“ตี๋ แม็ทชิ่ง” ตัวพ่อแห่งวงการอีเวนต์ไทยคัมแบ็ก เล่นใหญ่จัดเฟสติวัลญี่ปุ่นกลางสยาม 3 วันรวด ยกญี่ปุ่นมาไว้ในงาน เต็มอิ่มกับโชว์ของศิลปินแบบจุกๆ 300 ชีวิต พร้อมเคลียร์ชัด ดรามาที่ผ่านมาไม่มีผลทำให้หายหน้าหรืองานหด ลั่นผลงานคือตัวพิสูจน์
เป็นตัวพ่อแห่งวงการอีเวนต์เมืองไทยที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี สำหรับ “ตี๋ แม็ทชิ่ง” สมชาย ชีวสุทธานนท์ ผู้คร่ำหวอดในสายงานนี้มายาวนาน อีกทั้งเคยจัดอีเวนต์ใหญ่ๆ ระดับโลกจนเป็นที่ประจักษ์ในผลงานมาแล้ว โดยเฉพาะการคว้าลิขสิทธิ์จัดการประกวด Miss Universe 2018 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ รวมถึงจัดประกวด Miss Universe Thailand 2019 ก่อนที่เจ้าตัวจะไม่ทำต่อและถอยออกมาจากบริษัท TPN ที่ร่วมก่อตั้ง ท่ามกลางข่าวคราวดรามามากมาย จนหลายคนมองว่านี่เป็นสาเหตุที่หลายปีมานี้เจ้าตัวหายหน้าไปหรือไม่
ล่าสุดทำเอาฮือฮา เมื่อ ตี๋ แม็ทชิ่ง กลับมาเขย่าวงการอีเวนต์อีกครั้ง ยืนยันดรามาที่ผ่านมาไม่มีผลกระทบกับงาน ยังทำงานเบื้องหลังมาตลอดเพียงแต่ตนไม่ได้ออกหน้า บอกเหรียญมี 3 ด้าน ตนรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเคลียร์อะไร ให้ผลงานเป็นตัวพิสูจน์ พร้อมเผยถึงการคัมแบ็กจัดอีเวนต์ใหญ่ส่งท้ายปีแบบจุกๆ 3 วันรวด
“ความน่าสนใจของงานสยาม เจ-โชว์ (SIAM J-SHOW) ในวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 เราปิดถนนสยามสแควร์ นี่คือจุดที่น่าสนใจของงาน แล้วเราเป็นงานเจแปนเฟสติวัล ที่เป็นงานเอาต์ดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เรากล้าพูดอย่างนี้เลย เราปิดถนนสยามทั้งเส้นความยาวเกือบ 700 เมตร ปิดทั้งวันตั้งแต่ 11.00 น. ถึง 23.00 น. เรามีคอนเซ็ปท์ว่าโชว์ใหญ่ ทำถึง เพราะแต่ละโชว์ที่เรานำมาเป็นโชว์ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย ส่วนไฮไลต์ในแต่ละวัน เราแบ่งเป็น 3 อย่าง ทั้งมิวสิก แฟชั่นโชว์ และ อาร์ตแอนด์ทอย ซึ่ง 3 อย่างนี้มันอยู่ในเทรนด์ที่ทุกคนรู้จักดีอยู่แล้ว
ในเรื่องของมิวสิก เราได้รับความร่วมมือจากค่าย LDH เป็นค่ายญี่ปุ่น เป็นศิลปินญี่ปุ่นที่มีผลงานโดดเด่นในปัจจุบันนี้ และมีแฟนคลับในประเทศค่อนข้างเยอะ LDH จะซัปพอร์ตศิลปินที่เป็นไลน์อัปหลักๆ ให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็น PSYCHIC FEVER, BALLISTIK BOYZ และ WOLF HOWL HARMONY 3 วงนี้จะเป็นวงที่เทรนดี้มาก มีแฟนคลับในประเทศเยอะมากๆ แล้วก็เป็นที่รู้จักของญี่ปุ่น นอกเหนือจากนั้นก็จะไอดอลกรุ๊ปของญี่ปุ่น และเป็น T-idol ของประเทศไทยด้วย
