xs
xsm
sm
md
lg

“เชน ธนา” พาสื่อบุกคลังสินค้าอมาโด้ ชี้แจงประเด็นข้อพิพาท ไล่ไทม์ไลน์ละเอียดยิบ ขอบคุณเจ้าหนี้ทางการค้า (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (23 พ.ย. 67) นักแสดงและนักธุรกิจหนุ่ม “เชน ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด พร้อมทนาย 2 ท่านนัดสื่อเข้าร่วมฟังการชี้แจงประเด็นข้อพิพาทระหว่าง บริษัท อมาโด้กรุ๊ป จํากัด และ บริษัทคู่กรณี พร้อมร่วมตรวจนับสินค้าที่มีข้อพิพาท จํานวน 4,904,202 ซอง ที่คลังสินค้า บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จํากัด โดยเชนได้ไล่ไทม์ไลน์ละเอียด พร้อมขอบคุณเจ้าหนี้ทางการค้าที่เข้าใจสถานการณ์และเชื่อมั่น วันนี้ได้บทเรียนจะแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถ พร้อมยืนยันไม่มีเจตนาฉ้อโกง  

เชน : “ก่อนอื่นขอขอบพระคุณพี่ๆ สื่อมวลชน ที่เสียสละเวลามาฟังข้อเท็จจริง วันนี้ขอพูดในฐานะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไม่ใช่ในฐานะส่วนตัว ผมเกิดจากพี่ๆ สื่อสนับสนุนผมมาตลอด เราอยู่ในเหตุการณ์สำคัญของชีวิตมาตลอด ผมก็ไม่ได้อยากเจอพี่ๆ สื่อในเหตุการณ์แบบนี้

วันนี้ในฐานะส่วนตัว ผมจะพยายามตอบเท่าที่ตอบได้ แต่วันนี้อยากเน้นเรื่องฐานะของบริษัทเป็นหลัก เพราะหลังจากมีเรื่องของสื่อ ข้อมูลต่างๆ บริษัทได้รับความเสียหาย มีผลกระทบพอสมควร รวมถึงความมั่นใจในส่วนคู่ค้า วันนี้จะค่อยๆ ไล่เรียงไปทีละประเด็น”

ไล่ไทม์ไลน์ละเอียดยิบ สั่งสินค้าเยอะ ไม่ใช่เพื่อลดแลกแจกแถม ไม่มีเจตนาฉ้อโกง
เชน : “สิ่งสำคัญในเรื่องนี้ คือเรื่องใบสั่งซื้อสินค้า ถ้าฟังจากข้อมูลทางสื่อจะเข้าใจว่าผมนำสินค้า เรียกสินค้าเข้าเยอะๆ แล้วนำไปลดแลกแจกแถม และมีการจำหน่ายไปหมดแล้ว นำเงินไปใช้ในบริษัทแล้ว วันนี้มีข้อเท็จจริง ผมจะเท้าความไปถึงใบสั่งซื้อสินค้าครั้งที่ 1 จริงๆ มีตัวเลขที่ไม่ค่อยโผล่ในข้อมูลที่ถูกกล่าวในสื่อ คือตัวเลข 3.2 ล้านซอง จริงๆ ไม่ใช่แค่ 4.5 ล้านพีโอเดียว ซึ่งครั้งที่หนึ่ง ผมชำระค่าสินค้าไปหมดแล้ว เป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ยาวมาถึงพีโอที่สอง ที่เป็นข้อพิพาท จำนวน 4.5 ล้านซอง ซึ่งมีข้อมูลว่าผมเรียกเข้ามา มีการจำหน่ายและไม่จ่ายเงินหรือไม่

ในข้อเท็จจริง 4.5 ล้านซอง ผมก็ชำระเงินไปแล้วกว่า 6 ล้านบาท ซึ่งในความเข้าใจในฐานะบริษัท สินค้าที่จำหน่ายในพีโอที่สองด้วยจำนวนในคลังสินค้า เรามีการชำระค่าสินค้าไปแล้ว ในส่วนที่เราขายออกไป มันเลยเป็นที่มาว่าทำไมประธานของการแถลงวันนี้ ถึงมีตัวเลข 4.9 ล้านซองโผล่ขึ้นมา นั่นหมายถึงว่า สินค้าในมือผม มีมากกว่าพีโอที่สองด้วยซ้ำ

