้น : “ชุดวันนี้ก็มี 4 ชุดค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือชุดแถลงข่าว ชุดนี้ก็ต้้งใจไปเอามาจากฮ่องกงเลย คือวุ้นบอกนิกม์ว่าชุดวุ้นอาจจะไม่ได้ซื้ออะไรแพงมากนะ ขอให้เราใส่สวยก็พอ และเรามีเพื่อนๆ ดีไซเนอร์ที่เขาตัดให้เราได้ บางคนเขาก็ให้เป็นของขวัญ เราก็จะได้ประหยัดงบตรงนี้ไปได้นิดนึง เพราะไม่อยากให้มารวมแล้วเราใส่ชุดแค่วันเดียว
อย่างชุดนี้ก็มีสปอนเซอร์นะจ๊ะ ตอนแรกก็คิดว่าไปฮ่องกงเพื่อจะไปซื้อชุดนี่แหละ อยากได้แบรนด์นอกบ้าง ซึ่งอันนี้รู้สึกว่ามันเป็นตัวเราดี เราชอบใส่อะไรเบาๆ แต่พอไปถึงที่โน่นแล้วเขารู้ว่าเราเป็นดาราและเราก็มีสื่อ เขาก็เลยให้เราโปรโมตให้ ก็เลยไม่ต้องซื้อ ก็ไปซื้อชุดอื่น พวกเครื่องประดับก็มีมาซัปพอร์ต เมื่อก่อนเคยคิดตอนที่เรายังไม่ได้ทำงานในวงการว่าแค่ชุดก็น่าจะมหาศาลแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อนฉันก็เยอะ ถ้าจะให้ฉันยืม ฉันก็ใส่นะ ไม่ต้องลงทุน (หัวเราะ)
ของชำร่วยมีเทียนหอมค่ะ เป็นกลิ่นที่วุ้นกับนิกม์คิดกันเอง อีกอันนึงก็จะเป็นโสมแดงของเซวา เพราะเราทำเซวาเนอะ บางคนที่เป็นแขกในงานเราอาจจะยังไม่เคยลองใช้ เราก็ให้เป็นของชำร่วยไปว่านี่คือแบรนด์ที่เราทำเองนะ อีกอย่างคือบลัชออน อันนี้ไม่มีขายที่ไหน เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่เราออกแบบเอง เป็นสีที่ผู้ชายก็เอาไปให้แฟนได้
จริงๆ งานวันนี้พิมพ์การ์ดประมาณ 500 เองค่ะ คือทุกคนจะคิดว่าหลายพันหรือเปล่า แต่ก็จะมีบางคนที่มีอีการ์ดไปด้วย เพราะบางคนเขาอาจจะสะดวกอีการ์ดมากกว่า แต่คิดว่ารวมกันไม่น่าจะถึงพันค่ะ ประมาณ 500-800 ก็จะมีโยนช่อดอกไม้ ก็ไม่ธรรมดาค่ะเดี๋ยวรอดู พยายามจะล็อกไว้ให้ แต่ไม่รู้ว่าใครอยู่ตรงไหน เพราะว่าสาวโสดเยอะมาก (หัวเราะ) ก่อนหน้าที่จะจัดงานนี้เพื่อนๆ ที่โสดทุกคนบอกว่าเธอโยนดอกไม้ให้ฉันด้วยนะ แต่มีไม่ต่ำกว่า 20 คน (หัวเราะ) แต่รุ่นเราก็ไม่ค่อยเหลือโสดแล้วนะ มีแต่รุ่นน้องที่มางานนี้แล้วก็โสดเยอะ”
บอกดูแลกันและกันทั้งทางกายและจิตใจ
วุ้นเส้น : “เขาก็ดูแลตัวเองค่ะ เขาผอมลงจากแรกๆ นะ (หัวเราะ) คือตอนแรกที่คบกันน้ำหนักจะเยอะกว่านี้ แต่หลังๆ เริ่มมีงานแต่ง เริ่มออกทีวีมากขึ้น เขาก็เริ่มรู้สึกว่าเขาอ้วนมากเลยทีวี ก็เลยดูแลตัวเองนิดนึงค่ะ”
นิกม์ : “ก็กินดีๆ ครับ เพราะวุ้นเป็นคนกินดีอยู่แล้ว เขาก็สอนวิธีการกินให้มันดี พวกของหวาน พวกอะไรอ้วนๆ ก็ไม่ได้กิน เขาก็เตือนทุกวันว่าอย่ากินนะ เขาดูแลดีมากครับ อย่างวุ้นเขาดูแลเรื่องอาหารการกิน แล้วก็เรื่องกิจวัตรประจำวันให้ทุกอย่างมันเฮลตี้ขึ้น เขาดูแลทุกอย่างแหละ ดูแลจิตใจด้วย”
