เดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ณ กองบังคับการปราบปรามเป็นที่เรียบร้อย สำหรับอดีตพระเอก-นักร้องชื่อดัง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ซึ่งวันนี้เป็นนัดเรียกรายงานตัวครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวก็มาพร้อมกับทนายคนใหม่คือ “ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช”ที่มารับไม้ต่อจาก “ทนายสาคร ศิริชัย”
เบื้องต้น ทนายประมาณ เผยว่าข้อกล่าวหาหมิ่นประมาท, กรรโชกทรัพย์, ข่มขู่ ฯลฯ ฟิล์มไม่เข้าข่ายข้อกล่าวหาใดๆ เลย
”วันนี้ผมก็พาฟิล์มมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกคดีพยายามกรรโชกทรัพย์นะครับ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วมันไม่เข้านะครับ ไม่เข้าความผิดฐานพยายามกรรโชกทรัพย์ ผมดูแล้วยังดูไม่ออกเลยว่าเข้าข่ายความผิดตรงไหนยังไง วันนี้เราก็มารับทราบข้อกล่าวหา 2 เรื่อง เรื่องแรกพยายามกรรโชกทรัพย์ เรื่องที่สอง หมิ่นประมาทของคุณหนุ่ม (กรรชัย กำเนิดพลอย) ผมดูข้อความแล้วก็ไม่เห็นมีข้อความตรงไหนที่คุณฟิล์มไปใส่ความคุณหนุ่ม ว่าคุณหนุ่มเป็นคนไม่ดี ทำให้สังคมดูหมิ่นเกลียดชังคุณหนุ่ม ผมว่าองค์ประกอบทั้ง 2 คดีนี้ไม่เข้าครับ
เรื่องพยายามฉ้อโกงผมก็ว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์นะครับ ฉ้อโกงมันต้องหลอกลวง แสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงที่สมควรบอกให้แจ้ง แล้วได้ไปซึ่งทรัพย์สินโดยเจตนาทุจริต ต้องดูว่าในการดำเนินการ ในการพูดคุยทางคลิปเสียงที่พวกเราได้รู้กันหมดแล้ว มันมีเจตนาทุจริตตรงไหนทุจริตคือการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เพราะฉะนั้นผมดูแล้วก็ไม่มีเจตนาทุจริตครับ ที่บอกว่ามีถ้อยคำพยายามข่มขู่ให้จ่ายเงิน 20 ล้าน ถ้อยคำมันไม่เพียงพอครับ คดีกรรโชกทรัพย์เนี่ยมันต้องข่มขู่ให้เขายอม โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย องค์ประกอบมันก็ไม่เข้าแล้ว จะไปตีความคำนู้นคำนี้ว่ามีการข่มขู่อะไรต่างๆ มันไม่ใช่หรอกครับ
ต้องดูด้วยว่าการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ วันนั้นคุณฟิล์มจะเดินทางไปประเทศจีน เขาอยู่สนามบิน มันก็เลยไม่ได้ตั้งหลักอะไรเรียกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวพูดทางโทรศัพท์ การคุยส่วนตัวบางคำอาจจะเลยเถิดล้ำเส้นไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นความผิดครับ แสดงความสนิทสนมกับคุณหนุ่มมากเกินไป เพราะฉะนั้นผมก็มองว่าทั้งหมดไม่เข้าเกณฑ์ที่จะเป็นความผิดทางกฎหมายครับ เรื่องเงิน 20 ล้านก็ต้องเข้าใจว่าคุณฟิล์มเขารับการติดต่อมาจากคุณกฤษอนงค์ ทางคุณกฤษอนงค์เขาจะดำเนินการกันยังไง คุณฟิล์มไม่รู้หรอก แต่เขาบอกว่างบประมาณในการพีอาร์ครั้งนี้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร หรือแก้ภาพพจน์ต่างๆ ทั้งหมดนี้มัน 20 ล้าน คุณฟิล์มก็พูดไปตามข้อมูลที่ได้จากคุณกฤษอนงค์ เพียงแต่คำพูดลีลามันอาจจะเหมือนคุณฟิล์มเป็นคนเสนอ แต่ความจริงข้อมูลนี้มันมีมาก่อนอยู่แล้ว ก่อนที่คุณฟิล์มจะรับโทรศัพท์ในค่ำคืนของวันที่ 9 ครับ