ในเชิงของการซื้อขาย ผมไม่ได้มีเจตนาขายของแล้วไม่จ่ายเงิน ตัวที่ผมขายไปแล้วในเชิงบริษัทที่มีการยื่นภาษีซื้อขาย ใบสั่งซื้อตามกฎหมาย เราชำระเงินที่ถูกจำหน่ายออกไปแล้ว นี่คือประเด็นแรก นี่คือหลักฐานว่าเรามียอดซื้อขายจริง

ประเด็นใหญ่คือมีคำถามว่าทำไมสั่งซื้อเยอะจัง หรือทำไมต้องสั่งครั้งที่สอง ทั้งที่ครั้งที่หนึ่งยังไม่ได้ขาย หรือมีประเด็นเรื่องการโฆษณาอนุญาตอาหาร ผมไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง อยากให้คนตั้งข้อสงสัยลองดูเหตุการณ์นี้ เหตุการณ์สั่งซื้อครั้งที่สอง ต้องเท้าความว่าการสั่งซื้อครั้งแรกของผม 3 ล้านซอง มันเริ่มต้นวันที่ 13 พ.ย. ปี 2563 ซึ่ง ณ วันที่เราตัดสินใจซื้อจากข้อเสนอว่าสินค้านี้พูดได้ตามพรรณนาต่างๆ ที่สุดท้ายผมพูดไม่ได้

ผมตัดสินใจสั่งซื้อที่ 7.5 แสนซอง โดยมีสาระสำคัญว่าข้อมูลคร่าวๆ ที่ยังไม่ได้ทำเป็นสัญญาจริงๆ จังๆ เพราะเป็นรุ่นพี่ในคลาสเรียน สมมติเราเป็นศิลปิน รุ่นพี่ก็คือรุ่นพี่ ในแง่ธุรกิจ บริษัทคู่กรณีก็มีอายุยาวนานมากว่า 30 ปี มีชื่อเสียงมายาวนาน เราก็นับว่าเป็นบริษัทรุ่นพี่ พอ 7.5 แสนซอง มีการเปิดการสั่งซื้อปุ๊บความเข้าใจคือต้นปีสินค้าต้องเข้าแล้ว อย่างเช่น ม.ค. ก.พ. ต้องเข้าแล้ว แต่ว่าระหว่างนั้นมีการแจ้งการปรับแผนการส่งผ่านแอปฯ ไลน์สูงถึง 4 ครั้ง โดยมีนัยยะอะไรกับบริษัทผม มี เพราะว่าผมจองสื่อโฆษณาเอาไว้มหาศาล ทั้งตึกโฆษณาที่พระราม 9 สื่อทีวีที่พี่ๆ ทราบดีว่าปี 64 ผมมีการเหมาสัมปทาน หรือซื้อสื่อชนิดการขายของผ่านทีวีที่เป็นมูลค่าที่สูง เราเลยเริ่มกังวลในผลกระทบกับอมาโด้กรุ๊ป ว่ามีปัญหาแน่นอน เพราะเราแพลนสื่อไว้หมดแล้ว ว่าการสั่งของมาขายในทีวี เราก็ต้องมีของพร้อมส่งให้ลูกค้า ไม่ใช่ขายแล้ว พอไม่มีจะมีประเด็นร้องเรียนผู้บริโภคอีก

เราก็เลยตัดสินใจว่าถ้ามันไม่ใช่ 90 วันแน่ๆ แล้ว จากภาพรวมจนถึงก.พ. ล่วงเลยมาตั้งแต่ พ.ย. ผมมั่นใจว่า 3 เดือนผมยังไม่ได้ของสักกล่องหรือสักซอง เลยทำให้ผมต้องตัดสินใจเพิ่มจำนวนในครั้งแรก เลยเป็นที่มาพีโอแรกคือ 3 แสนซอง ซึ่งยอมรับว่ามีข้อเสนอในเรื่องการสั่งซื้อขั้นต่ำเพื่อลดต้นทุนลง เลยรับข้อเสนอนี้ว่า งั้นบริษัทจะสั่ง 3 ล้านซองเพื่อประหยัดต้นทุนลงมาด้วย จนมาถึงวันที่ 1 มี.ค. ล่วงเลยมา 4 เดือนกว่า ผมเพิ่งได้สินค้าซองแรก 1 มี.ค.ผมเกิดความเสียหายแล้ว เพราะดูภาพหลักฐานการสั่งซื้อป้ายโฆษณาที่เราจองเพื่อสินค้าตัวนี้ที่พระราม 9 เรามีการเซ็นสัญญาเพื่อสินค้าตัวนี้ 15 ก.พ. 64 - 14 ก.พ. 65 ฉะนั้นต้นทุนผมเดินตั้งแต่ 14 ก.พ. แล้ว แต่ทำไมถึงยังขึ้นไม่ได้ ผมเข้าใจว่าในธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มีทั้งประเภทที่ไม่ขอโฆษณาอนุญาตอาหาร แต่ของเรา เรามีกรรมการ มีผู้ถือหุ้น มีออดิดของเราว่าต้องขอโฆษณาอนุญาตอาหารก่อนจำหน่ายเสมอ ไม่งั้นเรามีปัญหาเรื่องกฎหมายตามมา

