“ตู่ นพพล-หมวย สุภาภรณ์” บอกตรงกัน ความทรงจำกับ “คุณยายบรรเจิดศรี” ใจดี จำบทแม่น และความเป็นกันเอง แถมเป็นคนขับรถเร็วมาก
เป็นนักแสดงรุ่นเก๋าของวงการบันเทิงอีกสองคนที่ใกล้ชิดและมีความสนิทสนมกับ “คุณยายบรรเจิดศรี” มาอย่างยาวนาน สำหรับ “ตู๋ นพพล โกมารชุน” กับ “หมวย สุภาภรณ์ คำนวณศิลป์” ซึ่งทั้งคู่ได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัยให้กับคุณยายบรรเจิดศรีเป็นครั้งสุดท้ายด้วย โดยครั้ง ตู๋ นพพล เผยว่ารู้จักกับคุณยายมากกว่า 40 ปีแล้ว
“กับป้าศรีคือสนิทกันมากๆ เลย เรารู้จักกันตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว ตั้งแต่หนแรกที่ผมไปเล่นกับดาราวิดีโอ คือเรื่องหัวใจสองภาค ก็เลยได้รู้จักกัน เพราะว่าป้าศรีจะเป็นคนคอยดูแลหาข้าวหาปลาให้ทาน เวลาย้ายกองป้าศรีก็บอกว่า มากับป้า และเป็นสตรีที่ขับรถเร็วมาก ซิ่งมาก เหยียบแหลกลาน (หัวเราะ) และจะสนิทกันที่สุดคือตอนที่ไปแสดงเรื่อง กนกลายโบตั๋น ที่เมืองจีน ป้าศรีก็เดินทางไปด้วยกัน ตอนนั้นจะเจอกันทุกวันเลย นางเอกก็คือคุณนุช ปรียานุช"
"ตอนที่อยู่เมืองจีนเราก็จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากๆ เลย จนกระทั่งกลับมาถ่ายที่เมืองไทยก็ยังได้เจอกันตลอด และหลังจากนั้นก็จะมีเรื่องอื่นๆ อีกที่ได้ทำงานร่วมกัน ผมเองได้กำกับป้าศรีในละครเรื่อง บ่วงบรรจถรณ์ ก็เชิญป้าศรีมาแสดง เพราะฉะนั้นยังไงก็ต้องมาส่งป้าศรีครับ วันนี้ก็มาบอกลา มีความรู้สึกว่าเป็นญาติสนิทที่จะต้องมาส่งกัน"
"ป้าศรีเป็นผู้หญิงที่มีความเมตตาสูง มีความกรุณากับรุ่นเด็กๆ ผมต้องถือว่าเป็นรุ่นหลานของป้าศรี เพราะฉะนั้นเวลาที่ป้าศรีดูแลเรา เราก็จะมีความสุข ป้าศรีจะรู้ดีเลยว่าชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร ก็จะจัดหาอาหารมาให้รับประทาน แล้วตอนที่ป้าศรีมาเป็นนักแสดงให้ผม ป้าศรีจำบทแม่นมาก ไม่ต้องห่วงอะไรเลยครับ เวลาที่ป้าศรีมาแสดงเราจะรู้เลยว่าเราจะได้การแสดงที่ดี และเหมาะสมกับบทบาทอย่างที่สุดครับ ป้าศรีแสดงละครมาทั้งชีวิตครับ ถึงอายุมากแล้วแกก็ยังแสดงอยู่ นี่คือชีวิตของนักแสดงครับ ชีวิตของป้าศรีเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เวลาที่ไปเยี่ยมป้าศรีที่บ้าน ป้าศรีจะมีความจำที่ดีมาก จำได้ทุกอย่าง”
ไม่ตกใจข่าวว่าตนเองเสียชีวิต กลับขำมากกว่า เพราะยังแข็งแรงดีมาก
“ผมก็ยังแข็งแรงครับ ออกข่าวกันเป็นบ้าเป็นบอ แต่ไม่ตกใจหรอก ผมขำ เป็นบ้าเหรอ ตอนนี้ก็มีเล่นหนัง 2 เรื่องครับ แล้วก็มีซีรีส์อีก 1 เรื่อง ต้นปีหน้าก็จะมีละครเวทีด้วย แต่ต้องให้ฝ่ายละครเขาเป็นคนออกข่าว วันนี้ความสุขของผมก็คือการทำงานครับ บทบาทที่อยากเล่นมันก็ยังมีนะ เราเล่นได้เสมอแหละ ยังมีอีกหลายบทที่เรายังไม่ได้เล่นและเราก็อยากเล่น นักแสดงจะมีบทบาทที่ยังไม่เคยเล่นทุกคนแหละ”
