“กุ้งพลอย” เหลืออด ฟางเส้นสุด ายตัดสินใจฟ้อง “หนุ่ม ศรราม” เพราะโดนบล็อก ติดต่อไม่ได้ ไม่ไเเจอลูกมา 8 เดือนแล้ว หยุดสร้างวาทกรรมอำพรางชี้นำสังคมให้ต้องตัดสินว่าตนไม่ดี ลั่นหากตนมัวแต่ทำคอนเทนต์ตอนเจอลูก โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกลูกเลยให้เอาหลักฐานออกมาโชว์ ซัดเป็นอีกฝ่ายรึเปล่าที่ทำคอนเทนต์ลูกมากที่สุด โอดไม่ได้เจอลูกมา 8 เดือนแล้ว
หลังจากที่ “หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์” ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังโดนอดีตภรรยา “กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ“ หรือ ”ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์“ ฟ้องร้องข้อหากีดกันไม่ให้พบลูก พร้อมเปิด 6 ข้อตกลงที่กุ้งพลอยร้องขอต่อศาลในการดูแลลูกสาว
โดย หนุ่ม ศรราม เผยว่าไม่คิดว่าติ๊กจะฟ้อง เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด สิ่งที่ถูกกล่าวหาก็ไม่เป็นความจริง สิ่งที่ติ๊กฟ้องว่ากีดกันไม่ให้พบลูกนั้น ตนไม่ได้ทำ แต่ละคนมีหน้าที่ตามที่บันทึกไว้หลังใบหย่า ลูกอยู่ในอำนาจปกครองของตนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย การศึกษา การเจ็บไข้ได้ป่วย หรือทุกอย่างในชีวิต นอกจากนั้นแล้ว หนุามยังเผยถึง เรียกน้องของลิงที่ฟ้องในชั้นศาลว่า ต้องการให้ลูกมาอยู่ด้วยในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ และจะไปส่งโรงเรียนวันจันทร์ รวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ และช่วงปิดเทอม เจ็บป่วยก็ต้องให้แม่ดูแล ซึ่งหนุ่มมองว่าสิ่งที่ติ๊กร้องขอมันเป็นอำนาจการปกครองของตนที่ติ๊กได้เซ็นสลักหลังใบยาไว้แล้ว
ล่าสุด ได้เจอ กุ้งพลอย จึงสอบถามถึงเรื่องการฟ้องร้องกับอดีตสามี ซึ่งกุ้งพลอยได้เปิดใจเล่าเรื่องราวข้อตกลงกับอดีตสามีเรื่องลูกว่า…
“จริงๆ แล้วมันค่อนข้างพูดยาก ไม่กล้าก้าวล่วงการพิจารณาของศาล ขอให้เป็นขบวนการศาลพิจารณาไปในขั้นต้น อะไรตอบได้ก็จะตอบ แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะตอบให้ทุกคนฟ้งชัดๆ ไปเลย กุ้งพลอยฟ้องเขาเรื่องยังไม่ขอพูดได้ไหม ขอจริงๆ กุ้งพลอยเคารพต่อศาลมาก วันที่พึ่งพาศาล ต้องเป็นวันที่ไม่รู้จะพึ่งพาใครแล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่อดทน ไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่ยอม เราทั้งยอมและอดทน ไม่ได้แข็งข้อนะคะแต่ว่าแข็งแรงขึ้น“
