xs
xsm
sm
md
lg

“เกรซ” ลูกสาว “เสี่ยเจียง” โคตรดีใจ สังคมเปิดกว้าง เป็นตัวเองมากขึ้น รับออกจากวงการเพราะถูกกดดันเรื่องเพศสภาพ! (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เกรซ นวรัตน์” โคตรดีใจ! สมรสเท่าเทียมสำเร็จ และคนกล้าเป็นตัวเองมากขึ้น เล่าเคยหันหลังให้วงการเพราะกดดันเพศสภาพ รู้สึกสังคมไม่พร้อมรับตัวเอง อัปเดตสุขภาพเสี่ยเจียง แข็งแรงดี มีความสุขตามประสาคนแก่



เป็นอีกหนึ่งคนที่ต่อสู้เพื่อสมรสเท่าเทียมมาโดยตลอด สำหรับ “เกรซ นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ” อดีตดาราเด็ก ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ลูกของ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” สหมงคลฟิล์ม ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเพศสภาพ มาเป็นแบบที่ตัวเองอยากจะเป็นได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ล่าสุดวันนี้ (2 ธ.ค.67) ได้เจอเจ้าตัว ที่มาเปิดแผ่นสร้างสีสันในงานแถลงข่าว นับถอยหลังสู่วันสมรสเท่าเทียม (Marriage Equality Day) เปิดประวัติศาสตร์การจดทะเบียนสมรสคู่รัก LGBTQIAN+ พร้อมกันทั่วประเทศกว่า 1,000 คู่ ก็เลยได้อัปเดตถึงชีวิตตอนนี้กันสักหน่อย หลังสิ่งที่ตั้งใจมาตลอดมันสำเร็จแล้ว

“เราก็ทำงานร่วมกับพี่ๆ นักขับเคลื่อนทุกคนมาหลายปีแล้ว มาเปิดเพลงบ้าง มาเดินพาเลซบ้าง ก็ดีใจมากๆ ที่วันนี้ถึงจุดหมายหนึ่งที่ตั้งใจมาหลายปีแล้ว เป็นสิ่งที่เรารอคอยมากๆ ถึงแม้ว่าเราอาจจะยังไม่สมรสเร็วๆ นี้ แต่เรารู้สึกว่าทุกๆ คนก็รอสิ่งนี้มานาน การที่มีกฎหมายมารองรับ มันทำให้คนส่วนมากเข้าใจมากขึ้น ว่าสิ่งนี้มันก็คือความรัก”

เขินมีคนรู้ใจแล้ว เดี๋ยวจะมาอัปเดตให้ฟังอีกที
“เดี๋ยวยังไงบอกอีกทีครับ เดี๋ยวพร้อมแล้วบอกแล้วกัน ความรักช่วงนี้ก็ดีครับ เรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็น อยู่คนเดียวให้ได้ แล้วเดี๋ยวคนที่รักเราจะมาเองครับ ตอนนี้มาแล้วแหละ เราต้องตอบให้คลุมเครือไง แบบมีเซอร์ไพรส์ แต่มีคนเดียวครับ มันเขิน วันนี้เราโฟกัสที่กฎหมาย เรื่องของเราเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

มองการมีกฎหมายรองรับเป็นเรื่องสำคัญมากทั้งใจเชิงความรักและธุรกิจ
“คิดว่าสำคัญมากๆ เลยครับ เรารู้สึกว่าการที่มีกฎหมายรองรับ มันคือความปลอดภัยและความเท่าเทียมกันของทุกคน การมีกฎหมายจะทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นกับความรักของเรา และการสร้างครอบครัวมันจะได้เกิดความชัดเจนมากขึ้นด้วยการที่เรามีกฎหมาย มันแสดงให้เห็นถึงว่ามันออฟฟิเชียลในระดับหนึ่งแล้ว ในระดับประเทศ ในเชิงธุรกิจหรือออะไรด้วย เกรซคิดว่ามันก็สำคัญมากต่อประเทศเราเหมือนกัน”

สเต็ปต่อไปอยากให้เปลี่ยนคำนำหน้าได้
“เกรซรู้สึกว่าวันหนึ่งเราแต่งงาน ถ้าเราไม่สบายหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา มันมีคนที่จะรับผิดชอบเราได้ ที่อาจจะไม่ใช่แค่ต้องกลับไปหาครอบครัว แล้วอันต่อไปที่อยากให้เกิดขึ้น ก็คือการเปลี่ยนคำนำหน้า แต่มันก็เป็นสเต็ปๆ ไป”