จนมาถึง 1 มี.ค. ผมได้รับสินค้า 8.5 หมื่นซองเท่านั้น อยู่ประมาณ 5,600 กว่ากล่อง โดยวันที่ 3 มี.ค. ผมเริ่มไลฟ์ผ่านแอปฯ เฟซบุ๊กสองช่องทาง วันนี้ขอยืนยันว่าบริษัทอมาโด้กรุ๊ป เราผ่านมรสุมข้อครหาเรื่องธุรกิจการตลาดแบบตรงหรือไม่ หรือตัวแทนหรือไม่ เราผ่านปี 61 มาแล้ว บริษัทเราเองมีตัวแทนเพียง 10 ท่าน ที่ไม่ได้มีทีม เป็นเพียงคนซื้อของขาดไปและนำไปขายผ่านแอปฯ ไม่มีโครงสร้างเครือข่ายหรือข้อครหาที่อาจมีการตั้งคำถามมา เป็นเพียงผู้จำหน่าย 10 คนที่นำไปขายต่อเลยถึงลูกค้าปลีก

สองช่องทางนี้ ปลีกก็มีการจองและโอนเงินมาบ้าง ช่องทางจำหน่ายก็มีการจองซื้อขายกันปกติอยู่แล้ว สั่งกันมา ณ วันนั้นตัวเลขที่จองกันมาตัวเลขร่วมแสนกว่าซองหรือเกือบ 2 แสนซอง ตัวเลขคร่าวๆ แต่ในเชิงระบบสุดท้ายมีการเรียกคืนสินค้า เลยทำให้มีการยกเลิกบิล แต่ตัวเลข ณ วันนั้นประมาณหมื่นกว่ากล่องนั่นแหละ ทำให้มียอดจองที่สูงกว่าสินค้าที่พร้อมจำหน่าย แปลว่าผมก็ต้องเดือดร้อนในแง่ฐานะผู้บริหารว่าผมไม่สามารถจัดเตรียมสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการได้ ณ วันนั้น เลยเป็นที่มาว่าผมจึงสั่งซื้อสินค้าครั้งที่สองในระยะเวลาร่วม 1 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดบิลแรก

ไม่ใช่คำถามที่บอกว่าขายหลอกลวงขายพีโอหนึ่งจนตายใจ แล้วไปหลอกเปิดพีโอสอง บนนี้จะเห็นเลยว่าจากหลักฐานที่เป็นของบริษัทเอง ภายในระยะเวลาแค่เพียงอาทิตย์เดียว จากที่สินค้าไม่พอ จากพฤติการณ์ที่มีการปรับแผนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง ผมคำนวณโดยระบบบริหารการจัดการคลังสินค้าของเรา มันไม่พอ และจากจำนวนที่มีการจองเข้ามา และสถิติที่เราขายผ่านทีวี มีความเป็นไปได้ที่ผมจะขายได้สูงถึงเดือนละ 3 หมื่นกล่องเป็นขั้นต่ำ หรือประมาณ 4.5 แสนซอง ตัวเลขเลยเป็นที่มาว่าบริษัทเราคำนวณแล้วว่า 3 ล้านซองน่าจะอยู่ได้ถึงกลางปีเท่านั้น จึงมีเหตุว่าด้วยพฤติการณ์ส่งช้าส่งเลื่อนมีการปรับแผน ล็อตสองผมน่าจะได้ช่วงไตรมาสที่สาม หรือไตรมาสที่สี่เลย เพื่อเพียงพอกับสื่อตัวตึกเมื่อกี้ ที่เราลงทุนการตลาดสำหรับงบการตลาดสินค้าตัวนี้ไปแล้ว ยาวถึง 14 ก.พ. 65”

