xs
xsm
sm
md
lg

“เบิ้ล ปทุมราช” เสียหายจากดิไอคอน 2.5 แสน แต่ขอเป็นกลาง ไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เบิ้ล ปทุมราช” รับเป็นหนึ่งในผู้เสียหายจากดิไอคอน เปิดบิล 2.5 แสน แต่ขอเป็นกลาง ไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน บอกส่วนตัวก็สนิทกับดาราที่ต้องอยู่ในเรือนจำตอนนี้ทุกคน ไม่ได้อยากได้เงินคืน เพราะยังมีผู้เสียหายที่เดือดร้อนกว่าตนอีกเยอะ

เป็นหนึ่งในผู้เสียหายของดิไอคอนเหมือนกัน สำหรับนักร้องหนุ่ม “เบิ้ล ปทุมราช” ล่าสุดเบิ้ลเผยถึงเรื่องนี้ในงาน Central Danim Fest bearbeary ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสเกต บอกตนขอเป็นกลาง เพราะสินค้าก็อร่อย ที่สำคัญกับดาราที่อยู่ในเรือนจำตอนนี้ตนก็สนิทด้วยทุกคน

เบิ้ลก็รู้จักเจ้าของจริงๆ ครับ ผมเองก็เคยไปร่วมงาน ผมเป็นกลางนะ คือไม่ได้เข้าข้างฝ่ายที่กำลังมีข่าวมากๆ แต่จะโพสต์อะไรลงไปมันอันตรายมากๆ ด้วยภาษาของการพิมพ์ เราไม่ได้เรียนกฎหมาย ไม่ได้เรียนความถูกต้องของภาษาเขียน ผมก็เลยบอกทางผู้ใหญ่ว่าผมสามารถให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่และพูดความจริงทุกอย่างได้ จริงๆ ผมไม่ได้รู้สึกว่าต้องการเงินคืน ไม่ได้อยากไปสร้างกระแสหรือไปจมปลักอยู่ตรงนั้น

ถามว่าไปรู้จักได้ยังไง ก็เป็นคนใกล้ตัวครับ แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยดีกว่า เพราะจริงๆ พี่เขาก็คงมีความหวังดี เพราะถ้ามันขายได้ ถ้ามันได้กำไร ถ้ามันดีเราก็อาจจะไม่ได้มีข่าวแบบนี้ เราเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง ตอนที่รู้ข่าวก็ตกใจครับ เพราะพรรคพวกพี่ๆ ทุกคนก็เป็นคนที่เราก็รู้จักในวงการ เพราะส่วนตัวพี่ๆ เขานิสัยดี จริงๆ ของพี่ๆ เขาดีมากๆ อร่อยด้วย แต่ก็ไม่ได้ขายเลย ปัจจุบันก็เอาไว้ที่บ้าน ก็เปิดบิลไป 2.5 แสน (หัวเราะ)”

บอกไม่อยากพิมพ์แสดงความคิดเห็น เพราะไม่อยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน
“ที่ไม่ได้อยากได้เงินคืนเพราะผมคิดว่ามีคนที่ลำบากกว่าผมที่อยากได้เงินตรงนั้นมากกว่า เรายังสามารถไปหาจากคอนเสิร์ต หาจากงานต่างๆ ได้ แต่ถ้าเราจะไปฟ้องร้อง ไปโพสต์ดำเนินคดีนั่นนี่ต่อ ผมว่ามันเท่ากับเราไปแกว่งเท้าหาเสี้ยนมากกว่า ให้มันมีข่าวปั่นเราอีกรอบนึง ตอนนั้นผมก็ปรึกษาพี่ๆ ที่เป็นทนาย เป็นตำรวจ เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกเบิ้ล บางทีก็เงียบๆ ไว้ดีกว่า บางทีภาษาพิมพ์ของเรามันอาจจะไม่ได้ถูกต้องทุกอย่าง เขาเรียกว่าการสาปแช่งทางอ้อม การมาคอมเมนต์อะไรต่างๆ ก็เลยรู้สึกยิ่งเราเป็นข่าวยิ่งทำให้เราต้องไปอ่านเมนต์ที่มันกระทบจิตใจดีกว่า ถ้าวันนึงถูกดำเนินคดีในทางที่เราผิดจริงๆ เราก็พร้อมอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้มีอะไรตรงนั้น

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ผมว่าเป็นเรื่องความยุติธรรมของคนทั่วไป คนที่เขาลงทุนเขาก็อยากร่ำอยากรวยนั่นแหละครับ ส่วนผู้บริหารที่ทำตรงนั้นมาเขาก็ต้องหวังว่าเขาจะทำธุรกิจให้เติบโตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเบิ้ลมองว่าต้องวิเคราะห์มากขึ้นครับ ต้องวิเคราะห์ทั้งผู้ที่ทำธุรกิจและผู้ลงทุน ผมเป็นกลางนะ ในฐานะที่เราเองก็เป็นนักธุรกิจ ทำหนัง ทำอะไรต่างๆ ผมก็มองว่าใจเขาใจเรา แต่สุดท้ายอยู่ที่ความถูกต้อง การรับงานเบิ้ลกับผู้จัดการจะเป็นคนที่ไม่ได้รับงานรีวิว ถ้าเห็นเบิ้ลจะมีแค่พรีเซ็นเตอร์ 3 ตัวจะไม่ค่อยได้รีวิวหรือไปรับจ็อบไลฟ์สดทั่วไป ไม่ค่อยได้รับอยู่แล้ว”





กำลังโหลดความคิดเห็น