แนวทางการต่อสู้ก็ตามข้อเท็จจริงเลยครับ ตามข้อเท็จจริงที่คุณฟิล์มเคยให้สัมภาษณ์มาก่อนแล้ว ครบถ้วนกระบวนความแล้วครับ และถ้ามีคำถามหรือมีข้อสงสัยอะไรต่างๆ ก็สามารถตอบได้ทุกข้อสงสัยครับ แต่ในความคิดผมคิดว่าไม่เข้าข่ายเลยครับ ผมอยากให้ตั้งข้อสังเกตนิดนึง ว่าวันที่คุณฟิล์มคุยโทรศัพท์ตามคลิปเสียง มันมีคำพูดที่ว่าต้องตัดสินใจภายในวันไหน ก็แปลว่าคนที่กำลังพูดคุยเขามีโอกาสที่จะตัดสินใจ มีโอกาสคิดว่าสิ่งที่คุณพูดมันจริงเท็จประการใด หรือมีความเป็นไปได้ขนาดไหน ในงบประมาณแบบนี้มันคุ้มค่าที่เขาจะลงทุนหรือเปล่า และมีเวลาที่จะไปคิดและปรึกษาคนอื่นได้ด้วย เพราะคุณฟิล์มบอกว่าตอบวันศุกร์ก็ได้ครับ ผมไม่ได้รีบเร่ง ไม่ได้ไปคุกคาม ข่มขู่ให้เขายอมที่จะมอบทรัพย์โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และไม่ได้แสดงข้อความอะไรเพื่อให้ได้ทรัพย์สินของเขาไปโดยทุจริต
ถามว่าพนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหารุนแรงไปมั้ย คือทางพนักงานสอบสวนเขาบอกว่าตั้งข้อกล่าวหากันตามที่เขาเข้าใจ เป็นดุลยพินิจ อันนี้ผมก็ไม่ได้ไปว่าเขานะครับ แต่เวลาที่เขารับแจ้งความจากผู้เสียหาย บอกว่าเป็นการพยายามกรรโชกทรัพย์ เขาก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเสียก่อน อย่างน้อยที่สุดก็มีคลิปเสียงที่พี่น้องประชาชนได้ฟังกันทุกคนแล้ว ก็พินิจพิเคราะห์เบื้องต้นซะก่อนว่ามันเข้ากรรโชกมั้ย ถ้ามันไม่เข้ากรรโชกก็ไม่ต้องออกหมายเรียกหรอกครับว่าพยายามกรรโชก
อีกอย่างพนักงานสอบสวนเองก็ไปขอหมายศาลออกหมายจับในคดีพยายามกรรโชก ศาลพิจารณาดูแล้วมันก็ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะเป็นองค์ประกอบความผิดฐานกรรโชก ศาลท่านก็เลยไม่ออกหมายจับให้ จึงได้ออกหมายเรียกวันนี้ตามที่ตัวเองคิด ถามว่ากังวลเรื่องที่มีพยานมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมมั้ย ก็ไม่กังวลครับ ก็ขอให้บอกมาก่อนว่าคำให้การของพยานปากอื่นๆ ที่ให้การมามันเกี่ยวพันกับคุณฟิล์มอย่างไร เป็นข้อเท็จจริงตรงไหน อย่างถ้าขึ้นไปนี่แล้วพนักงานสอบสวนบอกว่ามีข้อเท็จจริงอย่างนี้ๆ จะปฎิเสธว่ายังไง ก็เดี๋ยวค่อยไปว่ากันอีกที
ถามว่ามั่นใจว่าไม่ผิดแน่นอนใช่มั้ย ผมว่าให้ศาลชี้ขาดดีกว่า แต่เบื้องต้นผมเชื่อว่าองค์ประกอบไม่ครบ และเจตนาทุจริตของคุณฟิล์มไม่มี และเรื่องหมิ่นประมาทก็ไม่มีเจตนาไปใส่ความคุณหนุ่ม เพราะเขาคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วกับคุณหนุ่ม แต่บางทีพูดแล้วมันเลยเถิดล้ำเส้นไปก็ขอโทษขอโพยกัน จริงๆ ถ้าผมเป็นพี่หนุ่มผมก็ให้อภัยน้องได้ ซึ่งที่มาวันนี้เพราะมีหมายเรียกวันนี้ครับ แต่จริงๆ ผมก็คิดว่าจะมาก่อนแหละ แต่เกรงว่าสื่อจะไปออกข่าวว่าผมแอบดอดมาพบพนักงานสอบสวน ผมก็พยายามมาให้ตรงกับหมายครับ“
ด้าน ฟิล์ม ก็เผยด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม บอกว่ามั่นใจเต็ม 100 ไม่ได้ทำอะไรความผิดอะไร
”มั่นใจเต็ม 100 ครับ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยครับ (หัวเราะ) ก็ยังยืนยันคำพูดจากที่เคยพูดไปวันแรกจนถึงวันนี้ครับ ไม่ได้มีความกังวลหรือกดดันอะไรครับ ผมก็ใช้ชีวิตปกติในทุกๆ วัน แต่ก็ไม่ได้มีติดต่อพี่หนุ่มไปอีกครับ หลักฐานที่เอามาวันนี้ก็เยอะพอสมควรครับ“ พร้อมเผยว่าที่หนุ่มออกมาประกาศตัดความสัมพันธ์ ตนได้ทราบแล้ว และรู้สึกเฉยๆ ถือเป็นสิทธิของเขา ตนไม่ขอก้าวล่วง