เกิดความเดือดร้อน เพราะการส่งของที่ไม่เป็นไปตามแผน ต้องขายสินค้าในราคาถูกลงเพราะของใกล้หมดอายุ
เชน : “หลักฐานที่ผมยื่นไปในสำนวน ผมเกิดความเดือดร้อน เพราะผู้บริโภคมียอดจองเกิน ผมเลยแพลนเลยจากแผนส่งของเขาที่ขยับมา จะเห็นว่าแผนส่งในล็อตแรกยาวนานไปถึงมิ.ย.ด้วยซ้ำ ฉะนั้นผมมีปัญหาในการบริหารแล้ว นี่คือเจตนาที่จะชี้ว่าผมไม่ได้มีเจตนาล่อลวงหรือทุจริต หรือฉ้อโกง เพราะเราพยายามบอกว่าเราแก้ปัญหาให้ลูกค้าของเราที่มีความไว้ใจต่อบริษัท เขามีบอกเร่งให้นะครับ ซอรี่ มีอีกข้อมูลบอกว่าผมเร่งเรียกของเข้าใหญ่เลยแบบผิดปกติ ผมก็ชี้แจงในสำนวน ข้อมูลแรกมาจากพนักงานบริษัทคู่กรณี ส่งอีเมล์มาถามว่าในล็อตที่สองจะรับสินค้าเข้าเมื่อไหร่

ซึ่งเห็นเลยว่าที่แจ้งมาคือ ก.พ. ปีถัดไป แท้จริงแล้วเราเปิดสัญญาซื้อขายฉบับที่สองคือวันที่ 9 มี.ค.64 โดยพฤติการณ์ต้องส่งของภายใน 90-150 วัน หรือไม่ อันนี้แล้วแต่ตกลงในแต่ละรอบ เราก็อะลุ่มอล่วยคุยกันในฐานะคู่ค้า จริงๆ แล้วต้องส่ง 1 มิ.ย. 64 หรือไม่ หรือจะเลทกว่านั้นอีก 90 วัน ก็อยู่ประมาณเดือน 8 แต่ทำไมถึงล่วงเลยมาตั้งแต่ 9 มี.ค. 64 แล้วเริ่มส่งของมาถึงปีนี้ได้

นี่เป็นการชี้ว่าผมมีข้อพิพาทจริงเรื่องตัวสรรพคุณสินค้า แล้วตัวเราเอง บริษัทของผม ก็มีการโต้ตอบกลับไปผ่านอิเล็กทรอนิกส์ อีเมล์ ว่าสามารถเลื่อนการผลิตได้ไกลที่สุดประมาณเดือนไหน ไม่ใช่เจตนาเอาของมาเลย จะลดแลกแจกแถม วันที่ผมมีการขายในราคาต่ำ เพราะสินค้าใกล้หมดอายุ เพราะล่วงเลยมาร่วม 18 เดือน วันที่ผมมีการขายต่ำ เหมือนพี่ๆ เดินไปที่ซูเปอร์มาเก็ต มีการขายเค้ก แล้วเค้กหมดอายุ 18.00 วันนี้ มันก็เป็นเรื่องพิจารณาในเชิงบริษัทว่าในบ่าย 3 เราจะขายในราคาต่ำ แต่การประกอบธุรกิจผมมั่นใจว่าผมก็มีการสอบถามข้อมูลตลอด เพราะ ณ วันนั้นเรามีผู้ถือหุ้น มีกรรมการบริหาร มีสำนักงานตรวจสอบบัญชีต่างๆ ผมต้องดีแคร์หมด วิธีการบริหารของผมเหมือนกันในปีนั้นๆ