วุ้นเส้น : “ดูแลจิตใจสำคัญสุด เวลาคนเราอยู่ด้วยกัน ภายนอกเราก็ดูแลกันได้ แต่เวลาที่เราเจอเรื่องทุกข์ข้างนอกหรือเจอเรื่องอะไรที่มันเครียด พอกลับบ้านมาเจอหน้าคนของเรา มันก็จะทำให้เรารู้สึกว่านี่คือบ้านที่อบอุ่นของเรา นี่คือคนที่จะเยียวยาจิตใจเรายามที่เราทุกข์แค่นี้มันก็หาย มันไม่ต้องใช้เงินทองหรือสิ่งของอะไรมากมายเลย แค่อยู่กับคนๆ นึงที่เขารู้จักเราดี และรู้ว่าเราต้องการอะไรก็พอแล้ว”
นิกม์ : “ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ตั้งใจ และเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่ต้น เขาก็จะเป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้เปลี่ยนไป เขาสม่ำเสมอมากในการดูแล เขาเอาใจใส่ ทุกวันนี้ก็ยังเอาใจใส่อยู่ เมื่อเช้าก็ยังถามว่าทุกอย่างโอเคมั้ย บางทีก็รู้สึกว่าเราอาจจะยังไม่ค่อยชินกับคนเยอะๆ เขาก็จะถามตลอดว่าไหวไหม เวลามาเจอพี่ๆ สื่อ เขาก็จะถามว่าโอเคไหม พร้อมไหม เขาดูแลตลอด อย่างช่วงแรกๆ ที่เจอกันเขาจะถามเสมอว่ายูโอเคไหม เวลาเจอกันตามงานก็จะเอาน้ำให้กินบ้าง เขาก็เป็นอย่างนั้นเสมอ มีความห่วงใย ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แล้วก็สวยเหมือนเดิม”
วุ้นเส้น : “เขาก็ดูแลค่ะ อย่างเวลาเราอยู่ข้างนอกหรือเวลาเจอเรื่องอะไรหนักๆ พอมาเจอเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันหายไปเลย มันเบาลง ทุกอย่างมันซอฟต์ ก็เลยคิดว่าเขาเป็นความสุขของเราจริงๆ เมื่อก่อนนี้ไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำ แต่พอเราได้คบกัน ได้ผ่านเรื่องราวต่างๆ ทั้งเรื่องดี เรื่องทุกข์ เรื่องที่ทำให้เราหมดแรง แต่พออยู่กับเขามันก็ทำให้เรากลับมามีพลังอีกครั้งนึง ก็รู้สึกว่าเลือกคนไม่ผิดที่มาดูแลจิตใจเราในยามที่เราอ่อนแอ
วุ้นรู้สึกว่าอยากให้คนที่อยู่ด้วยกันเขามีความสุข ถ้าเกิดหน้าเขาไม่โอเค ไม่ยิ้ม เราก็จะเป็นห่วงว่าเขาโอเคไหม ถ้าเกิดเขามีความสุขเราก็จะชิล ไม่ต้องห่วงคนที่เรารัก ก็เลยจะถามตลอด เพราะอย่างบางทีเวลาไปข้างนอกมันก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย เราก็อยากจะซัปพอร์ตเขา เหมือนเวลาเราไปงาน เวลาที่เขาปาร์ตี้เราก็จะคอยดูว่าเขาเมามั้ย เป็นยังไง (หัวเราะ) เป็นห่วง อยากดูแลคนนี้