เผยโคตรดีใจ วันนี้สังคมเปิดกว้าง และทุกคนกล้าเป็นตัวเองมากขึ้น
“โคตรดีใจเลย เพราะตั้งแต่เราเด็กๆ เกรซอยู่ในสถานการณ์นี้ มีคนสัมภาษณ์ แล้วก็มีคนถามว่าทำไมเป็นผู้หญิงไม่ใส่กระโปรง เราก็เลยแบบไม่ชอบความกดดันนี้เลย เราก็เลยออกจากวงการบันเทิงไป เพราะเราไม่ค่อยแน่ใจ ว่าเราจะอยู่ตรงไหนของการทำงานแบบนี้ ณ วันนี้ที่คนกล้าที่จะมาบอกและเปิดตัวมากๆ เกรซก็ดีใจกับคนรุ่นต่อๆ ไปมากๆ ที่สามารถเป็นตัวเองได้ และรู้สึกเซฟที่จะพูดออกมา ว่าเราไม่ได้ชอบเพศกำเนิดของเรา แล้วการที่มีกฎหมายอีก มันยิ่งทำให้คนเปิดมากขึ้นมากๆ”

เล่าหันหลังให้วงการเพราะกดดัน รู้สึกว่าสังคมนี้ไม่พร้อมรับตัวเอง
“เกรซมีคำตอบอยู่แล้ว ว่าเราเกิดมาเราไม่ได้ชอบเพศที่เราเกิด แต่เราหันหลังเพราะรู้สึกว่าสังคมนี้ไม่พร้อมรับเราเลย มันกดดันจังเลย เราอายุ 10 กว่าขวบ ทำไมเราต้องตอบแล้วว่าเราเป็นเพศอะไร เรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ปกติ แต่เราคิดว่าเราผิดปกติ ณ วันนี้เกรซรู้สึกว่าเราไม่ได้ผิดปกติ เราแค่ชอบที่จะเป็นแบบนี้มันแค่นั้นเองไม่ได้สำคัญอะไร”

วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก
“เปลี่ยนไปมาก แค่ 10 กว่าปีมันเปลี่ยนไปมากๆ เลย จนกลับไปพูดถึงเกรซยังงงอยู่เลย ว่ามันเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ขอบคุณมากๆ ที่ทุกคนเปิดใจขนาดนี้ มันทำให้เราก้าวไปข้างหน้าด้วยความรักจริงๆวันนี้เรากล้าพูดว่าเรารักใคร เปิดตัวออกมามันก็น่ารัก”

ชัดเจนแล้วว่าเป็นยังไง ใครที่คาใจจะได้ไปใช้ชีวิตต่อ
“จริงๆ หลังจากที่เราก้าวออกไป ด้วยความที่เราอยากไปเรียนด้วย เราไม่ได้กลับมาหรอกจริงๆ แล้ว เราทำงานออกแบบ แล้วก็อาจจะเปิดเพลงบ้างเป็นบางโอกาส เรารู้สึกว่าตั้งแต่เรารับปริญญา ได้ใส่ชุดเป็นอีกเพศหนึ่ง วันนั้นเป็นวันที่เกรซรู้สึกว่าเราชัดเจนแล้ว ว่าเราจะมาทางนี้ แค่นั้น เราไม่ได้ถือว่ากลับมาในวงการบันเทิง อาจจะมีข่าวบ้าง มีคนมาสัมภาษณ์บ้าง แต่เราแค่เป็นตัวเอง คนสนใจหรือไม่สนใจไม่สำคัญ แต่วันนั้นมันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีคำถามแล้ว เราชัดเจนแล้วนะ ใครที่คาใจเห็นเราตอนเด็กๆ จะได้รู้ซะ จะได้สบายใจ เขาจะได้ไปใช้ชีวิตต่อของเขา แต่เราโอเคแล้ว เรามีความสุขดี”

คนหยุดถามไปแล้ว เพราะน้อยคนที่จะจำได้
คนน่าจะหยุดถามไปแล้วครับ น้อยคนที่จะจำเราได้ เราก็รู้สึกดีครับแต่จริงๆ พอเรามั่นใจ หรือเรามีความสุข มันก็ไม่มีคำถามหรอก แต่ถ้าเป็นเราในเวอร์ชั่นเก่า ก็อาจจะทุกข์”

