กำลังเป็นข่าวที่หลายคนจับตามอง สำหรับจากกรณีที่ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” เปิดคลิปเสียง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เรียกเงิน 20 ล้าน จาก “บอสปัน” ดิไอคอน เพื่อพา “บอสพอล” มาเคลียร์ตัวเองผ่านรายการโหนกระแส ซึ่งเรียกว่าเป็นหนังคนละม้วน กับสิ่งที่ฟิล์มได้ออกมาแถลงโต้ ว่าไม่ได้เป็นการตบทรัพย์ แต่เป็นค่าทำพีอาร์ พร้อมยืนยันถูกตัดต่อเสียง ซึ่งงานนี้ก็ต้องพิสูจน์หลักฐานกันต่อไป ว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่
แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีต นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีข่าวฉาวเกิดขึ้นกับ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เพราะตลอด 19 ปีที่โลดแล่นอยู่ในวงการ เจ้าตัวก็ได้เจอมรสุมชีวิตอย่างหนักหน่วง แต่ทุกครั้งก็ผ่านมาได้ตลอด เหมือนกับเป็นแมว 9 ชีวิตที่ฆ่าไม่ตาย…
เริ่มจากในปี 2549 “ฟิล์ม” เคยมีข่าวกับ “เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม” เซียนพระชื่อดังผู้ล่วงลับ เกี่ยวกับประเด็นที่เสี่ยอู๊ดเคยช่วยเหลือครอบครัว ทั้งเรื่องบ้าน เรื่องรถ รวมเป็นเงินนับ 10 ล้าน ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำเอาหลายคนแอบสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ว่ามีความสนิทลึกซึ้งกันเกินกว่าการเป็นผู้มีอุปการะคุณหรือเปล่า แต่เจ้าตัวก็ได้ออกมาปฏิเสธ ว่าเป็นเพียงผู้มีพระคุณ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ทำเอาเสี่ยอู๊ดก็ถึงกับปรี๊ด ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแฉต่อ เผยว่าฟิล์มบอกรัก ตนเลยโอนทุกอย่างให้หมด ก่อนต่อมาเสี่ยอู๊ดจะถูกตัดสินจำคุกจากคดีฉ้อโกงประชาชนเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งหลังพ้นโทษ เสี่ยอู๊ดก็ได้เผยถึงฟิล์มอีกครั้ง ว่าขอโทษที่ครั้งหนึ่งที่เคยพูดให้เสียหาย
ต่อมาในปี 2553 “ฟิล์ม” ได้ตกเป็นข่าวทอล์คออฟเดอะทาวน์อีกครั้ง ว่าทำสาว “แอนนี่ บรู๊ค” อดีตนักแสดงและนางแบบตั้งครรภ์ จนได้คลอดบุตรชายออกมาคนหนึ่ง โดยไม่รับผิดชอบใดๆ ซึ่งงานนี้ฟิล์มก็ได้ออกมายอมรับ ว่าเคยคบหากันจริง แต่ปฏิเสธที่จะรับเป็นลูก พร้อมยืนยันให้แอนนี่ตรวจดีเอ็นเอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม แม้ปัจจุบันความจริงจะปรากฎแล้ว ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของฟิล์มจริงๆ แต่ในตอนนั้นก็ทำให้ชีวิตที่กำลังกลับมารุ่งเรืองสุดๆ ของหนุ่มฟิล์ม ต้องดิ่งลงอีกครั้ง เพราะถูกต้นสังกัดพักงาน ก่อนจะตัดสินใจไปบวช และไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ
หลังกลับมาเมืองไทย ฟิล์มก็เดินหน้าทำงานหลายอย่าง ทั้งการเป็นนักธุรกิจและนักการเมือง แต่ก็ไม่วายมีเรื่องให้ต้องเฉียดคุก เพราะในปี 2561 ธุรกิจเจ้ากรรมอย่างแอปฯ เพย์ออล ที่เจ้าตัวเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันประกอบธุรกิจ บัตรชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลได้สั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท รอลงอาญา 2 ปี แต่งานนี้ฟิล์มได้รับสารภาพ จึงได้ลดโทษปรับเหลือ 5 หมื่นบาท เป็นอันจบ