“สันต์ ศรีแก้ว” ผกก. ละคร แม่หยัว เผยไม่ได้ทำละครประสัติศาสตร์ มีการแต่งเติมตามสมมติฐาน แจงแพมเพิทโผล่แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ตั้งรับคำวิจารณ์ไว้อยู่แล้ว บอกอีก 5 ตอนที่เหลือยังพร้อมรับแรงกระแทกอีก
กำลังเป็นไวรัลและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กับละครเรื่อง แม่หยัว ที่ตอนล่าสุดจากละครอิงประวัติศาสตร์ กลายเป็นละครแนวยูริ แนว LGBTQ ไปซะแล้ว กับฉากที่แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ ซึ่งแสดงโดย “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” กับ ตันหย๋ง ที่แสดงโดย “เฟิร์น นพจิรา ฤกษ์ขจรนามกุล” จูบกันกลางสระบัว และยังมีฉากอื่นๆ ที่เหมือนจะหลุดคิวซี ไม่ว่าจะเป็นฉากแพมเพิทโผล่ , สนมทาเล็บเจล
โดยเรื่องนี้ “สันต์ ศรีแก้วหล่อ” ในฐานะผู้กำกับก็ได้ออกมาเปิดใจว่าทุกอย่างเป็นความตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว และยืนยันแก่นเรื่องตามประวัติศาสตร์ไม่ได้มีอะไรปรับเปลี่ยนแน่นอน
“เราตั้งใจทำ 10 อีพีเป็นสั้นๆ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันถูกวางไว้โดยบทอยู่แล้วว่ามันจะต้องมีอะไรในทุกๆ อีพี เราก็คาดถูกบ้าง คาดผิดบ้าง (หัวเราะ) แต่ก็ยังมาอยู่ ยังโอเคครับ ส่วนอีพีล่าสุดที่กำลังถูกพูดถึง จริงๆ วางไว้ตั้งแต่คาแรคเตอร์อยู่แล้วว่าตันหย๋งเป็นยังไง ตอนแรกก็คุยกัน ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่นะ เพราะจริงๆ ตัวสนมตันหย๋งไม่ได้มีตัวตนจริงอยู่แล้ว เป็นตัวละครที่สร้างขึ้น และเรื่องหญิงหญิง ชายชายก็มีมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างนี้มันถูกเขียนในกฎมณเฑียรบาลเลยว่าใครมีแล้วต้องโดนโทษโดนอะไรมันมีอยู่แล้ว พอเรามาทำเป็นละครแล้วเรามุ่งเน้นทางด้านสนมทั้ง 4 ทิศอยู่แล้วเนี่ย มันก็ต้องมีความแตกต่างในคาแรคเตอร์ ก็เลยถูกวางไว้ตั้งแต่ต้นครับ"
"ถามว่าเราทำให้ประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยนหรือเปล่า จริงๆ มันเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้น และประกาศออกไปอย่างชัดเจนว่าไม่ได้ทำสารคดีประวัติศาสตร์ แต่เราทำละครที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง เพราะฉะนั้นถ้าไปคลี่ดูทั้ง 10 ตอน ดูไปเรื่อยๆ มันมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ไทม์ไลน์มันตรง เกิดอะไรขึ้น ไปชิงสมบัตินั่นนี่ มันมีเรื่องตรงนี้เกิดขึ้นตรงกัน แต่ระหว่างทางที่บางทีมันไม่ได้ถูกบันทึกไว้ หรือเป็นการสมมติฐานเอาเอง มันก็เป็นช่องว่างให้เราได้มาสร้างแต่งเติม และสร้างตัวละครเพิ่มเข้าไป ซึ่งก็เป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”
บอกไทม์ไลน์หลักยังคงยึดไว้ ไม่ให้เสียแก่นตามประวัติศาสตร์
“ก็อธิบายแค่ว่าเราไม่ได้ทำเป็นสารคดีประวัติศาสตร์ (ยิ้ม) เอาเข้าจริงๆ ถ้าสมมติพูดถึงยุคอยุธยา โดยเฉพาะช่วงที่เราทำนี้ มันก็มีหลายแบบ มีหลายตำรา เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดอันไหนมันถูกต้อง บางตำราถูกเขียนมาหลังจากเกิดเหตุการณ์มาแล้ว 50 ปี 80 ปี มันเชื่อได้มั้ยล่ะ บางตำราก็เกิดจากทัศนคติ เราก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรายึดโยงไว้ในเรื่องก็คือไทม์ไลน์ แต่รายละเอียดที่มันจะเดินทางไปถึงไทม์ไลน์นี้แต่ละจุด แต่ละเหตุการณ์ก็ใช้วิจารณญาณของการสร้างเรื่องของเราครับ
