มากว่าเจ็ดทศวรรษ เขาคือบุคคลสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวงการดนตรี ด้วยผลงานอันทรงพลังที่ครอบคลุมทั้งดนตรีป๊อป แจ๊ส และภาพยนตร์ โจนส์ไม่เพียงสร้างผลงานที่อยู่ในใจผู้ฟัง แต่ยังสร้างแรงกระเพื่อมที่เปลี่ยนแปลงวงการเพลงและวัฒนธรรมป๊อปทั่วโลก
Thriller: การร่วมมือกับไมเคิล แจ็คสัน
หนึ่งในผลงานที่ทำให้ชื่อของควินซี โจนส์โด่งดังไปทั่วโลก คือการเป็นโปรดิวเซอร์และเรียบเรียงเพลงให้กับอัลบั้ม Thriller ของไมเคิล แจ็คสันในปี 1982 อัลบั้มนี้ไม่เพียงแต่กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล แต่ยังเป็นตัวแทนที่แสดงถึงความสามารถในการบุกเบิกสไตล์ดนตรีใหม่ๆ ที่ทันสมัยและเข้าถึงผู้ฟังในทุกยุคสมัย ด้วยการผสมผสานดนตรีป๊อป แจ๊ส และอาร์แอนด์บีในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
อัลบั้ม Thriller เป็นผลผลิตของความทุ่มเทและการทำงานที่ไร้ข้อจำกัดของควินซี โจนส์และไมเคิล แจ็คสัน พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โจนส์ไม่เพียงแต่เป็นผู้เรียบเรียงเพลง แต่ยังใส่ใจในทุกขั้นตอนของการผลิต ทำให้เพลงในอัลบั้มนี้ เช่น Billie Jean, Beat It และเพลงไตเติล Thriller เองกลายเป็นเพลงที่คนทั่วโลกรู้จัก
We Are the World: เสียงแห่งความเมตตา
ในปี 1985 ควินซี โจนส์ได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งที่สุดงานหนึ่งในประวัติศาสตร์ นั่นคือ We Are the World ซึ่งเป็นเพลงที่รวมเสียงร้องจากศิลปินระดับโลกหลายคน เพื่อระดมทุนช่วยเหลือประเทศเอธิโอเปียที่กำลังประสบปัญหาความอดอยาก
เพลงนี้ถูกเขียนโดยไมเคิล แจ็คสันและไลโอเนล ริชชี แต่การเรียบเรียงและการจัดการศิลปินทั้งหมดให้มาร่วมบันทึกเสียงในห้องอัดเดียวกันเป็นผลงานของควินซี โจนส์ ซึ่งเป็นภารกิจที่ไม่ง่ายเลย
การร่วมงานกับศิลปินระดับตำนานอย่างแฟรงก์ ซินาตร้าและเรย์ ชาร์ลส์
ควินซี โจนส์มีประวัติการทำงานที่หลากหลายและยาวนาน เขาได้ร่วมงานกับศิลปินระดับตำนานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฟรงก์ ซินาตร้า เรย์ ชาร์ลส์ และเอลล่า ฟิตซ์เจอรัลด์ ซึ่งทุกคนต่างยอมรับในความสามารถและความทุ่มเทของโจนส์ในการสร้างดนตรีที่สมบูรณ์แบบ
การทำงานร่วมกับแฟรงก์ ซินาตร้าในเพลง Fly Me to the Moon เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของโจนส์ เพลงนี้กลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมไปทั่วโลก เสียงเปียโนและเครื่องดนตรีที่เขาเรียบเรียงเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับเพลง ทำให้เพลงนี้คงอยู่ในใจของผู้ฟังตลอดกาล
อัลบั้ม "Miles & Quincy Live at Montreux" – การบุกเบิกสไตล์แจ๊สระดับโลก
อัลบั้ม Miles & Quincy Live at Montreux ในปี 1991 เป็นการกลับมาร่วมงานระหว่างควินซี โจนส์และไมลส์ เดวิส หลังจากที่ทั้งคู่ไม่ได้ร่วมงานกันนานหลายปี การแสดงสดครั้งนี้เกิดขึ้นที่ Montreux Jazz Festival ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งในอัลบั้มที่ทำให้ควินซี โจนส์เป็นที่รู้จักในวงการดนตรีแจ๊ส การเรียบเรียงดนตรีที่แสดงในครั้งนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในสไตล์แจ๊สที่ลึกซึ้ง และทักษะการเรียบเรียงที่เป็นเอกลักษณ์ของโจนส์
งานนี้ไม่เพียงเป็นการนำเสนอดนตรีแจ๊สที่ทันสมัยและเปี่ยมด้วยความซับซ้อน แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักในดนตรีของควินซี โจนส์ และการกลับมาทำงานร่วมกับไมลส์ เดวิสในบรรยากาศสดนั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและทรงพลัง ทั้งคู่สามารถสร้างบรรยากาศที่เข้มข้นและอารมณ์ที่ลึกซึ้งในการแสดงของพวกเขา
ปั้น วิล สมิธ และ โอปราห์
ไม่เพียงแต่ความสำเร็จในวงการดนตรี แต่ควินซี โจนส์ยังได้สร้างผลงานในวงการโทรทัศน์ที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมป๊อปในสหรัฐอเมริกาอย่างมาก นั่นคือรายการ The Fresh Prince of Bel-Air ซึ่งเริ่มฉายในปี 1990 โดยมีวิล สมิธเป็นนักแสดงนำ รายการนี้ไม่ได้เพียงแค่ให้ความบันเทิง แต่ยังสะท้อนถึงประเด็นทางสังคมต่างๆ เช่น ชนชั้น เชื้อชาติ และครอบครัวด้วย
โจนส์ ยังได้ชื่อเป็นคนแนะนำนักจัดรายการวิทยุหญิงที่ชื่อว่า "โอปราห์ วินฟรีย์" ให้กับ สปีลเบิร์ก จนเธอได้แสดงนำในหนัง The Color Purple และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่ของ โอปราห์ ด้วย