อย่างช่วงแรกๆ ที่คบกัน จริงๆ ก็ค่อยๆ บอกเขามากกว่าว่าชีวิตเราก็ไม่ได้ง่ายหรือปกติบางเรื่องนะ แต่เวลาเราอยู่ด้วยกันสองคนที่บ้าน หรือเวลาที่ไม่ได้อยู่ในสื่อ เราก็ง่ายมากๆ เหมือนคนปกติ จะค่อนข้างชิล ไม่แต่งหน้า เขาก็งงเหมือนกันว่าอยู่ข้างนอกกับอยู่บ้านทำไมมันแตกต่างกันขนาดนี้ (หัวเราะ)อยู่บ้านเราก็จะสบายๆ แต่ถ้าออกข้างนอกเราก็จะแต่งตัวให้ตัวเองดูดี แต่เขาก็เริ่มชินแล้ว หรืออย่างเรื่องถ่ายรูป เพื่อนวุ้นก็จะชอบบ่นว่าแฟนเขาถ่ายให้ 1-2 รูปก็บอกว่าพอแล้ว แต่นิกม์เขาจะตั้งใจมาก ถ่ายเป็น 10-20 รูปก็ไม่บ่น เราก็เลยรู้สึกว่าคนนี้เขาใจเย็นดี และน่าจะอยู่กับเราได้”
นิกม์ : “การปรับตัวก็มีบ้างครับ เขาก็จะแนะนำว่าถ้ายูไปอย่างนี้ก็ควรจะทำแบบนี้นิดนึงนะ ง่ายๆ เลยว่ายูต้องดูแลตัวเองนิดนึงว่ายูต้องดูเฮลท์ตี้ ฟิตนิดนึง เพราะภาพมันก็จะออกมาดีขึ้น เขาก็เป็นห่วงเรา อยากให้เราดีขึ้น”
วุ้นเส้น : “แต่ไม่ได้บังคับนะ คือถ้าเกิดเธออยากอ้วนก็อ้วนได้ ไม่ได้ว่าอะไร (หัวเราะ) แต่เขาก็ชอบตัวเองในเวอร์ชั่นนี้ เราเป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า อย่างอื่นเราสบายๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าวันนึงมันไม่เฮลตี้หรือร่างกายชิลเกินมันก็จะมีปัญหา ก็เลยหลีกเลี่ยง ใช้ชีวิตให้มันมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย”
สัญญาจะดูแลกันและกันอย่างนี้ตลอดไป
วุ้นเส้น : “วันนี้ไม่มีน้ำตาแล้วค่ะ (หัวเราะ) วันนี้เน้นปาร์ตี้ เน้นเจอเพื่อน เน้นสนุกสนานมากกว่า เพราะจริงๆ งานที่ฝรั่งเศสมันเป็นงานอบอุ่น คนไม่เยอะมาก ก็จะมีแลกคำสัญญาอะไรต่างๆ บรรยากาศมันก็ซึ้งๆ เงียบๆ แต่พอมาที่เมืองไทยคนมันเยอะ เราก็อาจจะซึ้งไม่ออก (หัวเราะ) คำมั่นสัญญา เราก็สัญญาว่าอยู่เคียงข้างกันและซัปพอร์ตกันทุกเรื่อง อย่างเช่นเขาต้องการอะไร ซัปพอร์ตเรื่องความสุข อย่างความสุขของเขา เขาอยากไปไหน เขาอยากทำอะไร เราก็จะสนับสนุนให้เขามีความสุข
ถ้าเขามีเรื่องอะไรที่ทำให้เหนื่อยในชีวิต อ่อนแอ หรือมีเรื่องเครียด เราก็ต้องเป็นส่วนที่ซัปพอร์ต เติมเต็มให้เขากลับมามีพลังงานอีกครั้ง มันก็เบสิกแหละ ก็สัญญาว่าจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด 5 ปีเป็นยังไงก็ยังจะเหมือนเดิม จะไม่เปลี่ยนไป อยากเป็นคนดีขึ้นสำหรับยู และอยากให้เราเป็นความสุขของกันและกันแบบนี้ตลอดไป เพราะมันไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับความรู้สึกของเราสองคน”
นิกม์ : “จริงๆ ความสุขอย่างที่วุ้นเคยพูดเอาไว้ว่าความสุขมันไม่ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ความสุขของวุ้นก็คือการเป็นคนที่ดูแลกันและกันตั้งแต่เช้าจนเย็น อย่างที่เคยพูดเอาไว้ว่าอยากทำกาแฟให้เขาตอนเช้า อยากให้เขาซบตอนกลางคืน ระหว่างนั้นก็อยากถ่ายรูปให้วุ้น สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ก็อยากทำให้ทุกวัน และสัญญาว่าจะทำทุกวัน”