ทำงานตามความเหมาะสม แล้วแต่ชีวิตพาไป ไม่ต้องรอรับไม้ต่องานหนังของครอบครัวอย่างเดียว
“เป็นคนบันเทิงใจอยู่แล้ว ไปไหนก็สนุก เราไม่ได้มองว่าบันเทิงหรือไม่บันเทิง เรามองแค่งานไหนเหมาะกับเรา ทำงานด้านไหนก็แล้วแต่ชีวิตพาไป แล้วแต่ที่เราสนใจมากกว่า (จะกลับมาช่วยงานที่บ้านไหม เรื่องการทำหนัง?) เราคิดว่าพี่ๆ เรา ทำงานได้ดีอยู่แล้ว เราก็พยายามฝึกฝนวิทยายุทธ์ของเรา หรือว่าการสร้างเนื้อสร้างตัวของเราเอง และไว้วันหนึ่งถ้ามีโอกาส เราก็อยากช่วยเขา แต่ถ้าวันหนึ่งเราทำได้ดีและชอบในสิ่งที่เราทำ เราก็ทำของเรามันไม่ได้มีรับไม้ต่อขนาดนั้นอะไรเหมาะสมก็ทำครับ”
อัปเดตสุขภาพคุณพ่อ มีความสุขดีตามประสาคนแก่
“คุณพ่อก็อยู่บ้าน ค่อนข้างมีความสุขดีครับ ดูหนังทุกวัน เป็นแนวกึ่งรีไทร์ นั่ง นอน ดูหนังสบายๆ กินข้าวกับหลาน เกรซคิดว่าเขาทำงานมาหนักมากแล้ว ช่วงนี้ก็คงเป็นช่วงพักผ่อนของเขา พี่ๆ ก็ทำงานต่อไป เรื่องสุขภาพก็เป็นคนแก่ ต้องมีคนดูแล เดินอาจจะลำบากหน่อย แต่เขามีความสุข ไม่ได้ทรมานอะไรนั่งดูหนังหัวเราะไปครับ พวกความจำก็มีจำได้บ้าง ลืมบ้างเป็นธรรดา อย่างน้อยเขาจำเราได้ก็โอเคแล้ว เราก็ไปเอ็นเตอร์เทนเขา เราเห็นเขาไม่เครียดเราก็แฮปปี้แล้ว ถามว่าเวลาเขาเจอ เขาทักว่าอะไร มันก็จะมีคำหยาบคายบ้างไอ้…เกรซ ก็เป็นเสน่ห์ของการพูดคุย ถือว่าเป็นการเทสว่าเขายังจำได้ ถ้าตะโกนหรือด่าคือถูกต้อง ถ้ามีแบบซอฟต์ๆ น่าจะผิดปกติแล้ว ต้องรีบถามหมอ (หัวเราะ)”

ตอนเด็กๆ เคยไม่ชอบและมีคำถาม ทำไมต้องเป็นชื่อตัวเองพ่วงนามสกุลพ่อมาตลอด
เราจะมีความรู้สึกว่า ทำไมเราต้องเป็นเกรซ ลูกสาวเสี่ยเจียง ต้องมีนามสกุลนั้น แต่ก็รู้สึกว่าสงสัยพ่อเราก็เจ๋งจริงแหละ ถึงได้ใช้นามสกุลนั้นคิดว่าเขาก็ทำงานมาเก่งมาก ก็ดีใจที่ได้เห็นคุณพ่อทำงาน ทำให้วงการภาพยนตร์มันเป็นแบบทุกวันนี้ ก็ภูมิใจมาก แต่ในส่วนตัวเรา เราก็อยากจะเป็นตำนาน อยากสร้างอะไรของเราเองด้วย แล้วมันจะมีประโยคต่อไปด้วย ว่าโตเป็นหนุ่มแล้ว งงกว่าเดิมอีก (หัวเราะ) ถามว่ากดดันไหมก็ไม่ค่อย เราคิดว่าถ้าคนอยากจำเราแบบนี้ เราก็สนุกกับมันได้

เจียงลูกชิ้นปลาเหรอ โน่นนี่นั่น คือเมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราไม่ชอบ แต่ไหนๆ คนก็จำแบบนั้นแล้ว เราก็มองให้มันเป็นมุมที่น่ารัก สนุกๆ ไปแล้วกัน สุดท้ายมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว คนก็เอ็นดูแหละ แล้วเขาก็รักพ่อเรา”













กำลังโหลดความคิดเห็น