xs
xsm
sm
md
lg

“ป้อง ณวัฒน์” เผยสาเหตุเงียบ เพราะไม่รู้ต้องแอ็กชั่นยังไง เรื่องข่าวดิไอคอน เพราะไม่เกี่ยวข้อง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ป้อง ณวัฒน์” เผยรับงานดูข้อสัญญาอย่างชัดเจน แต่กรณี “ดิไอคอน” เหนือความคาดหมาย ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน บอกสัญญาของตนเป็นปีต่อปี เป็นพรีเซ็นเตอร์แค่ 2 ปีก็จบ ไม่ได้คุยกับพรีเซ็นเตอร์คนอื่นๆ เพราะไม่รู้อยากจะคุยเรื่องนี้ไหม แต่ถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนให้กับนักแสดงทุกคน ต้องระวังกันมากขึ้น ยืนยันกับ “ลิน่า ลลินา” แค่พี่น้อง เป็นการเล่นกันในรายการมากกว่า

เป็นอีกหนึ่งคนที่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับดิไอคอน สำหรับพระเอกหนุ่ม “ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” ซึ่งในช่วงนั้นเจ้าตัวก็แทบจะไม่ได้ออกมาพูดชี้แจงอะไรถึงเรื่องนี้ แต่ล่าสุดป้องได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนดังกล่าว ยันหมดสัญญามาปีกว่าแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไร เพราะคิดว่าไม่ได้เกี่ยวกับตน

“จริงๆ การรับงานทุกอย่างก็มีมาตรฐานของเรานะครับ ก็จะเช็กอย่างเต็มที่ ไม่ใช่กับที่นี่ที่เดียว ก็จะเช็กอย่างละเอียดนะครับ อย่างของดิไอคอนผมก็หมดสัญญาไปตั้งแต่ก.ค.66 ก็ปีกว่าแล้ว ตอนที่เรื่องเกิดขึ้นมาก็ยังคิดอยู่ว่าเราจะแอ็กชั่นยังไง เพราะมันก็หมดสัญญาไปแล้ว และก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรเท่าไหร่นัก ในสัญญาก็ระบุชัดเจนว่าทำอะไรบ้าง ระยะเวลา ซึ่งจะมีโน้ตไว้เลยว่าทั้งสองฝ่าย หมายถึงผมและผู้ว่าจ้างห้ามทำผิดมาตรฐานศีลธรรมอันดีในสังคม และทำให้สังคมเดือดร้อน ก็เป็นการล็อกทั้งตัวผมและตัวผู้ว่าจ้าง สมมติผมไปเมาแล้วขับมันก็อาจจะทำให้สินค้าเขาเสื่อมเสียได้ เหมือนกันถ้าสินค้าเขาทำอะไรไม่ดี ก็จะกระทบทั้งสองฝ่าย มันชัดเจนในสัญญาอยู่แล้ว

ตอนนั้นก็สัญญาปีต่อปีครับ ของผมก็ 2 ปีครับ พอหมดล่าสุดก็ไม่ได้ต่อ คือสัญญามันจะปีต่อปี ถ้ามาคุยกันต่อก็ต่อ แต่พอไม่ได้คุยก็แยกกันไป ถามว่าได้คุยกับใครในพรีเซ็นเตอร์บ้างไหม ไม่ได้คุยครับ แต่ก็มีการคุยกับเพื่อนนักแสดงบ้างว่าเป็นอะไรยังไง แต่กับเพื่อนๆ พรีเซ็นเตอร์ด้วยกันเองยังไม่ได้คุยเท่าไหร่ เพราะเราก็ไม่รู้เขาจะสะดวกไหม หรือเขาอยากให้พูดหรือเปล่า จริงๆ ก็อย่างที่บอกครับการรับงานหรือสินค้าอะไรก็ตาม เราก็จะดูสัญญาล็อกไว้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็นอกเหนือจากสิ่งที่เราคิด บางทีมันโผล่มาเราก็ไม่รู้มาก่อน ก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย

