เบื้องหลังชีวิตที่น่าอิจฉาของ “เชน ธนา” แลกมาด้วย…!?

ใครที่บอกว่าคุกมีไว้ขังคนจน ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะช่วงหลังๆ มานี้ คุกมีไว้ขังคนดังในวงการบันเทิง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ไล่มาตั้งแต่ พิ้งกี้ สาวิกา, ใบเตย อาร์สยาม, ดีเจแมน พัฒนพล, มิน พีชญา, กันต์ กันตถาวร, แซม ยุรนันท์ ขณะที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ยังต้องลุ้นว่าจะโดนเข้าซังเตด้วยหรือไม่

ยังไม่ทันได้หยุดหายใจ รายล่าสุดก็โผล่มา “เชน ธนา ลิมปยารยะ”อดีตนักร้องบอยแบนด์ Nice 2 Meet U ที่ผันตัวเป็นนักธุรกิจพันล้านจากการขายสินค้าในเครือ “อมาโด้”เป็นอีกหนึ่งราย ที่ต้องลุ้นว่าชีวิตจะเหยียบคุกด้วยหรือไม่ หลังถูกคู่กรณี “ไทยยินตัน” แจ้งความฉ้อโกงเงิน 79 ล้าน ทำเจ้าตัวร่ำไห้น้ำตาแตก

ที่ผ่านมา ภาพที่ออกสื่อ อาจเห็นแค่มุมที่ประสบความสำเร็จจนน่าอิจฉา เป็นนักธุรกิจรวยพันล้าน มีคฤหาสน์หรูหราราคา 200 ล้าน แต่ชีวิตจริงของ “เชน ธนา” ก็ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน มีขึ้นมีลง มีร่ำรวย มีหนี้สิน มีประสบความสำเร็จ และเคยท้อถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตายก็เคยมาแล้ว!



เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ตั้งวงศ์ตระกูลใหม่ เสริมบารมีเรื่องเงินทอง
เชน ธนา เปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ เป็น “ธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์” เพราะเชื่อว่าบวกลบตัวเลขแล้วลงตัวเสริมเรื่องบารมีเงินทอง รวมถึงอยากตั้งต้นวงศ์ตระกูลใหม่ เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวเจออุปสรรคมาเยอะกว่าจะมีวันนี้

เชน เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงจากการเป็น นักร้องบอยแบนด์ วง Nice 2 Meet U มีเพลงดังคือ ใจเกเร และ LOVE การันตี ก่อนต่อมาวงแตก ได้เป็นศิลปินเดี่ยว มีผลงานเพลง ละคร รวมทั้งงานพิธีกร ความสามารถโดดเด่นและหลากหลาย แต่สิ่งที่ทำให้คนในโซเชียลสนใจ คือภาพลักษณ์นักธุรกิจไฟแรง ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเป็นพันล้านจากการทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

แบกหนี้ 5 ล้านในวัย 19 ปี จนอยากตาย!
เชนมีเลือดนักธุรกิจอยู่แล้วเต็มตัว เพราะครอบครัวเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ภายหลังได้เข้ามาเป็นนักร้อง ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ มีเงินประมาณ 5 แสน ฉายแววซีอีโอมาตั้งแต่เรียนจบแล้ว เจ้าตัวก็นำเงินไปลงทุนเปิดร้านกิ๊ฟช็อปชื่อ “ซอลมุนปัง” ที่สยามสแควร์ ซอย 2 ก่อนต้องปิดหน้าร้านเป็นเดือนเพราะอุปสรรคทางการเมือง สุดท้ายร้านก็เจ๊ง

ต่อมา เชน ได้ไปเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่ห้างแพลตตินั่ม ประตูน้ำ ขายเสื้อผ้าแฟชั่น ออกแบบ และส่งตัดเอง จากที่กำลังขายดี แต่แค่เพียงปีเดียวธุรกิจก็เจ๊งอีกรอบ เพราะเหตุการณ์บ้านเมืองที่ไม่สงบ มีการปิดราชประสงค์ จนกระทบกับยอดขาย เชนชีวิตล้มไม่เป็นท่า แบกหนี้ 5 ล้านในวัย 19 ปี

ไม่นานวง Nice 2 Meet U ก็แตก เชนทั้งดาวน์และท้อมาก ทางรอดเดียวคือออกอัลบั้มเดี่ยวเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ แต่ก็โดนดูถูก ตอนนั้นเจ้าตัวคิดว่าตายดีกว่า ทำให้ไปเที่ยวทุกคืน ไม่เอาอะไรแล้ว ขึ้นเครื่องบินก็ภาวนาให้เครื่องบินตก ขับรถก็ภาวนาให้รถข้างๆ แฉลบมาโดน ไม่อยากฆ่าตัวตายเองเพราะรู้ว่าบาปกรรม แม้ปิดหน้าร้านแต่ต้องจ่ายค่าเช่าเพื่อไม่ให้โดนฟ้อง เชนตัดใจโทรหา “โฟร์ ศกลรัตน์” เพื่อนคนแรกในวงการ เพื่อยืมเงิน 7 หมื่น โฟร์โอนให้เลยทันที เชนเกรงใจ เพราะตัวเองคืนเงินให้ช้ามากๆ

