“ณวัฒน์” มั่นใจไม่กระทบงาน หลังโพสต์ดรามาแมวดำในซีรีส์แม่หยัว เผยตกลงกับช่องวันแล้ว นักแสดงจาก MGI จะไม่รับงานที่มีการทรมานสัตว์ ถ้าเจอจะให้หยุดทันที เชื่อเคสนี้ไม่เปลี่ยนวงการละคร เพราะใกล้จบชีวิตแล้ว ขนลุกฉากบางฉากไม่จำเป็นต้องมี แต่ใส่วายและเกิร์ลเลิฟมั่วไปหมด
เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิง ที่ออกมาโพสต์ติงเรื่องการวางยาสลบแมวดำ ในซีรีส์แม่หยัว สำหรับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล”งานนี้หลายคนเลยแอบเป็นห่วง หวั่นว่าจะกระทบเรื่องการร่วมงานกับช่องวันหรือไม่ เพราะซีรีส์หยดฝนกลิ่นสนิม ของ “อิงฟ้า วราหะ”กับ “ชาล็อต ออสติน”กำลังจะออนแอร์วันที่ 23 พ.ย. นี้ ล่าสุดณวัฒน์เปิดใจถึงประเด็นนี้ มั่นใจไม่มีปัญหาแน่นอน ถึงจะร่วมงานกัน ก็ไม่จำเป็นต้องเห็นคล้อยตามด้วยทุกอย่าง
“ไม่มีหรอกครับ ผมว่าเรื่องของการช่วยกันดูแลความเหมาะสม เกี่ยวกับเรื่องของสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าง ฟิล์ม (ธนภัทร กาวิละ) ซึ่งเป็นนักแสดงหลัก เขาก็รู้สึกหนักใจกับการที่เขาต้องเห็นภาพนั้น เขาก็รู้สึกแย่ แล้วมรสุมมาลงเขาอยู่เรื่อย ละครทุกเรื่องที่เขาเล่น ทำไปทำมามีแต่ปัญหา คนก็จะคอมเพลน กลายเป็นว่าเขาเหนื่อยฟรี ก็ต้องเก็บเอาไว้เป็นบทเรียนเลยสำหรับช่องวันเราพูดกันตรงๆ ถ้าเราจะทำงาน สำหรับนักแสดงจาก MGI ไม่ขอรับงานแสดง ที่มีสัตว์เลี้ยงเข้าข่ายทรมาน หรือต้องมาใช้ชีวิตที่มันไปละเมิดเขา อย่างมากอาจมาร่วมเฟรม เหมือนสัตว์เลี้ยงน่ารัก นางเอกพระเอกเลี้ยงอยู่แล้ว
อย่าถึงขนาดจะต้องเอามาทรมาน มาวางยา หรือทุบตี หรือกักขังหน่วงเหนี่ยวทรมาน เพราะตอนนี้กฎหมายสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องของความรุนแรงที่ผิดกฎหมายอาญา ซึ่งเราก็ขอร้องไปเรียบร้อย ทางพี่ป้อน (นิพนธ์ ผิวเณร) เขาก็ส่งแมสเสจผ่านกลับมาเป็นไลน์ ว่าทางบริษัทจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ และจะไม่ทำอีกเด็ดขาด ซึ่งก็สบายใจระดับหนึ่ง แต่ยังรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่มันเกิดเรื่องไปแล้ว ผมว่ามันหลายตานะ หลายคนที่ยืนอยู่ ไม่ว่าจะผู้กำกับ ครีเอทีฟ นักแสดง แสง สี เสียง กล้อง คนแวดล้อม มันจะมีใครที่ค้านไหม มันไม่มีใครค้านเลยเหรอ ที่ต้องกรอกยานอนหลับแมว ยาสลบแมว ผมว่าอันนี้มันเกินเหตุไปนิดหนึ่ง
