ความเชื่อส่วนบุคคล “ดร.วีรินทร์ทิรา” เผยที่มานวนิยายอิงประวัติศาสตร์ “จอมใจอโยธยา” 50 เปอร์เซ็นต์มาจากจิตที่ศรัทธา เป็นขวัญและกำลังใจทำให้ตนดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จ ภูมิใจได้ทำตามสัจจะอธิษฐาน บอกจะถ่ายทอดเรื่องราวพระสุพรรณกัลยาให้ดีที่สุด ฝันสร้างเป็นหนังเผยแพร่ไปทั่วโลก ลั่นนั่งสมาธิกำหนดคาแรกเตอร์ตัวละคร บอกผลิตละครในช่วงเกิดวิกฤต อยู่เหนือเหตุผล
จากผู้ประกาศข่าวสู่ผู้จัดละครเต็มตัวเรื่องแรก สำหรับ “ดร.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส” หรือชื่อเดิม “อินทิรา นาทองบ่อ” ล่าสุดสวมหัวโขนเป็นผู้จัดและผู้ประพันธ์ซีรีส์ “จอมใจอโยธยา” ซีรีส์ 5 ตอน เทิดพระเกียรติพระสุพรรณกัลยา โดยเจ้าตัวเผยเรื่องราวสุดเหลือเชื่อเอาไว้ พร้อมเผยว่าทุกอย่างเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของตน
“สำหรับแรงบันดาลใจซีรีส์จอมใจอโยธยา เป็นละครเทิดพระเกียรติสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา เกิดจากแรงบันดาลใจที่เราเป็นคนไทย ที่สำนึกในคุณแผ่นดิน และได้มีโอกาสได้รับทราบเรื่องราวของพระองค์ท่าน นอกเหนือจากพระสมเด็จพระนเรศวรที่เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แล้ว ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของชัยชนะที่ทำให้พวกเราลูกหลานอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมาถึงทุกวันนี้ คือสมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา
ซึ่งก็จะมีคนอยู่จำนวนหนึ่งค่ะ ที่รู้จักพระองค์ท่าน และไหว้สักการะบูชามาอย่างยาวนานแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่ได้นึกถึงหรือไม่รู้จักท่าน พอเราได้ไปทราบเรื่องราวที่พระองค์ท่านทรงเสียสละ ทั้งพระวรกาย ทั้งจิตวิญญาณในการที่ต้องไปเป็นองค์ประกันที่กรุงหงสาวดี เมื่อครั้งสมัยเกิดสงครามขึ้น ถ้าย้อนเวลาไปก็ประมาณ 477 ปีมาแล้ว
พอได้ทราบเรื่องราวของพระองค์ท่าน ประกอบกับตัวเองก็ได้รับเหตุมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ เป็นแรงบันดาลใจ เป็นขวัญกำลังใจที่ทำให้ได้ดำเนินชีวิตจนประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่านคุ้มครองเรา เลยอยากจะทดแทนคุณแผ่นดิน และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงทำให้เกิดนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ จอมใจอโยธยา ขึ้นมาก่อน ซึ่ง 50 เปอร์เซ็นต์จะมาจากจิตที่เราศรัทธา และอีกครึ่งหนึ่งก็จะต้องค้นหาข้อมูลประกอบ
หนังสือแต่งเสร็จเมื่อปี 2562 บทเพลงแต่งเสร็จปี 2559 และในปีนี้ 2567 ก็ได้ทำตามที่ตั้งใจและให้สัจจะอธิษฐานไว้ ว่าจะทำเรื่องราวของพระองค์ท่านมาถ่ายทอดเป็นละครอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถทำได้ตามกำลังนะคะ เพราะเป็นซีรีส์ 5 ตอน ออกอากาศทางช่อง 3 เริ่มวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568”
อยากทำเป็นหนังเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่ด้วยงบประมาณที่มี ต้องทำเป็นซีรีส์ จะทำให้ยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติที่สุด