ด้าน “หมวย สุภาภรณ์” ก็เผยว่ารู้จักคุณยายมาร่วม 20 กว่าปี
“วันนี้ก็มาลาคุณยายค่ะ เพราะรู้จักกันมาเป็น 20 กว่าปี ตั้งแต่หมวยเข้าวงการ เล่นหนังได้เรื่องที่ 2 ก็เจอป้าศรี เรื่อง หนูแดง แล้วก็เล่นละครมาด้วยกันเรื่อยๆ ค่ะ ก็สนิทกันมากค่ะ แกน่ารัก และบางทีแกจำบทไม่ได้แกก็จะบอกว่าหมวยใจเย็นๆ นะ หมวยก็จะบอกว่าไม่เป็นไรเลยป้าศรี (หัวเราะ) แล้วหมวยอยู่ช่อง 7 และมีวันนี้ได้เพราะคุณแดง ศัลยา ไม่ว่าจะเรื่อง วันนี้ที่รอคอย, มงกุฎดอกส้ม คุณแดง ศัลยาเป็นคนเขียนบททั้งหมด เพราะฉะนั้นวันนี้ถือว่ามาช้าไปซะด้วยซ้ำค่ะ"
"ตอนเห็นข่าวก็ตกใจมาก แต่ก็คุยกับพี่แดงเรื่อยๆ อยู่แล้วว่าป้าศรีเป็นยังไง พี่แดงก็จะบอกว่าป้าศรีเหนื่อย พูดไม่ค่อยไหว ก็จะโทรเยี่ยมกันอยู่ตลอด ถึงจะไม่ถี่นัก แต่ก็ไม่ได้ขาดหายการติดต่อกันไปค่ะ ก็ติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ผ่านทางพี่แดง ศัลยา เพราะว่าบางทีป้าศรีก็ไม่ไหว ตอนนั้นที่โทรก่อนป้าศรีเสียก็ไม่ถึงเดือนมั้งคะ แกก็บอกว่าป้าศรีก็เรื่อยๆ ป้าศรีก็แก่แล้ว เราก็เข้าใจ ก็ถามว่ายังกินได้มั้ย ยังปกติมั้ย พี่แดงก็บอกว่ายังโอเคอยู่ ยังไม่ถึงขั้นติดเตียง ตอนนั้นหมวยก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะแกยังแข็งแรง”
สนิทมากจนคุณยายเคยขับรถมาเซอร์ไพรส์ที่กองถ่าย
“สมัยก่อนเราจะเรียกพี่ศรี ตอนนั้นก็จะมีหมวย มีป้าศรี มีอัษฎาวุธ มีหนึ่ง มาฬิศร์ ที่จะอยู่ด้วยกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด ตอนนั้นหมวยก็เป็นรุ่นเด็กเล็กที่ป้าศรีให้ความรักและอบอุ่นเรา บางทีหมวยถ่ายอยู่ต่างจังหวัด ป้าศรีก็ไปเซอร์ไพรส์ ขับไปหา มาคุย มาเมาท์ เหมือนกับมีเพื่อนรุ่นเด็กที่คุยกันถูกคอ ก็คุยกันเรื่อยเปื่อย แล้วก็นั่งคิดเลขกัน ฝึกสมองกันนิดนึง (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้เจอป้าศรีมาตั้งแต่หมวยย้ายไปอยู่ที่พัทยาค่ะ วันนี้ก็มาจากพัทยาเพื่อมาลา
สิ่งที่ได้จากป้าศรี เราซึมซับระเบียบที่ควรจะมี ป้าศรีไม่เคยสาย นี่คือระเบียบของนักแสดงทุกคนค่ะ และการตรงต่อเวลา ป้าศรีสำหรับหมวยถือว่าเป็นเหมือนแม่คนนึง เวลามีอะไรแกก็จะมาเตือนตลอด ส่วนใหญ่ป้าศรีจะคอยถามว่าไหวมั้ย ให้ขับรถระวัง หมวยก็จะบอกว่าป้าศรีก็เหมือนกันนะ ป้าศรีก็ซิ่งแหลกนะ เหยียบมาก (หัวเราะ) แต่เมื่อกี้ก็ได้บอกลาครั้งสุดท้ายแล้ว ก็บอกป้าศรีว่าวันนี้หมวยมาขอขมา ขออโหสิกรรม ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งต่อหน้าและลับหลังก็ดี สิ่งใดที่ทำล่วงเกินป้าศรีไปที่ไม่ดี ก็ขอให้ป้าศรีอโหสิกรรมให้ด้วยค่ะ”