แล้วดาราบางคนเห็นเป็นเรื่องคะนองไปอีก อย่างน้องบิ๊นท์ (สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์) ก็มาโพสต์ว่าต้องได้ตุ๊กตาทองแล้ว ประมาณว่าชักเก่งอย่างนี้ผมว่ามันเส้นบางๆ นะ ระหว่างเรื่องของการถ่ายทำ กับเรื่องการทรมานสัตว์ และไร้ซึ่งวุฒิภาวะในการกลั่นกรอง ว่าขอบเขตควรหยุดแต่ไหน อันนี้ต้องไปฝึกเอา แต่ทุกคนก็แก่แล้วครับ ไม่รู้จะฝึกอะไรกันอีก ผมก็ยินดีที่จะทำงานกับช่องวัน แต่เราไม่ได้หมายความว่า ถ้าอะไรไม่เหมาะสม เราจะต้องเห็นถึงอาชีพเป็นหลัก ต้องไม่พูด หรือต้องเห็นคล้อยต้องกัน เอาจริงๆ ถ้าเกิดกับศิลปินผม ผมให้หยุดเลยนะ และผมก็เลิกถ่ายเลย เพราะผมเซนซิทีฟกับเรื่องสัตว์เลี้ยงมาก โดยเฉพาะพวกสุนัข แมวจรจัด คือมันเป็นโมเมนต์ที่ถ้าใครไม่เมตตาสัตว์ จะไม่รู้หรอก คนที่ทำได้คือคนที่อาจจะจิตใจโหดเกิน ต้องพูดตรงๆ ว่าใจอำมหิตไป”
ไม่คิดว่าเคสนี้จะเปลี่ยนวงการละคร เพราะมันใกล้จบชีวิตแล้ว รับขนลุกกับบทละคร บางบทไม่เห็นจำเป็นต้องมี
“วงการละครมันใกล้จบชีวิตแล้ว ผมว่ามันคงต้องเหลือเพียงแค่สิ่งที่เหมาะสมเอาไว้ดู ต่อให้คุณทารุณกรรมอะไรก็แล้วแต่ มันไม่สามารถเรียกเรตติ้งได้ และมันไม่สามารถเรียกสปอนเซอร์ได้ ตอนนี้หลายคนเปรอะไปหมด ผมไม่ได้ว่านะ แต่ด้วยบริบทของบทละครบางบท มันไม่เห็นจำเป็นต้องมีบางบท เช่นเรื่องบางเรื่อง ไม่เห็นต้องใส่ซีรีส์วายกับเกิร์ลเลิฟ มันมั่วไปหมดอยู่ในเรื่องเดียวกันคือมันทำให้คนรู้สึกสับสน ผมว่ามันต้องมีเมนคอนเซ็ปต์ ถ้าเป็นชายจริงหญิงแท้ เป็นเรื่องประวัติศาสตร์ ก็ควรจะเป็นชายจริงหญิงแท้ประวัติศาสตร์
อยู่ๆ มาแบบนั้น ทุกคนมันขนลุก จะอ้างว่าประวัติศาสตร์มันมีเหรอ แต่มันก็ไม่ใช่โมเมนต์นี้ เพราะโมเมนต์นี้มันต้องขยี้ถึงความแข็งแรง ถึงการต่อสู้ ผมว่าละครทุกเรื่องทุกช่องมันหนืดเต็มทีแล้ว ก็หาวิธีการทำให้มันรู้สึกสบาย จะเลือกอะไรเลือกสักอย่าง แต่ละครคงฟื้นคืนชีพไม่ได้ ด้วยโลกาภิวัตน์ ในชีวิตละครต้องจบลง เพราะมันจะไปเกิดที่ใหม่ ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เราดูอยู่ตอนนี้ แล้วแพลตฟอร์มนั้นมันค่อนข้างละเมียดละไม ไม่ค่อยง้อสปอนเซอร์ เพราะสิ่งที่รีเทิร์นธุรกิจคือเมมเบอร์ของคนดู เขาเลยไม่ต้องตามใจใคร ไม่ต้องเสียงของคนรุ่นไหน เขาฟังเสียงของคนดูเป็นหลักครับ”