“ตอนแรกปรึกษาทางผู้กำกับ ก็คือพี่น็อต (นุติ เขมะโยธิน) ว่าเราอยากทำเป็นภาพยนตร์ แต่ด้วยความที่เรามีกำลังเท่าที่เราสามารถทำได้ กับงบประมาณที่มีค่ะ ก็เลยต้องย่อลงมา แต่ยังคงเนื้อหาที่เป็นแก่นของหัวใจไว้อย่างเต็มเปี่ยม และถ้ามีโอกาสในวันข้างหน้า ก็ยังมีความฝันมุ่งมั่นอยู่ ว่าอยากจะทำเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ เผยแพร่ไปทั่วโลกให้ได้ แต่ด้วยความที่ปัจจุบันโลกมันกว้างไร้พรมแดนอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าแม้แต่จะเป็นละครซีรีส์ ก็จะทำให้ยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติที่สุดค่ะ”
ละครเรื่องแรกในฐานะผู้จัด
“ถ้าทำในส่วนของภาคบันเทิงเนี่ย ทาง 360 องศา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ทำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคิดคอนเทนต์รายการผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงในส่วนของการสร้างภาพยนตร์ด้วย แต่พอมาเป็นละคร ก็ถือว่าเป็นละครเรื่องแรกที่เป็นผู้จัดค่ะ ถามว่ายากไหม ยากอยู่แล้วค่ะ ต้องศึกษาเยอะ แต่ด้วยความที่โชคดี มีผู้กำกับฝีมือดีคือพี่น็อต แล้วพี่เขาก็มีทีมโปรดักชั่นที่มีคุณภาพ ก็เลยไม่ได้กังวลอะไร และด้วยพระบารมีของพระองค์ท่าน ก็ทำให้การดำเนินงานสำเร็จราบรื่นมากๆ ต้องบอกว่ามากถึงมากที่สุดเลย”
เดินหน้าผลิตละครในช่วงเกิดวิกฤต เกิดจากศรัทธาส่วนบุคคล อยู่เหนือเหตุผลและเวลา
“อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้อยู่เหนือเหตุผลและกาลเวลา แล้วทุกอย่างมาด้วยพระประสงค์ อันนั้นคือความศรัทธาส่วนตัว แล้วด้วยเราพร้อมซึ่งปัจจัย ก็อย่างที่ได้เรียนไป ว่าเริ่มต้นคือความศรัทธาในใจของ ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล ที่ท่านเห็นหนังสือ และด้วยความรักพระองค์ท่าน ซึ่งท่านดร.ทำภารกิจของพระองค์มาเยอะมาก ตอนนี้ท่านสร้างพระตำหนักใหญ่มากๆ อยู่ที่โคราช และมีการสร้างพระองค์ท่านองค์ใหญ่มาก เราผ่านพิธี ผ่านเรื่องราวกันเยอะมากพอท่านบอกว่าจะช่วยสนับสนุนปัจจัย ให้ส่วนหนึ่งในการดำเนินงาน เราก็มาบวกกับที่เรามีของเราเองด้วย ที่เราพร้อม
อันนี้ต้องขีดเส้นใต้ว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ คนที่รักและเคารพบูชาพระองค์ท่านจะเข้าใจดี ก็ขอสงวนไว้ตรงนี้ ว่าเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล เราเชื่อมั่นว่าเราได้รับพระราชทานจากพระองค์ท่านจริงๆ โดยเหตุการณ์ที่อาจจะไม่สามารถเปิดเผยตรงนี้ได้ พอมารวมกันก็สามารถดำเนินการได้ เลยเร่งทำทันที มันเหมือนกับพอถึงเวลาแล้ว ใจเรารู้สึกว่ามันใช่แล้ว แล้วก็ขออนุญาตด้วยการกล่าวอธิษฐาน ก็มีนิมิตตามความเชื่อ ก็เลยคุยกับพี่น็อตเลย คุยกันมาหลายปีแต่ก็ไม่ได้ทำ จนท้ายที่สุดทุกอย่างก็พร้อมมากๆ
เหตุปัจจัยอีกอันหนึ่ง ที่ทำให้ทุกอย่างราบรื่นและมั่นใจเดินหน้าต่อ ก็คือตอนที่ได้รับคำตอบ ว่านักแสดงที่เราอยากจะให้แสดง ก็คือนักแสดงทุกท่านในวันนี้ ซึ่งทุกคนคิวทองมากๆ และเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะมารวมตัวกัน ในเวลาที่เราล็อกไว้หมดแล้ว ว่า 14 กุมภาพันธ์ ต้องออนแอน์ ล็อกวันที่ออนแอร์ก่อนได้นักแสดงด้วยค่ะ
ถามว่าการคัดเลือกนักแสดงยากไหม อย่างแรกคือตอนเขียนหนังสือ เราทราบอยู่แล้วว่าเราต้องการกำหนดคาแรกเตอร์ตัวละครแบบไหน แล้วเราก็นั่งสมาธิเลย ว่าใครจะต้องแสดงบทไหนยังไงบ้าง แล้วก็ปรึกษากับพี่น็อตด้วย ซึ่งพี่น็อตเป็นผู้กำกับที่มีประสบการณ์มากๆ ก็ได้คุยกันว่าถ้าเป็นบทนี้คนนี้แสดงเป็นยังไง เราประชุมกัน และพอมันไปตรงกับที่เรานั่งสมาธิมาก่อนหน้า เราก็แฮปปี้ค่ะ”