เผยไม่อยากคาดหวังเรื่องมีทายาท แต่จะพยายามมีให้ เพื่อเติมเต็มครอบครัว
วุ้นเส้น : “เรื่องทายาทคือตอนที่เราคุยกันว่าเราจะมีไหม เราสามารถมีได้มั้ยในอายุเท่านี้ ก็บอกนิกม์ว่าวุ้นไม่สัญญานะว่าจะทำให้ได้ 100% แต่วุ้นก็จะพยายามเพื่อครอบครัว และวุ้นรู้สึกว่านิกม์เขาอยากมี วุ้นก็จะทำให้นิกม์มีความสุขในเรื่องนี้ แต่อย่าคาดหวัง เพราะเรื่องสุขภาพเราหรืออายุเรามันก็ไม่ได้น้อย แต่นิกม์เขาก็ให้กำลังใจเราตลอด ว่ามันไม่ได้เป็นหลักสำคัญว่าเราจะต้องแต่งงานเพื่อมีลูก แต่อยากแต่งงานเพื่ออยู่กับเรา แต่ถ้าเกิดมีก็ถือว่ามาเติมเต็มครอบครัว “
นิกม์ : “ผมคิดว่าวุ้นน่าจะเป็นแม่ที่ดี ก็เลยคิดว่าถ้าสร้างครอบครัวกับเขาก็น่าจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น และเขาน่าจะเป็นแม่ที่ดีมากๆ ก็เลยอยากมีครอบครัวกับเขา ถ้าได้นะครับ “
วุ้นเส้น : “ถามว่าอยากมีกี่คน 1 ค่ะ (หัวเราะ) พอแล้วสำหรับครอบครัวเล็กๆ อย่างเรา เราดูความเป็นจริงด้วยค่ะว่าถ้าเราอายุเท่านี้ ถ้ามีอีกคนเราอาจจะโตเกินไปกว่าลูกจะโต ก็แค่คนเดียวพอ ซึ่งถ้ามีทายาทจริงๆ เราก็คุยกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจของเราไว้ เพราะเราทำงานมาตลอดชีวิตตั้งแต่อายุ 18 จน 40 กว่าแล้ว (หัวเราะ) เราก็ยังทำทั้งในวงการและธุรกิจของตัวเอง ก็ยังไม่มีช่วงเวลาที่เราได้อยู่เฉยๆ เลย เราก็อยากจะมีสักช่วงจังหวะนึงที่เราอาจจะท้อง หรือช่วงจังหวะนึงที่เราได้พักอยู่กับครอบครัวจริงๆ ก็คุยกันว่าทำเท่าที่ไหว ก็เข้าใจกันว่าเราอาจจะทำงานได้น้อยลง แต่ก็ยังมีคุณภาพเหมือนเดิม”
บอกโชคดีที่มีช่วงโควิดที่ทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้น
วุ้นเส้น : “ถามว่าบาลานซ์ความเป็นภรรยากับการทำงานยังไงบ้าง คือมันก็ค่อนข้างยากเหมือนกันนะ ด้วยความที่เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนด้วย ทำงานนอกบ้านด้วย แล้วก็มาเป็นแม่บ้านด้วย เพราะวุ้นกับนิกม์อยู่กันแบบไม่มีแม่บ้าน เราทำกันเองหมดเลย และเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรก เราชอบความเป็นส่วนตัวของเราสองคนที่อยู่ด้วยกันและช่วยกันทำงาน คือบางทีเราอาจจะไม่ได้เป็นแม่บ้านตลอด อาจจะมีส่วนนึง เพราะบางทีนิกม์เขาก็ช่วยซัปพอร์ตเรื่องนี้ เช่นทำอาหารให้เรา หรือช่วยดูแลบ้าน ก็เลยรู้สึกสบาย ตอนแรกกังวลว่าเราคงไม่ไหวหรอกที่จะต้องแบกหน้าที่ทั้งข้างนอกทั้งในบ้าน แต่ตอนโควิดมันไม่มีงานข้างนอกไง เขาก็จะเป็นมุมแม่บ้าน 100% (หัวเราะ) ตอนอยู่บ้านเราก็ทำงานบ้านเองจริงๆ แต่ถ้าเราต้องไปทำงานข้างนอก ก็อาจจะมีเวลาเป็นแม่บ้านน้อยกว่าเดิม แต่ตอนนี้บาลานซ์ได้ เพราะเขาก็ช่วยด้วย และเราก็คุยกันรู้เรื่องแล้ว”