บอกเป็นปัญหาที่คาราคาซัง สะสมมาเป็นเวลานาน ลั่นเลิกเถอะใช้วาทกรรมในการอำพราง เผยฟางเส้นสุดท้ายเกิดการการโดนบล็อคทุกทาง
”เป็นปัญหาสะสม เราชอบอะไรที่ชัดเจน มันทำตามที่บอกได้เราโอเค แต่ถ้ามันไม่ชัดเจน สิ่งที่พูดไว้แล้วทำไม่ได้ แล้วมันไม่จริง ใช้วาทกรรมในการอำพรางก็เลิกทำเถอะนะคะ ฟางเส้นสุดท้ายมีมาสักระยะนึงแล้ว แต่ก็ยอมที่จะอดทน พยายามเข้าใจ ทุกคนก็รู้ว่าเรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกับลูก ไม่อยากจะมาฟาดฟันเหมือนแต่ก่อน 1-3 ปีที่แล้ว ฟางเส้นสุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องของการติดต่อสื่อสารที่โดนบล็อค ไม่รับสายหลายๆ รอบ“
เผยอีกฝ่ายอ้าง 6 ข้อหลังใบหย่าที่ตนยังไม่รู้กฎหมาย และทำการบล็อคตนจากลูกทุกวิถีทาง บอก 8 เดือนแล้วที่ไม่ได้เจอลูกเลย
“ในการอ้าง 6 ข้อหลังใบหย่าที่เรายังไม่รู้กฎหมายและไม่คิดอยากจะรู้กฎหมาย เพราะเชื่อใจและเคารพการตัดสินใจตอนนั้นไปโดยที่เรายังไม่รู้กฎหมายมากนัก เราเคารพการตัดสินใจใครคนหนึ่งเพราะเราไม่อยากให้เขาเครียด ไม่อยากให้เขาทุกข์ เราก็เลยยอมทุกอย่างตามที่เขาบอก แต่พอวันนึงที่เรารู้กฎหมายแล้ว สิ่งที่เราได้รับ 6 ข้อที่มีอยู่หลังใบหย่ามันกว้างเกินไป การที่จะห้ามในทุกๆ อย่างที่เราขอไป สิ่งที่เราขอมันเป็นสิ่งดี ๆที่วีจิจะได้รับทั้งนั้น แต่เราไม่เคยได้ เช่น การพบเจอลูก พบเจอที่ศิริไทมา 4 ปีกว่าแล้ว เราขอก็ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนสถานที่ ลูกป่วยก็ไม่ใส่ใจที่จะแจ้งเรา การบล็อควิดิโอคอลก็ทำ นึกอยากจะบล็อคก็บล็อค ไม่มีเหตุผลที่จะแจ้งบอก เมื่อก่อนก็อาจจะอารมณ์ปรี๊ดง่าย เดี๋ยวนี่นิ่งขึ้นเพราะมันชินแล้ว"
"ถ้ารวมที่เขาตกลง แล้วเราก็ยอมในข้อตกลงนั้น เราก็คิดว่าข้อตกลงนั้นพี่เขาจะทำให้มันชัดเจนขึ้น แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ชัดเจนขึ้น 2 เดือนไม่ได้เจอลูกก็หน้าที่ที่จะต้องแจ้ง ก็ไม่มีการแจ้ง ถ้านับวันนั้นจนถึงวันนี้ก็จะ 8 เดือนแล้ว วิดิโอคอลก็หลายเดือนแล้ว แต่ก็ยังโทรเรื่อยๆ เขาก็ไม่รับ ทุกวันนี้สังคมก็ถาม ทุกๆ คนก็ถามว่าเหตุผลคืออะไร ตัวเราเองก็อยากรู้เหมือนกัน มันก็เป็นสิ่งที่ดีในการยอมมา 4 ปีที่ผ่านมา เราก็เริ่มจะได้รู้เหตุผลแล้วจากที่เขาให้สัมภาษณ์ล่าสุดก็น่าจะเป็นคำตอบชัดเจนแล้ว”