จนยาวมาถึง ข้อที่ 3 อันนี้ขอไม่ลงลึก เพราะมันเลยเรื่องจุดพรรณนามาส่วนนึงแล้ว มันเป็นเรื่องสัญญาซื้อขาย แต่เหตุของสินค้าไม่ตรงกับสรรพคุณที่เสนอขาย หนึ่งผมไม่สามารถพรรณนาได้ตามสรรพคุณที่มาเสนอขาย เช่น ผมจะขายขาตั้งไมค์ผมก็พูดได้แค่ว่า อยากให้ทุกคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารหลากหลาย ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอเป็นสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น โทร.มาเลยครับ นี่คือสิ่งที่ผมเจอจริงๆ ผมก็มีฟีดแบ็กไปตลอดว่าช่วยทำให้เป็นเหมือนพรีเซนเทชั่นที่เรามั่นใจจากบริษัทที่มีความยาวนานมา และตัดสินใจซื้อ ยอมรับว่าต้นทุนก็สุงกว่าแบรนด์ที่เข้ามาเป็นแคนดิเดตในยุคนั้นด้วย”

ไม่สามารถพูดคำว่า 3 เลเยอร์ จนเกิดข้อพิพาท สินค้าไม่ตรงกับสรรพคุณ วันนี้มีบทเรียน จะแก้ไขสุดความสามารถ
เชน : “มีประเด็นเรื่องนี้ที่ผมติดใจมากๆ คือ ณ วันที่มีข้อมูลเชิงอิเล็กทรอนิกส์บางอันยืนยันว่าเป็น 3 เลเยอร์ ซึ่งผมไม่ได้เพิ่มข้อมูลนี้เข้าไปในสารบบนะครับ ผมเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่ผมมี เป็นทางนั้นแจ้งมาเป็นคนแรกว่า 3 เลเยอร์ แต่ท้ายที่สุดเราไม่สามารถพูดคำว่า 3 เลเยอร์ได้ คล้ายๆ เรากินยาแก้ปวด เม็ดยา 3 ชั้นหรือร่ม 3 อัน แต่วันนึงเราได้รับข้อเท็จจริงว่ามันคือ 2 ชั้น แต่ความเสียหายมันเกิดอะไรแล้ว อะไรที่เคยเป็นสถิติว่า 90 เปอร์เซ็นต์จาก 3 ชั้น เมื่อเหลือ 2 ชั้นก็ต้องเหลือ 60 เปอร์เซ็นต์ หายไปหนึ่งในสาม และไม่สามารถพรรณนาได้ ก็เลยเกิดประเด็นข้อพิพาทเรื่องสินค้าไม่ตรงกับสรรพคุณ

ทีนี้มีข้อรุนแรงที่เกิดความเสียหายและต้องเลื่อนการจำหน่าย เพราะฉลากอาหารที่ผมเอง ขอกราบอภัยส่วนตัว วันนั้นในฐานะส่วนตัวผมมีความกดดันและผมได้รับบทเรียนจากสังคมแล้ว คือวันนั้นผมแค่คิดว่าในเมื่อบริษัทสองบริษัทตกลงกันไม่ได้ เลยไปขออำนาจศาลช่วยพิเคราะห์พิจารณา แต่พอมีเรื่องของการเอาข้อมูลที่อยู่ในชั้นศาล มีเรื่องอาญาเข้ามาแล้วไปออกสื่อ ผมเองก็จะมีภาพรวมที่ต้องดูแลอีกส่วนนึง ผมเองก็อาจมีวุฒิภาวะที่ไม่เหมาะสม ซึ่งวันนี้ผมมีบทเรียนแล้ว ผมพยายามเร่งแก้ไขปัญหาอย่างสุดความสามารถ”