ของเรามี 3 เวทีหลัก ใช้ชื่อว่า J-Show ฉะนั้นเราจะมี J-Stage, Nippon-Stage และ Show-Stage 3 เวทีหลักก็จะมีศิลปินคละกันไป โดยมีศิลปินทั้งหมดเกือบ 300 ชีวิต 99 วง ใน 3 วัน เราถือว่าเราเป็นงานเดียวที่เป็นเจแปนเฟสติวัลที่มีญี่ปุ่นแท้ๆ ล้วนๆ ที่บินตรงจากประเทศญี่ปุ่น โดยในสัดส่วนการจัดงานแล้ว ถือว่าเยอะที่สุดในงานเฟสติวัลทั่วไปที่เคยจัด เราไม่ได้พาดพิงนะ แต่เรากล้าเคลมว่าของเรามีศิลปินที่บินตรงมาเยอะที่สุด
อย่างที่ 2 คือแฟชั่น ถ้านึกถึงสตรีทแฟชั่นในไทยก็ต้องสยามสแควร์ ถ้าญี่ปุ่นก็ต้องฮาราจุกุ เราเลยเกิดไอเดีย ในการที่จะไปเรียนเชิญดีไซน์เนอร์จากญี่ปุ่นค่าย HYPER CORE ก็เป็นสไตล์สตรีทแฟชั่น และอีกค่ายคือ ACDC RAG ที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบน่ารักๆ อีกอันเป็น MORPH8NE ซึ่งอันนี้เป็นค่ายของไทย แต่น้องเป็นดีไซเนอร์ที่เน้นสไตล์ญี่ปุ่น และไม่เคยออกงานแฟชั่นโชว์ที่ไหนเลย แล้วก็มี TROFI by FORT ด้วย ก็จะมีการเดินแฟชั่นโชว์บนถนน เป็นสตรีทแฟชั่นสไตล์ญี่ปุ่น เราจะมีดีไซน์เนอร์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม เป็นญี่ปุ่นกับไทย อันนี้ก็เป็นครั้งแรกในการเดินแฟชั่นโชว์กลางแจ้งบนสตรีทจริงๆ
ส่วนอันสุดท้ายคือ อาร์ตแอนด์ทอย เรามีพันธมิตรที่มางานของเราเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น 8.41 - 8.48 เยอะมาก เต็มไปหมด ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ค่ายดังๆ ไม่ว่าจะเป็นอุลตร้าแมน ชินจัง สุดท้ายคือโซนอาหาร ดองกิจะเป็นผู้นำเข้ามาเลย แล้วก็จะมีอาหารญี่ปุ่นแปลกๆ มาร่วมเป็นบูธอาหาร ถนนเส้นนี้เราจะจำลองให้เป็นเหมือนญี่ปุ่น เหมือนยกญี่ปุ่นมาเลย เราจะมีแลนด์มาร์กที่เป็นโตเกียวทาวเวอร์จำลอง ความสูงประมาณ 10 เมตร เสาโทริอิ และซุ้มโคมไฟญี่ปุ่น จะเป็นแลนด์มาร์ก 3 จุดใหญ่ๆ บนถนนเส้นนี้ งานเฟสติวัลส่วนใหญ่จะจัดในห้าง มันเลยจะมีข้อจำกัดของความสูง แต่อันนี้ความจำกัดของเราค่อนข้างลงตัว
นอกเหนือจากตรงนี้เราก็จะมีไฮไลต์อีกอันหนึ่ง ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น จะเห็นหน้าวัดอาซากุสะ จะมีรถลากญี่ปุ่น เราก็อิมพอร์ตคนลากรถจากญี่ปุ่นมาเลย 5 คน บินตรงจากวัดอาซากุสะมาประเทศไทย เราเอาออริจินัลมาเลย เพราะเราคืองานเจแปนเฟสติวัลของแท้ และไฮไลต์อีกอันคือเรามีการตกแต่งเป็นค่ายโทฟุยะ ค่ายแต่งรถญี่ปุ่น ก็จะจำลองปั๊มน้ำมันสไตล์ญี่ปุ่นของจริง แล้วก็จะมีคอสเพลย์มาเดิน เป็นครั้งแรกของไทยที่จะมีการเดินพาเหรดคอสเพลย์ ประมาณ 150 ชีวิต จะมีการคัดเลือกคนที่แต่งตัวโดดเด่น และจัดเป็นขบวนพาเลทเดินโชว์คนในงานได้ดู”
ประกาศจัดทุกปี
“แน่นอนครับ เราจะจัดทุกปี ซึ่งทางจุฬาฯ PMCU ก็เล็งเห็นว่าเราจะทำต่อไปเรื่อยๆ เลยใช้ชื่องานว่าเป็น SIAM J-SHOW 2024”
เมื่อถามว่า คาดหวังว่างานนี้จะมีอิมแพคในเรื่องอะไรได้บ้าง เจ้าตัวก็เผยว่า...