บอกอีกฝ่ายใช้วาทกรรมอำพรางบอกตนเอาลูกมาทำคอนเทนต์ ไม่ได้สนใจความรู้สึกลูกเลย ลั่นใครกันแน่ที่ทำคอนเทนต์ ถ้ามีหลักฐานเอาออกมาโชว์เลย
“คอนเทนต์มีคนถามเยอะมาก จะบอกว่าวาทกรรมอำพรางมันเกิดขึ้นได้ทุกกรณีในการเบี่ยงประเด็น ในหลักของข้อความจริงรึเปล่า กุ้งพลอยไม่ได้ทำคอนเทนต์ ที่เขาบอกสระว่ายน้ำที่น้องไปเรียนพิเศษ ที่โรงเรียน ขอถามว่ามีรูปออกมาไหมคะ ถ้ามีรูปออกมาว่าไปทำคอนเทนต์ค่อยมาว่ากัน แต่มันไม่มีไงคะ สังคมก็ถามเรา ไม่อย่างนั้นเราไม่ชี้ประเด็นเป็นรูป สังคมก็จะเคืองใจเราไปอย่างนี้ตลอด เราเข้าใจน้ำหนักชื่อเสียงของเรามันป่นปี้ยับเยินไปหมดแล้ว พอจะพูด มาอธิบายคนไม่เชื่อหรอก เขาต้องเชื่อคนที่มีน้ำหนักมากกว่า"
"ถ้าพี่หนุ่มมีรูปที่สระว่ายน้ำ พี่หนุ่มก็เอามาให้นักสืบดูด้วยสิคะ ถ้าโรงเรียนมีรูปพี่หนุ่มก็ควรจะเอาหลักฐานเวลาที่สัมภาษณ์นักข่าวสำนักไหนสำนักหนึ่ง พี่หนุ่มก็เอาหลักฐานมาให้เขาดูด้วยสิค่ะ (เขาบอกเจอลูกเฉยๆ ไม่ต้องถ่ายรูป ไม่ต้องโพสต์?) งั้นพี่หนุ่มก็ควรจะทำเช่นนั้นด้วยเหมือนกันค่ะ ใครกันแน่ที่ทำคอนเทนต์ลูกมากที่สุด เป็นตัวเองรึเปล่า”
ไม่ขอคุยกับ ”หนุ่ม ศรราม“ แล้ว
“ไม่คุยคะ ไม่อยากคุยด้วย ก็เป็นหน้าที่ของทนายไปก็แล้วกัน (ข้อเรียกร้องเราอยากจะขอเลี้ยงลูกวัน ศ.- จ.?) ข้อเรียกร้องมาได้ไง มันเป็นข้อมูลในศาลพี่หนุ่มเอามาเปิดเหรอคะ เหรอคะ จริงๆ เหรอคะ ก็ดีค่ะ”
เรากังวลลูกก็โตขึ้นทุกวัน?
“เมื่อก่อนกังวลคะ เพราะมันเริ่มๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกกังวล รู้สึกว่าถ้าใครคนหนึ่งจะต้องโดนใส่ร้ายป้ายสีตลอด วันนึงเขาอาจจะยอม แต่วันนึงเขาอาจจะไม่ยอมคุณแล้วก็ได้ อาจจะลุกขึ้นมาสู้เพื่อปกป้องตัวเองด้วยเหมือนกัน (กลัวลูกลืมหน้าไหมไม่ได้เจอกันนาน?) ที่ผ่านมามันก็ยากอยู่แล้ว ก็ต้องพยายามอีก เพราะกลัวลูกจะลืมหน้า ที่ผ่านมาก็ถือว่าพยายามเต็มที่แล้วในทุกเรื่องราวที่ผ่านมา จนมั่นใจว่าลูกคงไม่ลืมแล้ว
ช่วง 1 ขวบกว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ลูกจะต้องมีแม่ 2-3-4-5-6-7 ลูกก็จำเป็นจะต้องมีแม่ ช่วงนี้ลูกจะต้องใกล้ชิดกับแม่ไม่ใช่เหรอ แล้วมันเป็นประเด็นจากใครที่ลูกใกล้ชิดกับแม่ยากเย็นเหลือเกิน”
คนรู้ว่าลูกอยากเจอหน้าแม่