อย่างไรเสียเหตุการณ์ที่มันเป๊ะๆ มันถูกเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นเพราะอะไร จากอะไร บางทีมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามคาแรคเตอร์ของเรา และจริงๆ มันคือความตั้งใจตั้งแต่ต้นของทั้งคนที่เป็นเจ้าของโปรเจ็คที่เขียนบทด้วย บางทีอยากให้ชวนกันมองประวัติศาสตร์แบบลองมองมุมอื่นดูบ้าง และถ้าสนใจก็ไปศึกษากันต่อครับ แต่เราก็รับฟัง ไม่ได้มีปัญหา จะว่าไปยังไงตอนนี้มันก็เป็นกระแสนะ คนพูดถึงประวัติศาสตร์ในยุคนี้ มีคนมาแชร์เรื่องนั้นเรื่องนี้ เดี๋ยวมีเรื่องตัวหนังสือ มีเรื่องต่างๆ นานา มันก็เป็นการต่อยอดการศึกษาไป ก็น่าจะถือว่าเป็นเรื่องดีครับ”
บอกฉากแพมเพิทโผล่ ไม่มีข้อแก้ตัว แต่เรื่องเจลทาเล็บก็ไม่คิดว่าจะเป็นกระแสขนาดนี้
“ไม่ได้มีข้อแก้ตัวนะ (หัวเราะ) แพมเพิทนี่คือไม่เห็นจริงๆ คือเห็นตอนถ่าย แต่ตอนตัดต่อไม่เห็น แต่ตอนถ่ายก็คุยกันไว้แล้วว่าเดี๋ยวต้องเอาออก แต่เล็บเจลเนี่ยคือผมคิดแค่ว่าสีมันเหมือนเล็บเนื้อ มันก็เหมือนกับเมคอัพต้องทารองพื้นแหละ ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ท้ายที่สุดพอมีคนทัก จริงๆ อย่างเล็บตอนออนแอร์ของช่องวัน เราไปลบทัน แต่อันที่ส่งสตรีมมิ่งเราลบไม่ทัน แต่ก็ตามไปแก้ไขทีหลัง เพิ่งลบเมื่อ 1-2 วันนี่แหละ ลบในแอพและในมาสเตอร์ทั้งหมด
ส่วนเรื่องผมของแม่จินดา (แม่หยัว) อันนั้นเป็นความตั้งใจ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ เพราะถ้าสมมติย้อนไปกันจริงๆ เขาก็ว่ากันว่าเหล็กร้อนสามารถเอามาทำผมม้วนๆ ได้ตั้งแต่สมัยไหนต่อไหนแล้ว ถ้าจะให้ยึดแบบนั้นจริงๆ มันก็ยึดได้ แต่เราไม่ได้รู้สึกซีเรียสกับเรื่องนี้ครับ คือเวลาทำละครคอสตูมดรามาแบบนี้ ละครประวัติศาสตร์แบบนี้ มันมักจะเจอแบบนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่เตรียมใจตั้งรับไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอ เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ยิ่งมีคนมาพูดมากๆ แปลว่ามีคนดู คนสนใจ ก็โอเค”
บอกที่ไม่เห็นพระเฑียรราชาในเรื่อง เพราะไม่ได้ตั้งใจให้มีการพูดถึงอยู่แล้ว
“ในเรื่องเราไม่ได้กล่าวถึง ถ้าตามประวัติศาสตร์พระเฑียรบวชอยู่ และตามลำดับขั้นเดี๋ยวมันต้องมีไปเชิญพระเฑียรมาครองราชหลังจากเกิดปัญหาต่างๆ นานา แต่เราวิเคราะห์และตัดสินใจปักธงกันแล้ว ว่าเราเรื่องนี้ผ่านจากเรื่องราวของท้าวศรีสุดาจันทร์ เพราะฉะนั้นถ้าอะไรที่มันไม่ค่อยเกี่ยวข้องนักก็ไม่ได้กล่าวถึง เพราะจริงๆ ถ้าจะไปตามพระเฑียรก็จะเป็นช่วงที่หลังจากพระไชยสวรรคต ซึ่งตอนนั้นมันก็ฝุ่นตลบของชีวิตของท้าวศรีสุดาจันทร์อยู่แล้วครับ
ซึ่งทั้งหมดนี้พอฟีตแบ็คมันออกมาดี ก็ดีกับทุกฝ่าย ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังทุกคนก็ดีใจที่ฟีตแบ็คดีและคนชื่นชอบ ก็เป็นกำลังใจที่ดีให้กับคนทำงานเรื่องต่อๆ ไปครับ ก็อยากฝากถึงคนดูว่า 5 ตอนที่เหลือก็จะสนุกและเข้มข้นไปเรื่อยๆ ครับ ผมว่ามีอะไรที่คาดไม่ถึงอีก ให้เตรียมใจไว้ (หัวเราะ) ผมนี่แหละเตรียมใจ (หัวเราะ) รับแรงกระแทกแน่นอน มีแน่นอน (ยิ้ม)”