โอกาสใหม่ๆ ก่อนชีวิตพลิกรวยพันล้านเพราะ “อมาโด้”
เชนไม่ยอมแพ้กับชะตา นำเข้าตุ๊กตาและแบดสำรอง จนยอดขายดีมากๆ ก่อนผันตัวมาทำงานประจำ ในปี 2552-2554 โดยเป็นพนักงานฝ่ายการตลาด บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด และปี 2554-2557 เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท วุฒิศักดิ์ คอสเมติก จำกัด ก่อนเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนในปี 57 ได้เปิดบริษัทเองคือ “บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด” ขายอาหารเสริม คอลลาเจน สกินแคร์ มีทุนจดทะเบียนบริษัท 43 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ของ เชน โด่งดังเป็นที่พูดถึง เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จัก ประสบความสำเร็จมากๆ เคยทำกำไรมากสุดถึง 81 ล้านบาท ในปี 2563

เผชิญวิกฤตเมจิกสกิน “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” นางฟ้ามาโปรด ช่วยปลดหนี้ 66 ล้าน
ในปี 61 เชนต้องเผชิญวิกฤตผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจาก เมจิกสกิน เกิดการกวาดล้างอาหารเสริมไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทำให้กระทบกับอมาโด้ เหตุข่าวเมจิกสกิน ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว จากหนึ่งเดือนขายได้ 20-30 ล้าน ลดเหลือ 11 ล้าน เงินไม่พอจ่ายพนักงานและโรงงาน หากถอยเชนต้องแบกหนี้ 66 ล้าน แต่สุดท้ายค้นพบว่าคอลลาเจน เป็นสินค้าในบริษัทที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เชนนำเงินก้อนสุดท้าย เพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้น ขายเคลียร์สต็อก เอาเงินมาลงทุนกับคอลลาเลน เขียนแผนงานตอนตีสอง แล้วก็นึกถึงหน้า “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” หลังจากนั้นเจ้าตัวก็รื้อแผนตลาดใหม่หมด ดึงใบเฟิร์นเป็นพรีเซ็นเตอร์ สุดท้ายผ่านวิกฤตมาได้ เชนยกให้ใบเฟิร์น คือ “นางฟ้ามาโปรด”

สินสอดแพงระยับ
เชน คบหาดูใจกับ เจมส์ กาลย์กัลยา ภูโชคอนันต์ (ชื่อเดิม เจมส์ กณิการ์ ภูศรี) แฟนสาวนอกวงการดีกรีรองอันดับหนึ่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์รุ่นแรกๆ รวมทั้งได้ขวัญใจปัตตานี เชนเจอเจมส์เพราะต้องเป็นสปอนเซอร์ให้เวทีนางงาม ต้องไปทำกิจกรรมกับเหล่านางงาม ทำให้เกิดอาการตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบ จบทริปจึงขอไลน์ นัดเจอ ตามขายขนมจีบ ส่งดอกไม้พิชิตใจอย่างเต็มสตรีม

ในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2560 ทั้งคู่ได้สร้างความฮือฮาให้กับโลกออนไลน์ เชนไปสู่ขอภรรยาพร้อมพิธีหมั้นแบบไทย-จีน และพิธีฉลองมงคลสมรสจัดที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค มูลค่าสินสอด 168 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านหรู 147 ล้านบาท (รวมค่าตกแต่งร่วม 200 ล้าน) ทองคำหนัก 168 บาท เงินสด 8,888,888 บาท มอบมงกุฎเพชร 25 กะรัต 5 ล้าน และเครื่องเพชร 3.7 ล้าน โดยเจมส์ร่วมสร้างเนื้อสร้างตัวกับหนุ่มเชนมาตั้งแต่วันแรก ตอนที่ยังไม่มีอะไรติดตัว จนในวันนี้ที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ ปัจจุบันทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึง 5 คน คือ น้องสเปซ, น้องสเตลล่า, น้องสตาร์รี่, น้องสโนว์ และน้องสกายเลอร์ เชนได้ผันตัวสู่เส้นทางนักธุรกิจอย่างเต็มตัว