“บอกกับลูกตลอดเวลาวิดิโอคอล แล้วก็รู้ด้วยว่าลูกอยากจะเจอเรา และคิดถึงเราเหมือนกัน เวลาที่เขาได้ยินบุคคลสองคนอยู่ในบ้านคุยกัน เวลาจะได้เจอแม่ ก่อนที่จะไม่ได้วิดิโอคอลเขาจะบอกว่าแม่ๆ… แม่ๆดีใจไหม ก็เลยบอกว่าดีใจ ถามว่ากลัวกระแสจะตีกลับไหม ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว เพราะจะถูกหรือผิดเราไม่ได้สู้กันต่อหน้าสื่อ ตอนนี้เราใช้กระบวนการการตัดสินของศาลเป็นการพิจารณาขั้นตอน ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการไกล่เกลี่ย“
ฝากถึงอดีตสามี เรื่องนี้จะไม่จบถ้ายังสร้างวาทกรรมอำพรางให้ตนอยู่ ซัดหนึ่งคำพูดไม่สู้กับหลักฐานที่อยู่ในมือหรอก
”คือเรื่องนี้จะไม่จบถ้ายังสร้างวาทกรรมอำพรางให้บุคคลอื่นอยู่ มันก็จะไม่จบหรอกคะ จริงๆแล้วเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับแพ้หรือชนะ มันเกี่ยวกับการที่เราจะหาจุดตรงกลางให้ลูกได้ดีที่สุดมากกว่า ไม่ใช่ลงจากศาลมาแล้วมาให้สัมภาษณ์ ถามหน่อยตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ อะไรที่ผลักดันให้พี่มายืนตรงนี้คะ มันไม่มีข่าวออกไปเลย ข่าวที่ออกมาก็มาจากเขา อย่าว่าว่าแก้เลยค่ะ ถ้าวันนี้ไม่ลุกมาปกป้องตัวเองมันก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไปไม่จบหรอกค่ะ ต่อไปนี้จะไม่ให้ใครมาใส่ร้ายป้ายสีกันได้อีกแล้ว ต้องขอโทษด้วย เวลาจะพูด จะสัมภาษณ์อะไรให้มีหลักฐานด้วย หนึ่งคำพูดไม่สู้กับหลักฐานที่อยู่ในมือหรอกค่ะ
(มีเงื่อนไขในการพูดอะไรได้บ้างไม่ได้บ้างกันไหม?)ด้วยมารยาทมันเป็นเรื่องของครอบครัว ตอนที่อยู่ที่ศาลมีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ เราก็กราบขอโทษเขา เราไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นข่าว อยากให้เคลียร์กันในขั้นตอนไกล่เกลี่ยและจบกันไปดีกว่า แต่สุดท้ายก็เห็นข่าวออกมาจากเขา“
จากคำสัมภาษณ์ “หนุ่ม ศรราม“ ไม่มีประเด็นไหนสะเทือนใจตน แต่ขอร้องอย่าชี้นำสังคมให้ต้องตัดสินว่าเราไม่ดี
”ไม่สะเทือนเลยคะ แค่รู้สึกว่าไม่น่าจะออกมาจากปากพี่หนุ่มเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันไม่เกี่ยวว่าใครถูกใครผิด ที่ผ่านมากุ้งพลอยก็ได้รับพลังจากประชาชนตัดสินว่าเป็นคนไม่ดีไปแล้ว หนูยังอยู่ได้เลยคะพี่ หนูยังสู้เลย โอกาสของกุ้งพลอยน้อยมากเลย โอกาสของพี่หนุ่มมันมีเยอะกว่ามากแล้วจะมาซีเรียสทำไม เวลาการชี้นำสังคมเราไม่ได้เก่ง เราพูดอะไรก็พูดออกมาจากใคร ไม่ต้องมีบท ไม่ต้องมีสคริปต์ เราไม่สามารถชี้นำประชาชนหรือสื่อได้ทุกคนให้มาเชื่อตาม ฉะนั้นเวลาพี่เขาพูดหรือให้สัมภาษณ์ ขอร้องนิดนึงอย่าชี้นำสังคมให้ต้องมาตัดสินว่าเราไม่ดี“