ถามว่ากังวลไหม ก็ได้ดูข่าวเหมือนที่ทุกๆ คนดูนะครับ คือผมก็ไม่อยากพูดเยอะนะ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหาอะไรครับ ก็ไม่ได้เข้าไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ เพราะเขาก็ไม่ได้เรียกมา ถ้าเรียกก็ต้องไป (หัวเราะ) เพราะผมก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรมากเท่าไหร่ ถามว่าต่อไปจะเข้มงวดในการรับงานมากขึ้นไหม ผมว่าก็เป็นบทเรียนของนักแสดงทุกๆ คนนะ บางทีเราก็ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้มาก่อนว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอ ก็เป็นบทเรียนของนักแสดงทุกคนให้ได้รู้ว่ามันมีแบบนี้ด้วยนะ มันเป็นเรื่องใหม่ที่ทำให้เราต้องระวัง จริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็อย่างที่บอกว่าในสัญญาก็ระบุไว้ชัดเจน ก็ถือว่าเราระวังที่สุดแล้ว แต่พอมีแบบนี้มาบางทีมันเหนือความคาดหมาย”

ยันเป็นแค่พี่น้องร่วมวงการกับ “ลิน่า ลลินา ชูเอ็ทท์” เท่านั้น
“กับลิน่าเหรอ จริงๆ ในรายการก็คือการแสดงครับ ก็เฮฮากันไป ไม่มีอะไรครับ น้องเขายังเด็กมาก จริงๆ ก็ไม่มีอะไรครับ เป็นพี่น้องกัน มันก็เป็นสีสันในรายการครับ ถ้าคนชอบก็ดีใจครับ แต่ชีวิตจริงกับการแสดงหรือในรายการมันก็ไม่เหมือนกัน เรื่องผมไปกดไลก์น้องบ่อย เอาจริงๆ ผมก็กดไลก์ทุกคนนะ (หัวเราะ) ก็กดให้ทุกคน เป็นกำลังใจ ก็กดไลก์ทุกคนครับไม่ใช่แค่น้อง ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”

ยอมรับการทำงานในวงการบันเทิงตอนนี้เปลี่ยนไป การถ่ายทำต่างๆ ยากขึ้น
“จริงๆ ตอนนี้ก็เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนของวงการเราเหมือนกันนะ ถ้าใครเกิดทันยุคเมื่อก่อนที่มี 3 5 7 9 แล้วก็มีดิจิทัลเข้ามา มีการเปลี่ยนแปลง มีหลายที่ล้มหายตายจากไป บางที่ก็ยังอยู่ต่อ ตอนนี้ก็มีสตรีมมิ่งเข้ามา ทำละครก็ยากขึ้นกว่าแต่ก่อน คู่แข่งเราอย่างเกาหลีหรืออเมริกาทุนเขาก็เยอะกว่าเรา ผมว่าวงการละคร วงการหนังก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน ก็ต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ ครับ ปีหน้าก็อาจจะมีหนังสักเรื่องให้ได้เห็นกันครับ แล้วก็มีละครครับ

บทเจ้าชู้เหมือนเดิมไหม ก็คงไม่นะครับ (หัวเราะ) คนก็คงเห็นบ่อยแล้ว เจ้าชู้ ใส่สูท ผู้หญิงเยอะๆ มันก็เป็นอะไรเดิมๆ ที่เราอยากจะให้เห็นมุมในการแสดง ไม่ต้องเห็นในมุมเท่ หล่อ คือมันก็คงได้ในยุควัยรุ่น แต่อยากให้เห็นในมุมอื่นที่เป็นนักแสดงมากกว่า แต่ถ้าจะบอกว่าขุนแผนเรืยกพ่อเนี่ย (หัวเราะ) เล่นแล้วคนเชื่อก็ดีครับ แต่ก็อยากได้เล่นอะไรหลากหลาย ไม่เหมือนเดิมบ้าง ด้วยวัยด้วย เราก็อยากจะให้คนเห็นอะไรที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ดูแล้วต้องคาดหวังว่าต้องหล่อ ต้องเท่ เพราะผมเลยวัยไปแล้ว”













กำลังโหลดความคิดเห็น