แจงครหาสังคม ใครผลิตกล่อง!
เชน : “มีประเด็นที่ผมทำไม่ได้นอกจากขอโฆษณาอนุญาตอาหาร คือเรื่องฉลากอาหารหรือกล่อง ที่มีคำถามว่าสรุปใครผลิต ในธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ถ้าผมยืนกรานตั้งแต่แรกเลยว่าอมาโด้จะไม่ยุ่งกับกล่องเลยนะ โรงงานหรือผู้นำเข้าเป็นผู้ผลิตนะ เป็นผู้ขอฉลากอาหารนะ ผมก็มีสิทธิ์พึงทำได้ เพราะบางโรงงานก็เป็นคนทำกล่องให้ ขอหลักฐานโภชนาการให้ เพียงแต่ว่ามีเรื่องของการลงทุนทางลิขสิทธิ์ที่เราก็ลงการตลาดไปให้เหมือนกัน เราก็เลยบอกว่างั้นกล่องเราขอผลิต แต่สาระสำคัญมีข้อมูลที่ทำให้เกิดความเสียหาย คือกล่องผิดฉลากอาหาร ฉะนั้นมีข้อนึงว่าถ้าผู้จำหน่าย ยังขายกล่องที่ผิดฉลากอาหาร จะต้องโทษจำคุกหรือปรับไม่เกิน 1 แสน และต้องจัดการภายใน 30 วัน ผมจึงเรียกสินค้าทั่วประเทศจริงๆ คือตัวแทนจำหน่ายผมทั่วประเทศมีแค่ 10 คน บางคนอยู่ขอนแก่น บางคนอยู่เชียงใหม่ผมเลยใช้คำว่าทั่วประเทศนะครับ เลยเรียกหมื่นกว่ากล่องนั้นคืนมา แล้วมีการแก้ไขเรื่องกล่อง เลยทำให้การขายล่าช้า

ทีนี้เลยเป็นเรื่องระบบการตรวจสอบภายในบริษัท เมื่อมีความผิดในเรื่องความเสี่ยงที่จะผิดกฎหมาย เราเลยมีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และปฏิบัติตามเรื่อง ฆอ. มีการขอโฆษณาอนุญาตอาหารแบบมีนัยยะและมีสถิติที่ผิดปกติในช่วงมีประเด็นพิพาทตั้งแต่ผมตัดสินใจซื้อสินค้าล็อตที่ 2 ไม่ใช่ว่ามีการล่อลวงไม่ทำอะไรเลย แล้วเอาของมาอีก 4.5 ล้าน เรามีออดิดภายในว่าก่อนจำหน่ายเราต้องขอโฆษณาอนุญาตอาหาร / 2563 ในปีนั้นให้ได้ก่อน พอขอมามีสาระสำคัญหลายอันที่ไม่ผ่าน เราเลยชี้แจงไปทางคู่กรณีว่าทำให้ผ่านตามพรีเซนเทชั่นที่คุณเสนอได้ไหม เพราะเราตัดสินใจซื้อจากอันนี้ ซึ่งข้อมูลที่เขายืนยันว่าจะเร่งส่งผลวิจัย และหลักฐานทำให้พูดได้ว่า 3 ชั้น หรือพรรณนาต่างๆ เราก็รอเวลา จนจับมือกันไปยื่นช่วงก.พ. 64 ที่เราเริ่มมีความเสียหายเกิดขึ้นจากการที่เรามีการซื้อป้ายโฆษณาและสื่อทีวีแล้ว

การส่งโฆษณาอนุญาตอาหารครั้งที่สอง ล้มเหลว พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี จนมาเดตไลน์ 29 มี.ค. มีข้อสรุปจากสำนักงาน อย.ว่ากล่องคุณผิดนะ ขายไม่ได้นะ สอดคล้องกับกองเซ็นเซอร์หลายๆ ช่อง ไม่อนุญาตให้เอากล่องไปวางในสื่อที่ผมซื้อเอาไว้แล้ว นั่นหมายถึงว่าหนักกว่าขาไมค์อันนี้อีก กลายเป็นว่าผมขายขาไมค์โดยไม่ให้เห็นขาไมค์ แล้วซื้อสื่อไปแล้วเพื่อตัวนี้ ฉะนั้นในแง่ฐานะบริษัท ผมก็เกิดความเสียหาย

แต่ด้วยมิตรภาพคู่ค้า ก็มีการพูดคุยร่วมกันเชื่อว่าเราจะแก้ไขปัญหาได้ในเรื่องพรรณนา เราเลยตั้งใจแก้ไขปัญหาก่อน โดยต้นทุนที่เกิดความเสียหายไปแล้ว ผมเลยไฟนอลในช่วงต้นเม.ย.ปี 64 ว่า งั้นบริษัทขอโฆษณาอนุญาตอาหารที่สามารถนำไปทำมาหากินก่อนได้ไหม เพราะสินค้าเริ่มเกิดการไหลของอายุแล้ว มันมีอายุผลิตภัณฑ์ จนเม.ย. เราพูดคุยกัน ไปมีการเข้าไปพบเจ้าหน้าที่กองอาหารเรื่อยๆ ก็มีความล้มเหลวในเรื่องของ 3 ชั้น มีความล้มเหลวเรื่องข้อมูลพรรณนา จนคู่กรณีเป็นผู้ไปยื่นให้เอง ส.ค. 64 แต่ผลลัพธ์ก็ล้มเหลวครับ พูดอะไรไม่ได้ตามสไลด์ จนครั้งสุดท้ายยาวนานมาถึงไตรมาสที่สองของปี 65 เลย ซึ่งไตรมาสที่ 2 เริ่มเข้าสู่พีโอที่สองแล้ว