นิกม์ : “ชอบเขาเวอร์ชั่นไหนมากกว่ากันเหรอครับ ชอบหมดเลยครับ ถ้ามีมุมเดียวมันก็ไม่ใช่ตัววุ้นหรอก วุ้นก็จะมีหลายมุมอยู่แล้ว ก็เป็นตัวเขาเองอย่างนี้แหละดีแล้ว ชอบ เราก็พยายามจูนกันเรื่อยๆ มันก็เลยไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าเราไปเร็วหรือเขาช้าไป ก็ค่อยๆ เดินไปด้วยกัน เขาก็พยายามดูเราเหมือนกันว่าเราโอเคมั้ย เราเป็นคนโอเคมั้ย เขาก็ค่อยๆ ดู ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยเครียดมากตอนที่จีบกัน”
วุ้นเส้น : “เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วค่ะ เป็นช่วงโควิด ไปไหนไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ก็ดีอย่างนะถ้าไม่มีช่วงจังหวะนั้นเราอาจจะไม่ได้ลงเอยกันก็ได้ เพราะถ้าไม่มีช่วงนั้นที่เราได้เรียนรู้กันจริงๆ เราต่างคนก็อาจจะออกไปนู่นไปนี่เจออะไรอีกมากมาย แต่พอมีโอกาสตรงนั้นมันก็เลยทำให้เรารู้จักตัวตนกันเร็วขึ้น เพราะเรียนรู้กันอยู่สองคนในเวลาตรงนั้น”
ให้กำลังใจสาวโสด เชื่อสักวันต้องเจอคนที่ใช่ของตัวเอง
วุ้นเส้น : “ให้กำลังใจสาวโสดที่เห็นเราเป็นไอดอลเหรอ (หัวเราะ) เพื่อนก็บอกเหมือนกันว่าฉันก็อยากมีเวลาอย่างนี้บ้างนะ แต่พออายุมากแล้วก็ท้อนิดนึง บางคนเป็นรุ่นน้องอายุ 30 นิดๆ ก็ท้อแล้ว บอกว่าอายุ 30 แล้วหนูยังไม่มีแฟนเลย วุ้นก็บอกว่าใจเย็น พี่เพิ่งมีล่าสุดตอนเกือบ 40 (หัวเราะ) และวันนี้เราได้แต่งงานกัน มันไม่มีอะไรที่สายเกินไป คืออยากให้กำลังใจทุกคนแหละว่าทุกคนมีคนของตัวเองอยู่แล้ว มีคนที่รออยู่อยู่แล้ว แต่ไม่ต้องไปกำหนดมัน ไม่ต้องไปเครียดกับมันมากว่าต้องเจอในอายุเท่านี้ แล้วฉันจะมีลูกอายุเท่านี้ ไม่ต้องไปแพลนเลย
รูปแบบชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เราอาจจะเอาไปเทียบกับคนที่แต่งงานตอนอายุ 20 กว่า พอ 30 ก็มีลูก อันนี้มันเป็นแพทเทิลทั่วไป แต่โลกเรามันสามารถดีไซน์ด้วยตัวเองได้แล้ว ตามโชคชะตาของชีวิตที่มันต้องเจอ เอาตรงๆ ตอนเด็กๆ วุ้นไม่ได้คาดหวังว่าฉันต้องแต่งงานตอนอายุเท่านี้ ซึ่งมันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็รู้สึกว่าทุกคนก็มีสิทธิที่จะเกิดขึ้นเหมือนกับวุ้นเหมือนกัน ก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนว่าไม่มีอะไรสายเกินไปค่ะ ยังไงก็ขอให้ทุกคนเจอความรักที่ดีอย่างที่วุ้นเจอนิกม์นะจ๊ะ”