เบื้องหลังคฤหาสน์ 200 ล้าน แลกมาด้วย...!?
เบื้องหลังคฤหาสน์สุดหรู 200 ล้านริมทะเลสาบ ใหญ่โตราวปราสาทในเทพนิยาย ตกแต่งภายในสไตล์ยุโรป เชนเคยเล่าว่า ตัดสินใจซื้อตอนที่ตัวเองยังเด็ก และเป็นช่วงที่ธุรกิจเพิ่งเติบโต กัดฟันลองซื้อดู แต่การซื้อบ้าน ก็ทำให้ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้พัก ชีวิตทั้งหมดต้องถวายให้กับการทำงาน ต้องล้มลุกคลุกคลานหลายครั้งกว่าจะได้ย้ายเข้าบ้าน ต้องไปนอนอยู่ชั้น 4 ของออฟฟิศ เพื่อให้ตื่นเช้ามาแล้วได้ทำงานเลย เชนยอมแลกกับชีวิตความเป็นส่วนตัว เพื่อบ้านหลังนี้

เดิมทีเชนไม่อยากซื้อบ้านหลังนี้ แต่เพราะภรรยาชอบบ้านหลังนี้มาก ตอนแรกยังซื้อไม่ได้ ก็ท้อเลย พอทำธุรกิจก็หนีไม่พ้นเรื่องสายมู เคยท้าทายหลายอย่างจากพระพิฆเนศ แล้วดันได้ จนต้องอัญเชิญมาเป็นประธานที่ชั้น 5 ในปี 59 อมาโด้ติดขัดอยู่ที่ 60-70 ล้าน เอาไม่ขึ้น ต้องพึ่งไสยศาสตร์ ให้ซินแสมาดูฮวงจุ้ยให้ ปีถัดมายอดขายขึ้นมา 200 ล้าน หลังจากนั้น 5 ตึกยันคลังสินค้า ทุกอย่างต้องยึดฮวงจุ้ย จนทุกอย่างลงล็อกได้บ้าน รวมแตกแต่งภายในอยู่ที่ 200 ล้าน มีบ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่ มีสะพานข้าม

ภายใต้ความสำเร็จ กินหรู อยู่สบาย คนอยู่เบื้องหลังคอยซัปพอร์ตคอยหนุนอยู่ตลอดเวลาคือภรรยา ซึ่งเชนบอกว่าเธอเป็นคอมฟอร์ทโซนสำหรับเขา เชนใช้ชีวิตแบบรัดกุม คำนวณการใช้ชีวิตและการใช้เงิน อยากมีครอบครัว อยากให้มั่นคง 3 ปีต้องเป็นแบบนี้ 5 ปีต้องเป็นแบบนั้น คิดถึงอนาคตข้างหน้า ภายหลังซื้อบ้าน ก็คิดเรื่องลูก เชื่อเรื่องดวง และทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้

เชนเคยเล่าว่าอมาโด้เป็นสตาร์ทอัปที่ไม่มีเงิน ทุกอย่างเริ่มด้วยการระดุมทุนบ้าง เพิ่มทุนบ้าง แต่มีการปรับโครงสร้างบริษัท ครอบครัวกลับมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เลยจุดคำว่ากลัวเป็นหนี้ คิดว่าทำได้ ยังไงต้องเคลียร์ได้ ช้าเร็วเป็นเรื่องอนาคต โชคดีที่เจอวิกฤตใหญ่มาแล้วหลายรอบ เหมือนได้ซ้อมรบมาก่อนตลอดเวลา จึงไม่หวั่นกับสถานการณ์โควิด

เชนใช้สมองทำงานอย่างเต็มที่วันละชม.ครึ่ง เชื่อในการทำน้อยได้มาก คิดชั่วโมงครึ่งเหมือนทำงาน 8 ชม. จากวันแรกขอวันละ 50 กล่อง ขอเดือนละ 3 แสนบาท ปี 63 ปิดไป 2,200 ล้าน! ปี 64 ปิดไป 2,400 ล้าน! เป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าตัวตกใจอยู่ไม่น้อย

เบื้องหลังความสำเร็จที่ได้เห็น อาจไม่เป็นอย่างที่คิด ทั้งเชนและภรรยา ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ภายหลังสั่งซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากบริษัทไทยยินตัน จำกัด มูลค่ากว่า 79 ล้านบาท แต่เมื่อส่งสินค้าไปให้ กลับไม่ยอมจ่ายเงินค่าสินค้า อ้างว่าทำผิดสัญญา สินค้าไม่ได้คุณภาพตามที่สั่ง ถือว่าเป็นครั้งที่หนักที่สุดเท่าที่เชนเคยเผชิญวิกฤตมา

ต้องรอดูต่อไปว่าสายเลือดนักสู้อย่างเชนจะกู้วิกฤตและหาทางออกครั้งนี้ให้ตัวเองอย่างไร...