ท้ายที่สุดเราจึงเกิดข้อพิพาทกันว่า เราคุยกันมาตลอด 18 เดือน โดยแอปฯ ไลน์ แต่ด้วยมิตรภาพที่วันนี้เขาอาจบอกว่าเขาไม่ได้สนิทกับผม แต่ผมมองว่าเขาเป็นรุ่นพี่ เราก็มีการช่วยกันแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ปี 65 บริษัทผมมีปัญหาภายใน จากเรื่องความเสียหายจากวิกฤตโควิด หรือการซื้อสื่อโฆษณาที่มีในมือค่อนข้างเยอะ ทำให้ผมหมดความสามารถในการคุยหรือการเจรจากับเขา ในแง่ฐานะบริษัทจึงมีซีเอฟโอท่านใหม่เข้ามาดูปัญหาภายในบริษัทผมว่ามันผิดที่ตรงไหน ผมบริหารผิดพลาดหรือว่ามีการตัดสินใจอะไรตรงไหนบ้าง ซึ่งท้ายที่สุดมีนโยบายว่าเราไม่สามารถเอากำไรหรือรายได้จากสินค้าอื่นในคู่ค้าอื่น มาชำระในพีโอที่สองได้ จึงเกิดการเจรจาเกิดขึ้น”

ทนาย : “หลังจากคุณเชน หรืออมาโด้ได้เข้าไปเจรจา สุดท้ายผลไม่สามารถคุยกันได้ หลังเจรจาเมื่อ 8 ส.ค. ทางฝั่งคู่กรณีมีหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้มาที่บริษัท ฉะนั้นบริษัทก็ต้องมีหนังสือตอบกลับไปเพื่อให้คู่กรณีดำเนินการตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ แต่พอถึงกำหนดภายในเวลา คู่กรณีก็ไม่สามารถดำเนินการตามที่ตกลงสัญญาได้ ทางเราเองก็เลยมีหนังสือโนติสครั้งที่สอง วันที่ 24 ส.ค.ครั้งนึง แต่สุดท้ายในเวลาที่กำหนด ก็ไม่สามารถตกลงกันได้เหมือนเดิม บริษัทอมาโด้เลยต้องใช้สิทธิทางศาล เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ศาลตัดสินว่าผิดสัญญาหรือไม่อย่างไร ระหว่างนี้ก็ได้อยู่ระหว่างพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ ซึ่งทุกอย่างก็รอพร้อมส่งมอบคืน หรือถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้บริษัทอมาโด้ชำระเงิน ทางอมาโด้ก็อาจน้อมรับคำตัดสินของศาล”

ทนาย 2 : “หากดูตามความสัมพันธ์ ข้อตกลง ข้อมูลต่างๆ ที่ทางคุณเชนได้ชี้แจงไปแล้วเบื้องต้น ไม่ว่าตอบกลับหนังสือ ทวงถาม หรือเสนอคืนสินค้า หรือดำเนินการให้คู่กรณีมีการปรับปรุงแก้ไข และมีเอกสารอื่นที่เปิดเผยไม่ได้ เรื่องนี้เป็นการผิดสัญญาซื้อขายทางแพ่ง โอเคคุณเชนมีการยอมรับว่ามีการสั่งซื้อสินค้าจริง มีการรับสินค้าจริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีข้อโต้แย้งว่าสินค้าที่มีการจัดส่งดังกล่าวถูกต้องตามคำพรรณนาหรือสรรพคุณหรือไม่อย่างไร แต่ไม่ว่าข้อโต้แย้งนี้ต่อให้มีหรือไม่มี หรือมีข้อโต้แย้ง แต่รับฟังไม่ได้ ก็เป็นเรื่องสัญญาทางแพ่ง ไม่ใช่เรื่องฉ้อโกงครับ”