“มันเป็นเป็นการครอสอีเวนต์กัน ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น จัดในไทยเราเรื่องว่า J-SHOW แต่เร่มีการวางแผนว่าเราจะไปทำ T-SHOW ที่มาจากไทยแลนด์และตี๋ ไปโชว์ที่ญี่ปุ่น ในปีหน้าเราอาจจะไปจัดที่โอซาก้าหรือโตเกียว เพื่อจะเอาความเป็นไทยมูฟไปที่โน่น ก็จะเป็นศิลปินไทยไปมิกซ์กับศิลปินญี่ปุ่น ก็เป็นการร่วมมือกันจัดอีเวนต์แลกเปลี่ยนศิลปะวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นสไตล์แฟชั่น เพลง หรืออาร์ตแอนด์ทอย ก็เป็นอีกอันที่เราวางไว้ เราจะจัดทุกปีครับ แต่ปีนี้ถือเป็นปีแรก และเป็นปีที่เราต้องคิกออฟให้มันดูดี เราตั้งใจกับมันพอสมควรครับ”
ส่วนที่หลายคนมองว่าเจ้าตัวหายหน้าไปเลย หลังถอยออกจากบริษัท TPN ไม่ได้ทำต่อท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ ที่ตามมา ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ยืนยันไม่ได้หายไปไหน
“จริงๆ เราไม่ได้หายไปไหน แค่ไม่ค่อยออกสื่อ ปกติก็จัดคอนเสิร์ตเกาหลีบ้าง แต่ไม่ได้มาแถลงข่าว เพียงแค่งานนี้เป็นงานที่ทางสปอนเซอร์และผู้ร่วมจัด บอกว่ามาออกสื่อหน่อย แต่ไม่ได้หายไปไหนครับอยู่ข้างหลังตลอด แต่ก็ใช้คำว่าคัมแบ็กได้ไม่มีปัญหา มาทุกที งานใหญ่ทุกที”
“ที่ผ่านมาจัดงานเรื่อยๆ จัดงานอีเวนต์ งานกาล่าดินเนอร์ ซึ่งเป็นงานที่ไม่ได้ออกสื่อ งานโฆษณาก็มี แต่เป็นงานสำหรับลูกค้าประจำๆ เท่านั้นเอง ในปีนี้ก็คงมีงานนี้เป็นไฮไลต์ ปีหน้าก็อาจจะมีไฮไลต์อีก 2-3 ตัว รอติดตามแล้วกันว่าจะเป็นอะไร”
ข่าวดรามาที่ผ่านมา ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หายไป
“คืออันนี้ผมคงไม่พาดพิงถึงใคร แต่สังเกตไหมว่างานที่ผมทำออกไป ไม่ว่าจะเป็น Miss Universe 2018 และ Miss Universe Thailand 2019 ผมสร้างผลงานที่เป็นระดับโลกมาแล้ว ฉะนั้นผลงานเป็นตัวตอบ และหลังจากนั้นจะเป็นยังไง อันนี้ผมไม่พูด แต่บอกได้เลยว่าเหรียญมี 3 ด้าน ด้านเขา ด้านผม และด้านความเป็นจริง ฉะนั้นส่วนใหญ่ที่ผมพูด ผมพูดเรื่องความเป็นจริง นี่คือคำตอบที่ดีที่สุด ใครจะมองด้านไหนก็แล้วแต่ แต่คำว่าหายไปเพราะดรามา ไม่หรอกครับ ผมเป็นคนไม่ค่อยอยากลุกขึ้นมาตอบโต้ ผมย้ำว่าผลงานคือตัวพิสูจน์ ทุกคนรู้อยู่ว่าผลงานหรือสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง และมาจากใคร”
ยันคุณภาพงานของตนมีมาตราฐานมาตลอด ดรามาไม่มีผลกระทบกับงาน
“ไม่เกี่ยวเลยครับ ในเมื่อเราเป็นคนสร้างสรรค์ผลงานได้ดีแล้ว เราจะไปกลัวอะไรครับ เพราะงานเป็นตัวสร้างเรา (ลูกค้ามั่นใจเหมือนเดิม?) ก็ดูสิครับ อันนี้เป็นเหรียญด้านที่ 3 คือด้านความเป็นจริง อันนี้ตอบแบบหล่อๆ ถามได้ไม่มีอะไร สังเกตไหมเราไม่เคยลุกมาเป็นข่าวอะไรเลย เพราะเรารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมาแก้ต่างอะไรเลย เพราะความจริงคือความจริง ผลงานคือผลงาน ถ้ามันนั่น...ที่ยืนมันไม่มีหรอก”
ลั่นยังมีที่ยืนเหมือนเดิม
“ไม่อยากใช้คำว่าที่ยืน เพราะเราก็มีจุดเด่นของตัวเองมาตลอด ไม่ได้ไปอะไรใคร เราก็หล่อๆ ของเรา ไม่อยากไปแซะฝั่งโน้น เพราะในใจไม่ได้มีอะไรเลย ไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ไม่อยากโต้ตอบ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องมาอะไรเลย ไม่มีอะไรต้องเคลียร์ และไม่รู้ว่าต้องเคลียร์อะไร (มีไม่สบายใจบ้างไหม?) อะไรที่ทำให้เราไม่สบายใจ เราจะไม่สบายใจเรื่องอะไร ในเมื่องานเราทำออกมาดี ประสบความสำเร็จ เราไม่มีอะไรที่ไม่สบายใจเลย ชัดเจนมากเลย เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปเคลียร์อะไร นักข่าวหลายคนอยากให้คุย ก็ไม่คุย ไม่มีอะไรจะเคลียร์”