ขอบคุณเจ้าหนี้ทางการค้าทุกคนที่เข้าใจสถานการณ์ และยังเชื่อมั่นตน
เชน : “วันนี้ผมยอมรับว่าในฐานะกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังไม่ใช่ในฐานะส่วนตัว บริษัทได้รับผลกระทบชัดเจน เพราะมีการไถ่ถามถึงคู่ค้า ก็มีตามข่าว มีเรื่องการติดชำระหนี้หรือไม่ วันนี้แนวทางการดำเนินการของบริษัท ผมเข้าใจว่าในเรื่องของสื่อหรือคำถามจากสังคม มันมีเรื่องของฐานะส่วนตัวส่วนนึง วันนี้ผมจะพยายามตอบเท่าที่ตอบได้ โดยไม่ล่วงละเมิดข้อมูลบางข้อมูล บริษัทก็ขอขอบคุณจากหัวใจ ผมมาในฐานะบริษัท เพราะผมต้องปกป้องพนักงาน ผมขอบคุณคู่ค้าและขอบคุณเจ้าหนี้ทางการค้าทุกท่านที่เข้าใจสถานการณ์ของบริษัท เพราะวันนี้มีความต่างสองอัน คือพยายามชี้นำหรือไม่ว่าเป็นเจ้าหนี้หรือผู้เสียหาย ในมุมผม ผมยืนยันว่าเกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหนี้ที่ยังอยู่ในดีลชำระและบางหนี้ยังไม่ถึงดีลชำระ บริษัทมีเครดิตพึงจะได้จากการทำธุรกิจมานานร่วม 10 ปี

วันนี้เมื่อเกิดการตระหนกจากข่าวว่าเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายหรือไม่ ในหนี้ที่ยังไม่ถึงดีลชำระ หรือหนี้ที่ถูกจัดสรรแล้ว ผมเข้าใจว่ามีความกังวล วันนี้ผมจะรักษาสถานภาพบริษัทให้เต็มที่ วันนี้ผมยังบริหารอยู่ เรื่องเจ้าหนี้เราติดต่อไกล่เกลี่ยมาสักพัก วันนี้อาจมีคำถามว่าผู้เสียหายออกมา ผมก็แก้ไขปัญหามาเป็นระยะเวลาช่วงนึงแล้ว มีจริงอาจผิดใจกัน พูดคุยกันแก้ปัญหาอย่างสุจริต แต่เคสบริษัทที่เป็นคู่กรณี ผมเองก็มีความเสียหาย เข้าใจว่าสังคมมีคำถามเยอะมาก แต่วันนี้ผมมาในฐานะบริษัทที่ได้รับความเสียหาย ท้ายที่สุดเราแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง วันนี้อยากฝากถึงคู่ค้าและทุกๆ คนว่าขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นในตัวผม แม้วันข้างหน้าผมไม่แน่ใจว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้น คุมได้หรือไม่ได้ แต่ตัวผมเองจะทำให้ดีที่สุดในโอกาสที่ผมยังได้บริหารอยู่ตรงนี้ อยากให้มั่นใจว่าวันนี้เป็นเรื่องของบริษัทสองบริษัทที่หาข้อตกลงไม่ได้ แล้วเราเลยฝากอำนาจศาลให้ช่วยพิจารณา ไม่ใช่บริษัทกับสังคม”

ทนาย : “คุณเชนเป็นคนฟ้องคู่กรณีว่าคู่กรณีผิดสัญญา เพราะส่งมอบสินค้าไม่ตรงกับที่พรรณนาไว้ สอดคล้องกับที่คุณเชนได้ชี้แจงมาตลอดว่ามีการตกลงตามนี้ แต่สุดท้ายไม่เป็นไปตามที่พรรรณนา ศาลเองตัดสินว่าให้ฝ่ายคู่กรณีชนะคดี แต่ในประเด็นที่ศาลตัดสินคือประเด็นผิดสัญญาหรือไม่อย่างไร ตอนนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาคดีอุทธรณ์ ถ้าศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้คู่กรณีชนะคดี คุณเชนก็น้อมรับคำตัดสินของศาล แต่ถ้าศาลพิพากษาให้คุณเชนชนะคดี คู่กรณีก็อาจมารับมอบสินค้าคืนหรือชำระเงินค่าเสียหาย”



















กำลังโหลดความคิดเห็น